แคว้นฉู่ สิบหกปีต่อมา...
หน้าหอบรรพชนตระกูลหลี่ บุรุษร่างสูงใหญ่ยืนต่อหน้าท่านอ๋องหลี่เฉินอ๋องเจ้าแคว้นกับพระชายา รวมถึงรัชทายาทหลี่เหวินกับพระชายา โดยมีเหล่าขุนนางยืนเรียงแถวเป็นสักขีพยาน
“ขอบใจเจ้ามากหลี่เจี้ยน ได้เห็นเจ้ากับฟางเอ๋อร์ครองคู่เป็นฝั่งเป็นฝา ปู่สุขใจนัก”
ท่านอ๋องเอ่ยพลางตบบ่าผู้เป็นหลานชาย หลังท่านชายหลี่เจี้ยนเจ้าบ่าวสมรสพระราชทานเคารพศาลบรรพชนในพิธีรับตัวเจ้าสาว
“ต่อจากนี้ ฟางเอ๋อร์ต้องฝากให้เจ้าดูแลแล้ว อามีลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นแก้วตาดวงใจ หวังว่าเจ้าจะทะนุถนอมนางไม่ต่างกัน”
รัชทายาทหลี่เหวินเอ่ย แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มราวยินดี หากคำพูดกับดูเหมือนข่มขู่ ทว่าท่านชายหลี่เจี้ยนมิได้หวั่นเกรงเพียงรับคำน้ำเสียงนอบน้อม
“ฟางเอ๋อร์ออกจะเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่เพราะยังเด็กนัก ขอท่านชายเมตตานางด้วย”
เซียวเชี่ยนพระชายาของรัชทายาทฝากฝังอีกครั้ง
พิธีการดำเนินต่อ เจ้าบ่าวจะพาเจ้าสาวกลับไปยังจวน แม่สื่อพาเจ้าของร่างบอบบางในชุดแดงมีผ้าคลุมหน้ามาขึ้นเกี้ยว ทว่าก่อนจะขึ้นเจ้าตัวกลับวิ่งกลับไปกอดมารดาราวไม่อยากห่างจากอก
“ท่านแม่”
พระชายาเซียวลูบหลังบุตรสาวพลางปลอบเสียงอ่อนโยนแม้จะน้ำตาคลอหน่วยตา เจ้าตัวเพิ่งผ่านพ้นพิธีปักปิ่นไม่นานก็ต้องแต่งงาน บิดามารดายังใจหายมีหรือที่เจ้าตัวจะไม่กลัว แต่สัญญาหมั้นหมายมีมานับแต่บุตรสาวกำเนิด
“ถึงเจ้าแต่งงาน แต่ก็ยังอยู่แคว้นฉู่อีกนาน ยังไม่ได้เดินทางไปแคว้นมู่วันนี้พรุ่งนี้เสียหน่อย เจ้าต้องการมาหาแม่เมื่อใดก็ย่อมได้ อย่าร้องไห้ในวันแต่งงานของเจ้า ต้องยิ้มมีความสุขเป็นนิมิตหมายที่ดี”
“อื้อ”
องค์หญิงหลี่ฟางพยายามกลั้นก้อนสะอื้น ขณะที่แม่สื่อมารับตัวกลับไป
ท่านปู่ท่านย่าต่างส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูหลานสาว รัชทายาทหลี่เหวินเองก็ยิ้มตามบุตรสาวคนเล็ก ต่อไปไม่ได้ยินเสียงออดอ้อนเจื้อยแจ้วร้องขอนั่นนี่แล้วคงเหงาไม่น้อย
สายตาคู่หนึ่งจับจ้องพระชายาเซียวนิ่งนานนับแต่เดินเคียงคู่มากับรัชทายาทหลี่เหวินที่ติดตามท่านอ๋องและพระชายาออกมาส่งองค์หญิงหลี่ฟาง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนยืนอยู่กับที่ไม่ขยับจนแทบจะขวางเส้นทางของเจ้าสาว กระทั่งมีมือของใครคนหนึ่งแตะลงบนบ่าพลางเอ่ยเสียงเบา
“เจ้ามัวคิดอะไร จะไม่ให้เจ้าสาวขึ้นเกี้ยวหรือ”
ผู้ถูกเตือนรู้สึกตัว ก่อนจะตั้งสติกลับไปขึ้นม้าของตน ถึงอย่างนั้นก็ยังอดหันกลับไปมองพระชายาของรัชทยาทซ้ำเป็นครั้งที่สองไม่ได้ สายตาที่มองตามผู้เป็นเจ้าสาวทั้งรักใคร่ห่วงใยและปลื้มปริ่มระคนกัน นั่นทำให้คนเห็นเจ็บแน่นในอก ขอบตาร้อนผ่าว
“หยางหรง เจ้ามานี่”
ท่านชายหลี่เจี้ยนหันกลับมาเรียกทหารองครักษ์ประจำตัวให้ขี่ม้าไปใกล้ตน เมื่อเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวไปแล้ว
หยางหรงข่มใจตน เมินหน้าจากพระชายาเซียว ชักม้าให้ตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ไปติดๆ แม้ในสายตาผู้อื่นอาจดูเหมือนองครักษ์คุ้มกันนาย แต่ออกจะดูแปลกไปสักหน่อยที่คนอื่นกลับขี่ม้าตามเบื้องหลัง ต่างจากองครักษ์ร่างสูงเพรียวนาม ‘หยางหรง’
จวนเหลียงอ๋องประดับประดาด้วยสีแดงมงคล งานเลี้ยงฉลองสมรสพระราชทานมีผู้มาร่วมยินดีเป็นชนชั้นสูงพระญาติที่สนิทสนมกับรัชทายาท และขุนนางใหญ่บางส่วนที่สนับสนุนองค์ชายรองหลี่ฉินก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นเหลียงอ๋องไปครองแคว้นมู่ แม้จะเคยอยู่คนละฝักฝ่ายมาก่อน แต่ต่างดื่มกินร่วมยินดีกับท่านชายหลี่เจี้ยนและองค์หญิงหลี่ฟาง กระทั่งได้ฤกษ์ยามเจ้าบ่าวจึงไปยังเรือนหอ
ทว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าบ่าวออกจากห้องหอเพียงไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น
“สายตาที่ท่านมององค์หญิงหลี่ฟางในวันนี้ ไม่ต่างจากที่เคยมองข้าเมื่อหลายปีก่อน แต่วันนั้นท่านทอดทิ้งข้า หันหลังให้ข้า ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองซ้ำ เวลานี้บุตรสาวของท่านมีเพียงองค์หญิงหลี่ฟางสินะ”
มือบางกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือ ภายในอกอัดแน่นรู้สึกหายใจแทบไม่ออก
ก๊อกๆๆ
“ข้าเอง”
เสียงด้านนอกทำให้คนที่กำลังคับแค้นใจขบริมฝีปากไม่ตอบรับ
“ข้ารู้เจ้ายังไม่หลับ เปิดประตู”
จากเสียงเคาะกลายเป็นเสียงทุบ หยางหรงขัดเคืองคนที่เอาแต่ใจตนนัก ร่างเพรียวลุกขึ้นเปิดประตูพลางเอ่ยเสียงขุ่น
“เพียงทหารแคว้นมู่ยังไม่พออีกหรือ ท่านต้องการให้คนที่นี่มองข้าเช่นไร”
แน่นอนว่าเป็นท่านชายหลี่เจี้ยน ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาโดยไม่ฟังสิ่งใดพลางคว้าหยางหรงเข้าไปกอด
“เจ้ารู้ดี ข้าไม่ได้อยากแต่งกับนาง”
เสียงเข้มพึมพำแนบใบหูเล็ก ริมฝีปากแกร่งเริ่มไต่ลงตามลำคอบาง
“ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ควรมาที่นี่เช่นกัน”
หยางหรงตอบกลับทันควัน
ท่านชายหลี่เจี้ยนผละออกมาจับบ่าทั้งสองข้างขององครักษ์คนสนิทอย่างขัดอกขัดใจ
“หยางหรง คืนที่ผ่านมาเจ้าผลักไสข้า แต่ข้ายังยืนยันคำเดิม คืนนี้ข้าจะไม่ร่วมหอกับใคร นอกจากเจ้า”
“ท่าน...”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ มือหนาก็ประคองสองข้างแก้มไม่ให้เจ้าตัวขยับ พร้อมแนบริมฝีปากลงมากดบดเบียดทำให้หยางหรงไม่อาจเลี่ยงได้ แต่ยังเม้มริมฝีปากไม่ยอมเปิดรับจนคนบังคับเองต้องผละออก
“เจ้าทนให้ข้าจูบผู้อื่น กอดผู้อื่นได้หรือหยางหรง”
ดวงตาคู่คมกริบจ้องดวงตาคู่เรียวอย่างคาดคั้น แล้วก็ได้เห็นความสั่นไหวลังเลจากนัยน์ตานั้น แต่เจ้าตัวกลับผลักอกหนาดันออกไปนอกประตู
“ท่านรีบกลับไปได้แล้ว”
ท่านชายหลี่เจี้ยนหันกลับ ทว่าปิดประตูแทน ก่อนกลับมาถามย้ำ
“เจ้าทนได้จริงหรือ”
หยางหรงส่ายหน้าไปมา ยิ่งท่านชายก้าวตามมา นางยิ่งถอยทีละก้าว
“อย่าทำเช่นนี้เลยท่านชาย”
“แค่ตอบมา ข้าจะอยู่กับเจ้าทั้งคืน”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่ท่านจะมาบีบคั้นข้า วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่าน กลับไปหาชายาของท่านเถิด”
ยิ่งอีกฝ่ายปฏิเสธ ท่านชายหลี่เจี้ยนยิ่งไล่ต้อนไม่ลดละ ทั้งยังคว้าแขนเรียวไม่ให้ถอยหนี
“ชายา? เจ้าต้องการสิ่งใดเล่า เลือกมาสิ เพียงบอกมาเท่านั้น”
เสียงเข้มดังขึ้น เห็นชัดว่าจะไม่ยอมออกไปจากห้องนี้
“จากแคว้นมู่มาถึงแคว้นฉู่ จนวันนี้ เจ้าเอาแต่ถอยหนี ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันไปจากข้าได้”
“ใช่สิ ทาสเช่นข้า หากต้องการหลุดพ้น คือตายเท่านั้น”
คำพูดแสนมั่นอกมั่นใจของท่านชายทำให้หยางหรงประชดประชันออกมา
“หากต้องการเป็นทาสข้าก็จะให้เจ้า ทาสต้องทำตามคำสั่งนาย และคืนนี้ข้าพอใจจะอยู่กับเจ้า”
“ก่อนหน้านี้ท่านจะเอาแต่ใจอย่างไร ข่มขู่ข้าอย่างไร ไม่มีใครห้ามท่านได้ แต่ท่านมีชายาแล้ว ท่านแต่งงานแล้วท่านชาย”
“ต่อให้อีกสิบองค์หญิงหลี่ฟาง ก็เปลี่ยนความต้องการของข้าไม่ได้”
ดวงตาคู่คมกริบที่มองตนไม่เคยเปลี่ยน ไม่ได้เอ่อล้นไปด้วยความรักหลงใหล ทว่าซื่อตรงกับทุกคำที่เอ่ย ‘ต้องการ’ คือ ‘ต้องได้’
“เจ้าเองเถิดหยางหรง ทั้งที่ข้าไม่อยากร่วมเตียงกับหญิงอื่น เจ้ากลับไม่ยินดี หากเป็นสตรีอื่นคงอ้อนวอน ร้องขอให้ข้าอยู่กับนาง ไม่ทอดทิ้งนางไม่ว่าค่ำคืนใด”
ภาพพระชายาเซียวโอบกอดองค์หญิงหลี่ฟางอย่างรักใคร่ แวบเข้ามาในความคิดหยางหรงอีกครั้ง
‘จริงสิ ไยต้องเป็นข้าที่ถูกทิ้ง ไม่ว่าจะหลายปีก่อน หรือตอนนี้ ข้าล้วนมาก่อนองค์หญิงหลี่ฟาง’
ความเจ็บปวดเสียใจฝังลึกกลับกลายเป็นความโกรธแค้นในใจ
หลายปีที่ผ่านมา หยางหรงดิ้นรนด้วยความลำบากยากเข็น กลัวอย่างที่สุด หิวไส้แทบขาด ต้องนอนกอดตัวเองในยามเหน็บหนาว เฝ้าฝันถึงไออุ่นจากมารดาเพื่อกล่อมตนเองให้หลับ บางครั้งก็ภาวนาให้นอนหลับไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีก แต่สวรรค์ยังปล่อยให้มีชีวิตรอดในทุกครั้ง
แน่นอนว่าหยางหรงคิดถึงมารดา แต่เผื่อใจว่าอาจไม่มีโอกาสพบหน้าอีก ทว่ามาถึงแคว้นฉู่ กลับได้เห็นมารดาของตนเป็นถึงพระชายาของรัชทายาท มีบุตรสาวคนใหม่ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมีความสุขกับครอบครัวใหม่ ทิ้งทุกอย่างที่แคว้นมู่ไว้เบื้องหลัง
‘ไยต้องมีเพียงข้าที่เจ็บปวด’
หยางหรงสบตาท่านชายหลี่เจี้ยนอย่างไม่หลบเลี่ยงอีกแล้ว
“ข้าไม่ต้องการให้ท่านไป”
รอยยิ้มระบายบนริมฝีปากแกร่งในทันใด ก่อนแขนกำยำจะคว้าร่างเพรียวมาแนบอก