หลังออกจากโรงพยาบาล ลลนาก็ไปเรียนตามปกติ ทำงานพิเศษ ได้พบเจอผู้คนเพื่อนฝูงทุกวัน พูดคุยกันเหมือนเคย
หลายเหตุการณ์ที่จดจำได้จากในฝันว่าต้องเจอ ล้วนเกิดขึ้นจริงตามลำดับ
อย่างตอนนี้ ลลนากำลังเดินอยู่ริมถนนในมหา’ลัย แล้วจู่ๆ ก็มีคนเดินชนเธอจนแก้วกาแฟหกเปื้อนเสื้อนิดนึง เป็นตำแหน่งเดิมเป๊ะ
ยังมีอีกคู่ที่เดินชนกัน เหตุที่เธอจำได้เพราะบังเอิญมองอยู่โดยไม่ตั้งใจพอดี ตอนนี้พอสองคนนั้นกำลังเดินมา เธอก็มองดูแล้วคิดว่าคงชนแน่และก็ชนจริง ๆ
เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง พวกเขาคุยกันแค่เล็กน้อยก่อนแยกย้าย ดูออกอยู่ว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วก็บังเอิญอีกเช่นกันที่เธอไปหาอะไรกินตอนเที่ยงก็เจออีก สองคนนี้เดทกันที่ศูนย์อาหารมหาวิทลัย
ผู้ชายขอหล่อนเป็นแฟนด้วยการให้ดอกไม้ช่อใหญ่กลางศูนย์อาหารท่ามกลางสายตานักศึกษาหลายคน ผู้หญิงตกลง แล้วก็เดทกัน
แต่เดทหวานๆได้ไม่นานกลับมีผู้หญิงอีกคนเดินมา ปรากฏว่าเป็นแฟนตัวจริงจ้า
ผู้หญิงสองคนชี้กันด่ากันไม่นาน จากนั้นก็หันมาเอาจานข้าวราดแกงโปะหัวผู้ชายอย่างสามัคคี
ตอนนั้นลลนาตั้งใจมองไปงั้นๆ อย่างขำๆ แต่ครั้งนี้ลลนาตั้งใจมองเหมือนเดิมแต่กลับรู้สึกหัวเราะไม่ออก มันไม่ใช่ว่าเธอเดาได้ถูกทางแต่เธอรู้ว่าจะต้องเกิดต่างหาก
หลังจากนั้นหญิงสาวยังตามสังเกตการณ์เรื่องอื่นจนมั่นใจเต็มสิบว่ามันจะเกิดขึ้น
แล้วทุกสิ่งก็เกิดขึ้นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
แบบนี้ถ้าปล่อยไปเรื่อย ๆ จะเป็นอย่างไรต่อไป เธอจะต้องตายตั้งแต่ยังสาวเหมือนชาติก่อนงั้นเหรอ
ตายแบบงงๆ ตายแบบตาไม่หลับ กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนด้วยนะ
แล้วถ้าเปลี่ยนมันจะดีขึ้นเหรอ?
ดีขึ้นขนาดไหน?
บางทีอาจดีขึ้นเพียงเล็กน้อยในระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่ก็อาจจะเลวร้ายลงไปมากกว่าเดิม
แบบว่าคนที่ตายไม่ใช่เธอแต่กลายเป็นพ่อหรือแม่อะไรเทือกนั้น
ไม่นะ! ไม่ได้เด็ดขาด!
เธอเร่งลำดับเหตุการณ์ในชีวิตที่พอจะจดจำได้ต่อ หากจำไม่ผิด ช่วงบ่ายวันนี้อาจารย์แม่ที่ปกติชอบสอนแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่เคยขาดไม่เคยสาย แต่แล้วจู่ๆ วันนี้กลับยกคลาสกะทันหัน เพราะถูกลูกหลงจากเหตุวัยรุ่นตีกันตรงป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย
ลลนาพลันนิ่วหน้าภาวนาในใจ คงไม่เกิดหรอกมั้ง แต่กระนั้นเธอก็ยังรีบไปรอเยี่ยมที่โรงพยาบาล
เมื่อไปถึง เธอก็เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ “ขอโทษค่ะพี่ มีผู้หญิงถูกฟันแขนขาดมั้ยคะ”
เจ้าหน้าที่ทำหน้างงหนัก “ไม่มีนะครับน้อง” เขาหันไปถามเวรเปล “พี่ๆ วันนี้มีผู้หญิงแขนขาดเข้ามามั้ย พอดีมีญาติมาหาแต่ไม่เจอ”
คนตอบส่ายหน้า “ไม่มีนะ” แล้วก็ช่วยเดินไปถามเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ คำตอบก็คือ ไม่มีเช่นกัน
“วันนี้ไม่มีเคสหนักถึงขนาดแขนขาดเลยครับ”
ลลนานิ่วหน้า นึกขึ้นได้ว่าเหตุเกิดช่วงบ่ายนี่หว่า ตอนนี้ยังแค่สิบโมงกว่าๆ เอง
“ขอโทษค่ะ จำผิด” ว่าแล้วเธอรีบเดินออกมาทันที
เป้าหมายคือป้ายรถเมล์
หญิงสาวยืนชะโงกหน้ามองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
ไม่กล้าเข้าไปใกล้หรอก เผื่อมีเหตุเกิดขึ้นจริงๆ หลบไม่ทันทำไง? ยังไม่ทันแก้ไขอะไรจะตายเร็วอีกไม่ได้
ทำใจดีสู้เสือรอครู่ใหญ่สุดท้ายลลนาก็อดใจไม่ไหว คิดว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริงเธอจะเห็นไหมล่ะ? มันไกลไปมั้ย เธอจึงเดินไปรอตรงทางที่อาจารย์แม่น่าจะเดินผ่านมา
แต่ทว่ารอแล้วรอเล่าเฝ้าอยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนเดินไปมาขวักไขว่ใช้ชีวิตปกติ ไร้วี่แววเรื่องร้าย
หญิงสาวถอนหายใจโล่งอก ค่อยยังชั่ว ฝันไปก็ดี ไม่มีเรื่องอะไรก็ดี
กำลังจะกลับหันไปเห็นลอตเตอรี่ที่แผงไม้ คิดว่าบางทีวันนี้เธออาจโชคดีถูกรางวัลก็ได้
น่าเสียดายที่ชาติก่อนไม่รู้ว่างวดวันนี้ออกอะไร หุ้นเอยคริปโตใดๆ เอยก็ไม่เคยสนใจจะศึกษาให้ผ่านตา เธอพลาดหลายอย่างเลยนะลลนา ไม่งั้นนะ รวยเละ!
หลังจากเลือกเลขเด็ดสักพัก มีรถเมล์มาจอด อาจารย์แม่ทำท่าลงมา ประจวบกับเด็กเทคนิคไล่ฟันกัน วิ่งมาจากไหนไม่รู้ข้ามถนนเป็นกลุ่มอย่างกับฝูงซอมบี้
ลลนาเงยหน้า เห็นเด็กอาชีวะวิ่งกรูมาป้ายรถเมล์ ไอ้ตัวที่ถือมีดยาวกำลังจะฟันอริ ประจวบเหมาะตอนที่อาจารย์แม่ลงรถเมล์มาพอดี หญิงสาวเห็นว่าโดนฟันแน่ ด้วยสัญชาตญาณตัวเธอที่ตอนแรกหลบดูตอนนี้กลับรีบวิ่งเข้าไปดึงตัวอาจารย์แม่พร้อมคว้าแผงลอตเตอรี่ขึ้นบัง
“ว้าย! อะไรย๊ะ อะไร๊?”
แผงไม้ไปกระแทกมีดทำให้กระเด็นออกไปที่ถนน
ส่วนเด็กอาชีวะอีกฝ่ายพอเห็นว่าไอ้นั่นไม่มีอาวุธ เลยควักมีดคัตเตอร์ออกแล้ววิ่งเข้าใส่ไอ้คนนั้นแทน สู้กันตรงไหนไม่สู้ดันสู้กันตรงที่ลลลนากับอาจารย์แม่ยืนอยู่
เรียกได้ว่าอยู่บนเส้นทางคมมีดพอดีเลยทีเดียว
“ระวังค่ะ”
ลลนากระโจนตัวตะครุบหญิงสูงวัยจนหงายหลังล้มกลิ้งไปด้วยกัน หลบทางเจ้าพวกวัยรุ่นอาชีวะเลือดร้อนเหวี่ยงมีดใส่มันหยด
แล้วเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังมาอีกระลอกจากฝั่งมุมตึก เป็นเสียงทุ้มห้าวของผู้ชายหลายคน ทั้งตะโกนด่าทอท้าตีท้าต่อย เสียงคนแถวนั้นร้องตกใจสับสนปนเป
“กรี๊ด คนตีกัน”
“มันฆ่ากันแล้ว”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
เมื่อเสียงของกลุ่มวัยรุ่นไล่ฟันกันทิ้งห่างออกไป ลลนาที่ฟุบอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งรอจนแน่ใจว่าปลอดภัยก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนข้างใต้ที่เธอเผลอทับทั้งตัว
“น่ะ หนัก อั่ก”
ปรากฏว่าอาจารย์แม่สลบเหมือดไปแล้ว!
สงสัยต้องลดน้ำหนักลงหน่อย
คนรอรถเมล์และร้านค้าแถวนั้น ต่างกรีดร้องและโทรเรียกตำรวจเรียกรถพยาบาลกันยกเสียยกใหญ่ โชคดีที่มีคนใจดีพาเธอกับอาจารย์แม่ไปส่งที่โรงพยาบาล
โรงพยาบาล K
“ดีนะที่อาจารย์แม่ไม่เป็นไรมาก หายไวๆ นะคะ หนูรอเรียนอยู่ค่ะ”
กล่าวอย่างเป็นห่วงยังไม่วายพูดจาเอาใจซะหน่อย กำลังใจคนป่วยเนอะ ปกติไม่ชอบเรียนหรอกวิชานี้มันยาก
อาจารย์ยิ้ม “มีดแค่ถากๆ น่ะ แต่ก็หวิดนิ้วขาดอยู่ ขอบใจเธอมากนะลลนา ดูจากทิศทางแล้วถ้าเธอไม่ช่วย แขนฉันต้องขาดแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรเลยค่า อาจารย์พักผ่อนเถอะนะคะ เดี๋ยวหนูอยู่เฝ้าจนกว่าแฟนอาจารย์จะมาค่อยกลับค่ะ”
“แฟนใครจะมาจ๊ะ ไม่มีหรอก ฉันไม่มีแฟน”
“อ้าว เหรอคะ แหม! อาจารย์ออกจะสวยขนาดนี้ ไม่มีแฟนได้ไง”
อาจารย์ส่ายหน้า “ฉันสวยก็เพื่อตัวเองหรอกย่ะ เธอน่ะยังเด็กไม่รู้อะไร การเป็นโสดน่ะ ดีจะตาย”
ลลนาที่เคยตั้งมั่นว่าต้องมีแฟนต้องแต่งงานแล้วก็สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์อบอุ่นมาตลอดในชาติที่แล้ว เริ่มเห็นด้วยในชาตินี้
“ใช่ค่ะ อาจารย์พูดถูก สวย รวย โสด”
“ดีมากลูกศิษย์”
แล้วทั้งสองก็พูดคุยถูกคอกันสุดๆ ผิดปกติจากเดิมที่ฝ่ายหนึ่งไม่ตั้งใจเรียน อีกฝ่ายก็จ้องแต่จะหักคะแนน
“แต่เรื่องที่เธอช่วยฉันไม่มีผลกับเกรดนะยะ” อาจารย์ว่าพลางคิดในใจ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนนี้ที่ปกติดูเป็นคนแรงๆ นิสัยไม่ค่อยดี เหมือนพวกไร้สมอง แต่งตัวสวยไปวันๆ กลับมีน้ำใจมากทีเดียว สงสัยต้องมองใหม่
ลลนาหัวเราะ “เรื่องเกรดหนูรู้แล้วค่า แค่อาจารย์ทำเป็นไม่เห็นตอนหนูแอบฟุบหลับก็พอค่ะ”
“ย่ะ หล่อนก็ควรเลิกเที่ยวดึกๆดื่นๆจะได้มีแรงตื่นไปนั่งเรียนสบายๆ”
“โธ่! อาจารย์ขา หนูไม่ได้เที่ยว”
“แล้วทำท่าง่วงตลอดเวลา แค่คอนเทนต์รึไง?”
“โอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ หนูทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน ถ้าไม่มีเรียนเช้าก็ทำที่คาเฟ่ ไม่มีเรียนบ่ายก็ร้านไอศรีม พอค่ำๆก็ทำร้านบุพเฟ่ แล้วก็ขายของออนไลน์ตอนดึกๆ มีสตรีมเกมส์ได้เงินบ้างนิดหน่อย แต่หนูเล่นเกมส์ไม่เก่ง ก็เลยเน้นขายของค่ะ ขายตอนดึกๆ คนดูเยอะดี”
คนฟังเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม “อย่างเธอเนี่ยเหรอทำงานพิเศษ แถมทำซะเยอะ บ้านรวยไม่ใช่เหรอเราน่ะ”
ลลนาก้มหน้างุด “บ้านที่รวยของแม่กับพ่อเลี้ยงค่ะ ไม่ใช่ของหนูซะหน่อย อีกอย่างหนูชอบชีวิตที่มีเงินเยอะๆ หนูไม่อยากให้เงินขาดมือก็เลยต้องขยันมากหน่อย”
“อย่าบอกว่าถูกไล่ออกจากบ้านอีกแล้ว”
ลลนาเบ้ปาก “โห่! อาจารย์ก็พูดซะตรง”
ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเบอร์ต้นๆสำหรับนิสิตเลยนะคะอาจารย์แม่ ก่อนหน้านี้ เธอไม่น่าขอเข้าพบตอนอยากจะดรอปเรียนเล้ย
คิดแล้วก็ตอบเสียงเบา “หนูแค่ทะเลาะนิดหน่อยจนถูกตัดเงินทั้งหมดก็เลยต้องออกมาดิ้นรนเองเท่านั้น ครั้งนี้ก็จะไม่กลับไปแล้ว คิดว่าค่าเทอมก็จะจ่ายเองด้วย”
“จ่ะ แม่คนหยิ่ง...ไม่ง้อว่างั้น” อาจารย์ว่าอย่างรู้ทัน
“ก็...” ลลนาอ้ำอึ้ง “ไม่ได้เรียกว่าหยิ่ง แค่ทะนงตน แต่คงจะเกินไปหน่อย ตอนนี้ไม่ได้คุยกับแม่เลยค่ะ”
อาจารย์ได้ฟังก็ถอนหายใจ เอื้อมมือจับบ่าลูกศิษย์ “นิสิตเอ๋ย อีกสิบปีข้างหน้า ถ้าเธอมองย้อนกลับมา จะรู้ซึ้งว่าที่ทำอยู่น่ะผิดไป ตอนนั้นนึกอยากแก้ไขก็ไม่ทันแล้วนะ หลายคนมักจะเห็นผลลัพธ์ชีวิตก็เมื่อสายไป เธออย่ารอจนถึงช่วงที่ต้องมานึกเสียดายภายหลังจะดีกว่า”
คำพูดนี้ของอีกฝ่าย ทำเอาลลนาถึงกับอึ้ง
เพราะอีกสิบปีต่อจากนี้ลลนารู้สึกผิดกับแม่จริงๆ อยากแก้ไขอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง
อาจารย์แม่เป็นหมอดูญาณทิพย์ผู้หยั่งรู้อนาคตปลอมตัวมารึเปล่าคะเนี่ย?