เมื่อญาติของอาจารย์แม่โทรมาบอกว่าเดินทางมาใกล้ถึงแล้ว ลลนาจึงขอตัวกลับก่อน
เธอรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจึงอยากกลับไปพักสักสิบห้านาทีแล้วค่อยไปทำงานพิเศษต่อ
ในลิฟต์ที่คนเบียดกันแน่น ลลนาก้มหน้าเช็คยอดขายของออนไลน์อยู่ดีๆ มีมือเด็กมาดึงผมของเธออย่างแรง พอเธอปลดมือเด็กออกเด็กก็ยังกลับมาดึงอีก แถมดึงแรงกว่าเดิมด้วย
หญิงสาวจึงเหลือบตามอง จงใจทำตาให้ดุที่สุดเพื่อไม่ต้องใช้เสียงปรามดังๆ เกรงใจคนอื่นในลิฟต์
แต่เด็กกลับไม่กลัวดวงตาหวานๆ ของลลนาสักนิด ยังทำท่าจะดึงผมเธออีก หญิงสาวจึงเอียงหัวหลบอย่างไว จับอีกก็หลบอีก
พอจับไม่ได้ดังใจเท่านั้นแหละเด็กพลันร้องไห้จ้า แม่เด็กที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะมัวดูคลิปสั้นในมือถือ ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นนางยักษ์หันมาตวาดเธอ
“แกล้งลูกฉันทำไม โรคจิตรึไงเธอน่ะ”
“อ้าว” ลลนามีเหรอจะยอม “พูดงี้ก็สวยดิ ลูกคุณดึงผมฉัน”
“ไม่มีทาง ลูกฉันเป็นคนดี” แม่เด็กเริ่มโวยหาเรื่อง “ฉันจะแจ้งความเรียกค่าทำขวัญข้อหาที่เธอทำร้ายลูกฉัน”
ลลนาเบิกตาโต “โอ้โห เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอ หน้าด้านนะเราอ่ะ เป็นแม่คนได้ไง แบบนี้จะสอนลูกยังไง”
“ไม่รู้แหละเธอแกล้งลูกฉัน ต้องรับผิดชอบจ่ายมา”
ทุกคนในลิฟต์เริ่มหันมอง สายตาสื่อออกมาชัดเจน คิดว่าลลนาแกล้งเด็กจริงๆ
จังหวะนั้น ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่มุมด้านในสุดของลิฟต์พลันพูดขึ้นเสียงเนิบๆ ว่า “ผมมีหลักฐานให้คุณแม่เอาไปใช้ที่โรงพักด้วยครับ อยากได้มั้ย”
แม่เด็กรีบหันมากระดี๊กระด๊า “จริงเหรอคะ ดีจัง” แบมือขอดู “ขอบคุณมากๆเลยค่ะ”
ลลนาหันขวับมองตามเห็นเป็นวัยรุ่นใส่หมวกสีดำแว่นตาสีดำ แมสที่สวมปิดจมูกปากยังสีดำ
ใคร?
คุ้นๆ
แล้วผู้ชายคนนั้นก็ชูโทรศัพท์มือถือให้ทุกคนดู
เป็นคลิปของลลนา
แน่นอนว่าเห็นชัดว่าเด็กกระชากผมของเธอเล่นอย่างไร้มารยาท โดยที่แม่ของเด็กก็ไม่คิดจะอบรมสั่งสอน เอาแต่ดูคลิปสั้นไม่สนใจลูกตัวเอง
เท่านั้นแหละ คนแม่พลันเงียบกริบ พอประตูลิฟต์เปิดออกรีบพาลูกหนีอายไปอย่างไว
หลายคนนึกคำด่าหยาบคายอยู่ในใจไล่หลัง
มีแม่เป็นเปรตลูกคงโตไปเป็นเปรต!
คล้อยหลังทุกคน ลลนาค่อยๆเดินออกจากลิฟต์พร้อมผู้ชายคนนั้น
ตอนเห็นใกล้ๆ เธอก็พลันนึกออก
“นายปัด”
ปรัชญาหันมอง “จำได้ด้วย?”
“ใช่ แต่ก็เกือบจำไม่ได้ นายแต่งตัวมิดชิดเกินมั้ย”
“ก็มาโรง’บาล”
“อ๋อ เชื้อโรคเยอะ กลัวติดนี่เอง พ่อหนุ่มอนามัย”
“กลัวเอาเชื้อโรคข้างนอกมาติดคนป่วยต่างหาก”
“อ้อ” เป็นครั้งแรกที่ลลนายิ้มหวานให้ปรัชญา “ที่ช่วยเมื่อกี้ ขอบใจนะ แต่นายจิตป่ะ แอบถ่ายคลิปฉัน”
ปรัชญาเสมองทางอื่นปากก็บอก “เปล่า มือปัดไปโดนปุ่มกล้องพอดี”
..เหรอ....
เชื่อตายแหละ
หญิงสาวว่า “แล้วนี่จะเดินตามฉันมาทำไมมิทราบ หรือว่าเยี่ยมญาติเสร็จแล้วกำลังจะกลับพอดีเหมือนกัน”
“เปล่า เพิ่งมา แต่ลืมของไว้ที่รถเลยลงมาเอา”
“อ่อ”
ก่อนแยกย้าย ลลนายังไม่วายแซวว่า “ต่อไป ห้ามแอบถ่ายใครอีกล่ะ”
“...?”
ปรัชญาเลิกคิ้วสูง “คนอุตส่าห์ช่วย”
“รู้น่า” ทำท่ายกมือบอกให้โทรนัด
“เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”
ปรัชญาส่ายหัว ทำหน้าระอา
“ใครอยากกินข้าวกับเธอ...”
ในห้องพักฟื้น
อาจารย์แม่กำลังนอนดูทีวี พอหลานชายเปิดประตูเข้ามาก็รีบอ้อน
“มาเสียที ป้าปวดเนื้อตัวไปหมด มานวดให้หน่อย”
ปรัชญาถอดหมวกถอดแว่นวางของเยี่ยมบนโซฟา เดินไปนวดแขนนวดขาให้สองทีก่อนแบมือขอเงิน “ค่านวด จ่ายมา”
ประภัสสรตีมือหลานชาย “ค่านวดแสนห้าล้าน แปะโป้งไว้ก่อน”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “แปะตลอด”
ปรัชญาเดินไปนั่งลงที่โซฟา “รถป้าไปไหน ทำไมขึ้นรถเมล์ คิดว่าตัวเองยังเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มแข็งแรงว่องไวเหรอ”
“รถเสีย ซ่อมอยู่อู่”
“แล้วไม่ขึ้นเท็กซี่?”
“โบกแล้วแต่เขาไม่แวะรับ สงสัยไม่ชอบมนุษย์ป้า”
“ไม่โทรบอกผมล่ะ เดี๋ยวไปรับ”
“ป้าไม่อยากนั่งมอเตอร์ไซค์แก มันคันใหญ่เกินไป ประเดี๋ยวเสียภาพลักษณ์”
อุตส่าห์รักษาภาพลักษณ์แต่เกือบไม่ได้รักษาชีวิต
ประภัสสรคิดพลางเหล่ตามองหลาน อมยิ้มกริ่ม “ว่าแต่แกเถอะ รู้มั้ยว่าวันนี้ใครช่วยป้าไว้ไม่ให้ถูกลูกหลง”
ปรัชญาเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม
ประภัสสรคลี่ยิ้มละมุนละไม “สาวสวยที่แกชอบไง ดาวคณะคนนั้น”
แค่กๆ
ปรัชญาถึงขั้นสำลักอากาศ
หลังจากดื่มน้ำอึกใหญ่ก็ขมวดคิ้วเสียงเครียด “ป้าพูดบ้าไรเนี่ย รู้ได้ไง”
“เจ้าแมคเพื่อนสนิทของแกเป็นคนบอกปะไร เอาคะแนนไปขู่นิดหน่อยก็บอกหมด”
“ผมจะไปฟ้องอธิบดี”
“เอาน่า ท่านไม่ไล่ป้าออกหรอก” โบกมือบอกปัด “ไม่คุยเรื่องอธิบดีสิ คุยเรื่องแม่สาวของแกคนนั้นต่อ ตอนแรกป้าเองก็ไม่เห็นด้วย ยังคิดจะคัดค้านแก แต่ตอนนี้ป้าเชียร์แกนะ จีบเลย ป้าไฟเขียว”
“อยากให้หลานมีแฟนว่างั้น”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ทีตัวเองเป็นโสดได้ ทำไมผมจะเป็นโสดไม่ได้”
“ไม่เหมือนกันสิ แกเป็นผู้ชายที่ดี ไม่มีใครดีเท่าแล้ว ถ้าฉันหาแฟนได้นิสัยเหมือนแกก็คงไม่อยู่เป็นโสดหรอกจ้า ว่าไง จะจีบมั้ย”
ปรัชญาเงียบไปซักพัก สุดท้ายก็บอก “จีบได้ไง หล่อนมีแฟนแล้ว”
“อ้าว เหรอ” ประภัสสรขมวดคิ้วนิ่วหน้า “งั้นถือว่าป้าไม่เคยพูดแล้วกัน”
เป็นอันจบบทสนทนาที่น่าสนใจไปโดยปริยาย
ลลนายังคงพิสูจน์จนละเอียดชัดเจน ทำให้มั่นใจทีละนิดว่าตัวเองตายแล้วย้อนเวลากลับมาได้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ความฝันแล้วป่ะ?
ต่อไปเธอต้องเรียกว่าชาติก่อนใช่ม๊ะ?
นั่นแหละ ชาติก่อน...
ลลนานอนคิดไม่ตกทั้งคืน ตอนตื่นก็ยังเคร่งเครียดตลอดเวลา หากว่ายังปล่อยให้เรื่องราวทุกอย่างในชีวิตนี้ดำเนินไปเหมือนเดิมก็คงไม่พ้นเคราะห์กรรมซ้ำรอยน่ะสิ
ค่อยๆ ห่างเหินจากครอบครัว ต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีคนให้ปรึกษาอย่างถูกทาง แล้วก็แต่งงานกับคนผิด สุดท้ายก็ถูกฆาตกรรม ตายอนาถ ศพไม่สวยในบ้านสามี
มิหนำซ้ำยังถูกกลุ่มเพื่อนชั่วที่หลงคบหาโยนบาปให้อย่างสนุกปาก นอกจากไม่สืบสวนคืนความยุติธรรมให้ ยังถูกกล่าวหาว่าโง่งี่เง่าฆ่าตัวตายเพราะฟุ้งซ่านไปเองอีก
ต้องรีบหาวิธีแก้ไข...
ควรแก้จากเรื่องเล็กไปหาเรื่องใหญ่ ง่ายไปหายากค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ต้องผิดพลาดน้อยที่สุด
เรื่องอาจารย์แม่ เห็นได้ชัดว่าพอลองเปลี่ยนแล้วมันดีขึ้นจริง แบบนี้เธอควรต้องเริ่มเปลี่ยนเหตุการณ์อื่นๆอย่างจริงจัง
ต้องเริ่มตรงจุดไหนอีกดี?
ขณะคิด เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เบอร์หน้าจอเป็นสายเรียกเข้าจากกวิน
ลลนาหรี่ตามองชื่อนั้นนิ่งๆ
กวินที่ใครๆต่างชื่นชมว่าเรียบร้อยที่แท้ก็เป็นแค่พวกหัวอ่อน แล้วที่ว่าดีเหลือเกินน่ะก็ดีเกินไป ดีเสียจน เธอกลายเป็นยัยตัวร้าย
แล้วที่แย่สุด ๆ ก็คือผู้ชายหน้าตาธรรมดาซึ่งทำให้เธอมั่นใจได้ว่าจะไม่มีเรื่องผู้หญิงแน่นอนอย่างกวินน่ะ ที่แท้กลับมีผีห่าซาตานสิงร่างตอนไหนไม่รู้ ไม่เจ้าชู้แต่กลับนอกใจมาโดยตลอดซะงั้น
แล้วเธอก็เพิ่งรู้เช่นเห็นชาติตอนหลังแต่งงานซะได้ จะหย่าก็ไม่ง่าย ทำเรื่องฟ้องหย่าก็ไม่ทัน ดันตายซะก่อน...
แล้วภาพตอนงานศพตัวเองก็ย้อนเข้ามาในหัว ตอนนั้นเธอยืนมองผัวที่ก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์มือถือเหมือนดูรูปเมียตลอดเวลา แต่ความจริงแล้ว แอบแชทหานังเมียน้อย ว่าคืนนี้จะไปนอนค้างด้วย ที่เธอรู้เพราะเป็นผีมันก็ดีอย่างนี้แหละ เดินเข้านอกออกใน ใครก็ไม่เห็น แอบขโมยอ่านแชทในมือถือตอนเขาพิมพ์ได้ง่ายๆ
แถมผัวตัวดียังส่งสติ๊กเกอร์ส่งจุ๊บๆให้นังนั่นอีก ลลนาอยากจะให้จุ๊บตีนเธอมากกว่า
ไม่พอ สามีแอบเข้าห้องน้ำเอาน้ำตาเทียมหยอด ทำทีว่าร้องห่มร้องไห้ เสียใจที่เธอตาย
ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!
ใช่แล้ว!
เรื่องแรกที่จะต้องเปลี่ยนก็คือ ‘บอกเลิกกวินซะ’