2

2953 คำ
เสียงกดชัตเตอร์ของช่างภาพยังคงดังขึ้นอย่างไม่เคยว่างเว้น ตรงหน้าของวาริชคือคุณไฟที่อยู่ในชุดถ่ายแบบและอีกฝ่ายก็กำลังยืนโพสต์ท่าสู้กับแสงไฟและแสงแฟลชอย่างเป็นมืออาชีพ                 นอกจากฝีมือการแสดงที่ไม่เป็นสองรองใครแล้ว เรื่องการสวมบทบาทเป็นนายแบบของคุณไฟก็เป็นที่เลื่องลื่อไม่แพ้กัน สายตาของคุณไฟราวกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เพราะไม่ว่าจะงานแสดงหรือการถ่ายแบบ คุณไฟก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีทั้งนั้น ขนาดวาริชที่ไม่ค่อยชอบหน้าคุณเขา ยังเผลอมองการทำงานของคุณไฟตาไม่กะพริบเลย                 ในวันนี้คอนเซปต์การถ่ายแบบของคุณไฟมาในลุกส์ของฝรั่ง มีการใส่คอนแทคเลนส์และตกแต่งกระบริเวณข้างแก้ม เพิ่มการแต่งแต้มด้วยบลัชออนสีชมพูอ่อน ให้ความรู้สึกที่ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก                 คุณไฟในลุกส์นี้ดูน่ากลัวน้อยลง แม้ว่าความเป็นจริงมันจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ตาม                 “คุณไฟครับ! ก่อนจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเซ็ตถัดไป เดี๋ยวขอถ่ายวิดีโอเก็บไว้หน่อยนะครับ เพราะทางเราจะเอาไว้ใช้โปรโมตนิตยสารในเว็บ”                        “ได้ครับ” เมื่อช่างภาพว่าเช่นนั้น คุณไฟก็ยืนประจำตำแหน่งเดิม รอให้ช่างไฟจัดแสงเสียใหม่เพื่อที่จะได้ถ่ายวิดีโอได้สวยขึ้น                 พอแสงไฟถูกจัดใหม่และกล้องก็ถูกเปลี่ยนเลนส์เรียบร้อยแล้ว สายตาของคุณไฟที่มองผ่านเลนส์กล้องอีกครั้ง อาจเพราะอีกฝ่ายอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี นั่นจึงทำให้วาไม่เคยเห็นท่าทีเหนียมอายของคุณไฟเลยสักครั้ง ทำงานอยู่กับคุณไฟมาหลายเดือน วาก็เห็นแต่ความมุ่งมั่นและตั้งใจของคุณเขาผ่านดวงตาคู่สวย                 คุณไฟทำงานอย่างเป็นมืออาชีพและฉลาด อีกฝ่ายรู้ดีว่าจะต้องใช้สายตาแบบไหน รอยยิ้มแบบใด เจ้าตัวถึงจะดูดีที่สุด นั่นจึงทำให้การทำงานร่วมกับช่างภาพเป็นไปด้วยความลื่นไหล                 ไม่ต้องให้ช่างภาพคอยกำกับให้มากความ คุณไฟก็เคลื่อนไหว ขยับตัวและส่งยิ้มให้กล้องอย่างรู้งาน รอยยิ้มที่ดูร้ายกาจ ดวงตาที่ดูเชิญชวนให้ตกหลุมรัก ล้วนแต่จะทำให้วารู้สึกใจเต้นแรงได้ทั้งนั้น เขาคลุกคลีอยู่กับคุณไฟมานานก็จริง แต่ไม่เคยชินกับการกระทำเหล่านี้เลยสักครั้ง                 วาริชที่กำลังยืนอยู่หลังกล้องราคาแพง จ้องคุณไฟด้วยหัวใจที่เต้นแรง เขาพยายามเก็บอาการด้วยการยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เหมือนมันจะเก็บอาการไม่อยู่                 บางทีวาอาจต้องรีบเดินออกจากตรงนี้ ไปให้พ้นจากสายตาของคุณเขา เผื่ออาการใจเต้นแรงที่ว่ามันจะได้หายไปเสียที…                 ในเวลานี้คุณไฟกำลังจ้องเลนส์กล้องอยู่แท้ ๆ แต่ไม่รู้ทำไมวาถึงรู้สึกว่านอกพ่อนักแสดงจะกำลังจ้องเลนส์กล้องแล้ว อีกฝ่ายก็กำลังมองวาอยู่ด้วย อาจเพราะวายืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกล้อง มันจึงทำให้เขารู้สึกว่าเรากำลังสบตากัน                 วาริชคิดเช่นนั้น…                   “เย็นวันนี้คุณไฟจะทานข้าวข้างนอกหรือจะทำอาหารกินที่คอนโดดีครับ” ขณะที่กำลังช่วยคุณไฟเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมที่จะถ่ายงานเซ็ตต่อไป วาริชก็เอ่ยถามอีกคนอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้คุยเรื่องนี้กัน                 สาเหตุที่วาต้องรีบถามคุณไฟตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็เพราะเขาว่าจะได้เตรียมการถูก หากวันนี้คุณไฟอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปกินอาหารข้างนอกบ้าน วาก็จะรีบโทรไปจองโต๊ะอาหารร้านโปรดให้ไว้ เพราะมันคงไม่ดีแน่ หากคุณไฟจะโมโห เพียงเพราะความล่าช้าของเขา                 “ทำอาหารกินที่คอนโดแล้วกัน” คุณไฟให้คำตอบและหลังจากนั้นภายในห้องแต่งตัวที่มีแค่เราก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง                 “ช่วงนี้ได้คุยกับคุณว่านบ้างไหม” ระหว่างที่วาริชกำลังผูกไทด์ให้ คุณไฟก็ถามขึ้น                 “เราเพิ่งคุยกันไปเมื่อวันก่อนครับ”                 “แล้วแม่คุณว่านเป็นไงบ้าง”                 “คุณหมอเขาเพิ่งใส่เฝือกให้ คงต้องปรับตัวกับเฝือกอีกสักระยะครับ” หลังจากที่วาตอบไปเช่นนั้น คุณไฟก็พยักหน้ารับแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรอีก                 คุณไฟยังคงยืนนิ่งให้วาผูกไทด์ให้อยู่อย่างนั้น ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะเผลอสะดุ้ง เมื่อจู่ ๆ นิ้วของพ่อนักแสดงก็สัมผัสเข้าที่แก้มของวาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย                 “อยู่นิ่ง ๆ” คุณไฟเอ่ยเสียงเข้ม หลังวาริชทำท่าจะขยับตัวออก นั่นจึงทำให้วาต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งคุณเขาเป็นฝ่ายขยับนิ้วออกเสียเอง                  “มันติดแก้ม” ว่าจบ คุณไฟก็โชว์เศษกากเพชรขนาดจิ๋วให้เขาดู เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลั้นแกล้งอะไร คุณเขาก็แค่หวังดีจะเอาเศษกากเพชรออกให้ก็เท่านั้นเอง                 “ขอบคุณครับ” วาเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วและในจังหวะเดียวกัน เขาก็ผูกไทด์เสร็จพอดี “เสร็จแล้วนะครับ คุณไฟออกไปเซ็ตผมใหม่ได้เลย”                 “ขอบคุณ”                 “คุณไฟ ระวังครับ!” วาริชร้องเสียงหลงพร้อมคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ทันควัน หลังจังหวะที่คุณไฟจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไปก็เกิดอาการเสียหลักล้มใส่เขาจนได้                 ลมหายใจที่ร้อนกรุ่นของคุณไฟรดรินที่ซอกคอวาอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากของคุณเขาเฉียดผิววาไปเพียงเล็กน้อย ก่อนที่วาริชจะเริ่มขยับตัวก่อนและนั่นก็ทำให้คุณไฟยอมผละออก                 “ขอโทษ” หลังเรากลับมาเว้นระยะห่างกันอีกครั้ง คุณไฟก็เอ่ยขอโทษเสียงเรียบ                 ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่พอวาริชได้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย ได้เห็นสายตาและท่าทีของคุณไฟที่ดูไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร มิหนำซ้ำพ่อนักแสดงยังยกยิ้มที่มุมปากจาง ๆ นั่นจึงทำให้วาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเมื่อกี้ใช่อุบัติเหตุจริง ๆ หรือเปล่า                 แม้ภายหลังจะเริ่มมั่นใจเกินครึ่งแล้วว่าตัวเองถูกแกล้ง แต่วาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากการบอกว่า…                 “ไม่เป็นไรครับ”             “…..”                 “เซ็ตนี้เป็นเซ็ตสุดท้าย งั้นผมไปเก็บของเลยนะครับ คุณไฟถ่ายงานเสร็จเมื่อไรเราจะได้รีบออกจากที่นี่” วาริชเปลี่ยนเรื่อง เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์เมื่อครู่                 “…ก็ดี” คุณไฟพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเดินผ่านวาริชไป ทิ้งให้วายืนอยู่ในห้องแต่งตัวเพียงลำพังพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ค่อยดี                   ความรู้สึกที่ว่าเริ่มจางหายกลายเป็นควัน เมื่อถึงเวลาที่คุณไฟถ่ายแบบเสร็จเสียที นั่นแปลว่างานในวันนี้ทั้งของอีกฝ่ายและของวาได้สิ้นสุดลงแล้ว                 “จะกินอะไรดี” เมื่อเราขึ้นมาบนรถตู้ที่มีคนขับส่วนตัว คุณไฟก็เอ่ยถามวาน้ำเสียงเรียบพร้อมกับเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย                 “ครับ?”                 “ลองเสนอมาสักเมนูหน่อย ฉันอยากทำอาหารกินที่คอนโด แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร”                 “งั้น….” วาริชเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอความคิด “สเต็กปลาดีไหมครับ? มื้อเย็นแล้วงดแป้งเปลี่ยนไปเพิ่มโปรตีน น่าจะดี”                 “แล้วเย็นนี้นายจะกินอะไร?”                 “ครับ?”                 “วาริช…ฉันไม่ชอบถามย้ำ” คราวนี้คุณไฟผละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ หันมาจ้องหน้าวาอย่างไม่ชอบใจ                 “อ๋อ ผ—ผมว่าจะกินบะหมี่หมูแดง หน้าปากซอยหอครับ” แม้จะไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจคำถามถูกไหม แต่วาริชก็ตอบออกไปอยู่ดี                 “โอเค งั้นเย็นนี้เราจะกินก๋วยเตี๋ยวกัน เปลี่ยนจากเส้นบะหมี่ปกติเป็นเส้นหมี่ข้าวกล้องแทน ส่วนหมูแดงก็ใช้เป็นอกไก่ย่าง” คุณไฟสรุปทุกอย่างเสร็จสรรพ                 “….”                 “นายก็กินข้าวที่คอนโดฉันเลยนะ จะได้ไม่ต้องไปเปลี่ยนตังเพิ่ม”                 “ครับ…เข้าใจแล้วครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น วาริชก็ขานรับเสียงอ่อน เขาลอบพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ             วาไม่ได้มีปัญหากับการกินอาหารที่ห้องของคุณไฟ แต่อาหารเพื่อสุขภาพของคุณเขานี่ มันไม่อร่อย ไม่ถูกปากเขาต่างหากล่ะ ที่เป็นปัญหา…               “ทำไมทำหน้าแบบนั้น อาหารไม่อร่อยเหรอ”                 “ครับ?” ขณะที่วาริชกำลังนั่งเกลี่ยเส้นหมี่อยู่นั้น เขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นจากถ้วยก๋วยเตี๋ยว หลังถูกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกันเอ่ยถามขึ้น                 “อาหารไม่อร่อยเหรอ?” คุณไฟมองหน้าวาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง โชคดีที่ในเวลานี้อีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ปกติ นี่ถ้าไม่สบอารมณ์เหมือนตอนที่ขึ้นรถกลับมา นอกจากคุณไฟจะไม่ถามซ้ำอย่างนี้แล้ว อีกฝ่ายคงได้พ่นไฟใส่วาแน่             ก็เพราะว่าคุณไฟน่ะ อารมณ์ร้อนเหมือนชื่อเขาเลย….                 “อ๋อ…เปล่าหรอกครับ ก๋วยเตี๋ยวฝีมือคุณไฟอร่อยดี” ถ้าสามารถเติมน้ำตาล เติมพริกและน้ำปลาแบบปกติลงไปได้นะ วาริชไม่ได้พูดคำตอบในใจออกไปหมด เขาพูดออกไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะหลุบตามองพื้นโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง  หลังรู้สึกว่าคนฝั่งตรงข้ามนิ่งไป                 “ม—มีอะไรหรือเปล่าครับ” วาเอ่ยถามอีกฝ่าย หลังเขาถูกคุณไฟจ้องด้วยสายตาเรียบนิ่ง ยากที่จะคาดเดา                 “นายโกหก” คุณไฟว่าเสียงห้วน                 “…..”                 “คำตอบเมื่อกี้ นายโกหกฉัน” วาริชรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนฉลาด ดูคนออก แต่เขาไม่คิดว่าคุณไฟจะเก่งขนาดนี้ วาก็ว่าตัวเองไม่ได้แสดงพิรุธอะไรนะ เขาตอบอีกฝ่ายเสียงนิ่ง อาการหลบสายตาของเขาก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เวลาที่วาอยู่กับคุณไฟ                 แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงดูออก…                 “มันไม่อร่อยสินะ” คุณเขาพึมพำ                 “อาหารที่คุณไฟทำมันอร่อยครับ เพียงแต่ว่า…” วาริชเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เพราะไม่รู้จะใช้พูดไหนดีที่จะไม่ทำให้คนฟังเสียความรู้สึกและตรงกับความรู้สึกเขาด้วย                 “แต่ว่าอะไร?” คุณไฟถาม                 “เพียงแต่ว่ามันไม่ถูกปากวา เอ๊ย! มันไม่ถูกปากผมครับ” วาอยากจะตีปากตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด หลังเขาเผลอปากใช้คำแทนตัวเป็นชื่อตัวเอง จริงอยู่ที่เราทำงานด้วยกัน เจอหน้ากันเกือบทุกวัน แม้แต่ในวันที่ไม่มีตารางงาน แต่ก็ใช่ว่าเราจะสนิทกันเสียหน่อย วินาทีนั้นวาได้คิดในใจว่าคงโดนคุณไฟดุแน่ ข้อหาที่พยายามตีสนิทคุณเขา                 แต่แปลกที่คุณไฟไม่ว่าวาสักแอะ                   “งั้นเดี๋ยวผมล้างจานให้เลยนะครับ!” วาริชตะโกนบอกผู้เป็นเจ้าของห้อง หลังเขาจัดการอาหารตรงหน้าเรียบร้อยแล้วและคุณไฟก็ได้เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว                 “ตามใจ” อีกฝ่ายตะโกนตอบกลับมาและเมื่อได้ยินเช่นนั้น วาก็ไม่รอช้า เขารีบหอบถ้วยก๋วยเตี๋ยวเข้าไปในห้องครัวเพื่อที่จะได้ทำความสะอาดพร้อมกับเหล่าภาชนะที่ใช้ทำอาหารเมื่อครู่นี้ทันที                 มีคนเคยบอกว่าการล้างจานเป็นวิธีระบายความเครียดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งวาริชก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะเขาเพลิดเพลินกับการล้างจานมาก แม้วันนี้ที่ห้องของคุณไฟจะใช้จานมากกว่าปกติ แต่วาก็ไม่ยี่หระ เขาพร้อมสู้ตาย เพราะมันเป็นงานบ้านเพียงชนิดเดียวที่วาชื่นชอบ                 “ผมล้างจานเสร็จแล้ว คุณไฟจะใช้อะไรอีกไหมครับ” หลังล้างจานเสร็จ วาริชก็เดินมาถามคุณไฟที่เพิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวและกำลังนั่งฟังเพลงอยู่บนโซฟา                 “ทำน้ำผักไว้หรือยัง” คุณเขาถาม                 “เรียบร้อยแล้วครับ”                 “งั้นก็ไปได้เลย” คุณไฟไม่ว่าเปล่า แต่ยังทำท่าโบกมือไล่กันอีกด้วย ฝั่งวาริชที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบยกมือไหว้ลา  เตรียมจะออกจากห้องทันที แต่ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูห้อง เสียงเรียกรั้งของคุณไฟก็ทำให้เท้าที่กำลังเดินต้องหยุดชะงัก                 “เดี๋ยว…”                 “ครับ?” วาริชขานรับ หันกลับไปมองผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างฉงน                 “เอาไปใส่ซะ” คุณไฟว่าสั้น ๆ พลางยกถุงกระดาษมาวางไว้บนโต๊ะด้านหน้าของเจ้าตัว “มันเป็นเสื้อ เอาไปใส่ทำงานได้”                 “มันแพงนะครับ ตัวละตั้งหลายพัน ผมรับไว้ไม่ได้หรอก” วาริชรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที หลังเขาเห็นชื่อโลโก้แปะอยู่บนถุงกระดาษ แม้จะไม่รู้มูลค่าที่แน่ชัด แต่พอเห็นชื่อแบรนด์ วาก็รู้เลยว่ามันคงตัวละหลายพันแน่และเทปที่ยังถูกปิดผนึกเอาไว้ บอกได้เป็นอย่างดีว่าตั้งแต่ซื้อมา ถุงนี้ยังไม่เคยถูกเปิด                 “อย่าสำคัญตัวไปหน่อยเลย ฉันไม่ได้ซื้อ… เขาให้มาและฉันก็มีอยู่แล้ว”                 “แต่ว่า..!”                 “เอาไว้ใส่ไปทำงาน นี่ไม่ใช่คำขอร้องแต่เป็นคำสั่งในฐานะเจ้านาย” วายังพูดไม่จบ คุณไฟก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน นั่นจึงทำให้เขาต้องหุบปากฉับ รับถุงของนั้นมาแต่โดยดีก่อนที่คุณไฟจะโมโห                 “งั้นผมก็ขอบคุณมากนะครับ”                 “อืม รับไปแล้วก็อย่าลืมใส่ให้เห็นด้วยล่ะ อย่าเอาไปเก็บไว้จนให้ฝุ่นขึ้นเชียว” คุณเขาว่าต่อ                 “ครับ เข้าใจแล้วครับ”                 “….”                 “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ แล้วก็…ฝันดีนะครับ คุณไฟ” ปกติเราไม่เคยบอกฝันดีกัน ทุกครั้งที่จะจาก วาก็จะแค่ไหว้ลาแล้วก็แยกย้าย แต่ครั้งนี้เขากลับมีความกล้าที่จะบอกฝันดีคุณไฟ มันไร้เหตุผลและวาริชก็ไม่เข้าใจตัวเอง                 ไม่เคยมีสักครั้งที่วาริชจะกลับถึงห้องด้วยความรู้สึกสดชื่น แต่ก็อย่างว่าแหละ…. ไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวเล่น มันจะไปสดชื่นได้ยังไง                 หลังถอดรองเท้าจัดเข้าชั้นวางเรียบร้อยแล้ว วาริชก็ตรงไปยังเตียงนอนของตัวเองทันที เขาทิ้งตัวนอนพร้อมกับถุงข้าวของที่ติดไม้ติดมือมาด้วย ได้แต่คิดในใจว่าไม่เคยเหนื่อยเท่านี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่วาก็เหนื่อยอย่างนี้เป็นประจำอยู่แล้ว                 ก่อนที่ดวงตากลมโตจะมองเพดานห้องอย่างใช้ความคิด ในหัวของวาริชกำลังเช็กว่าพรุ่งนี้เขาต้องทำอะไรบ้างและหลังจากทำงานเสร็จ วาก็คงต้องรีบกลับห้องเพื่อมาซักผ้าขึ้นตาก                 ตั้งแต่แม่วาเสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย…เขาก็เลี้ยงดูตัวเองและอยู่ลำพังมาโดยตลอด ญาติพี่น้องของวา นอกจากพี่ว่านที่บังเอิญเจอกันอีกครั้งในงานศพแม่ วาก็ไม่มีใครอีกแล้ว                 เมื่อความคิดถึงแม่เริ่มทำงาน กลีบปากบางก็ระบายยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ ครั้งหนึ่งวาริชเคยใฝ่ฝันว่าเขาจะเรียนให้ถึงชั้นปริญญาตรีให้ได้ เรียนจบเมื่อไรก็จะรีบเข้าทำงาน เพื่อที่แม่จะได้สบายเร็ว ๆ แต่ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อแม่ของเขาต้องจากไปด้วยโรคร้ายเสียก่อน นั่นจึงทำให้ทุกอย่างตาลปัตร ความมุ่งมั่นที่เคยมี โดยมีแม่เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีถูกมอดดับไปทันที เพราะแม่ไม่ได้อยู่ด้วยอีกแล้ว                 ความฝันที่อยากจะเข้าเรียนในระดับมหา’ลัย สุดท้ายก็เป็นได้แค่ฝัน เพราะในความเป็นจริง วาริชเรียนจบแค่ชั้นม.หกเท่านั้น                 ท่ามกลางความโชคร้ายของวา ยังมีความโชคดีหลงเหลืออยู่ เพราะได้พี่ว่านขอคอยช่วยเหลือ เพราะได้คุณไฟคอยเมตตา วาถึงได้มีกินมีใช้อย่างนี้                 ถึงวาริชจะไม่ค่อยชอบคุณไฟ เพราะอีกฝ่ายดุและบางครั้งก็กลั่นแกล้งอย่างจงใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่คุณเขาหยิบยื่นความเมตตาให้ในครั้งนั้น ยอมให้วาได้ทำงานด้วย วาริชก็ไม่เคยเกิดอาการร้อนเงินอีกเลย                 วาได้รับเงินเดือนสูงกว่าคนวุฒิการศึกษาระดับเดียวกัน ค่ากินส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ออก ยามใดที่ไปกินอาหารด้านนอกบ้าน คุณไฟก็มักจะเลี้ยงเสมอ นอกจากนั้นอีกฝ่ายยังคอยยกข้าวของมาให้ใช้อีก นี่ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว…                 ขณะที่กำลังคิดไปต่าง ๆ นานา สายตาของวาก็เหลือบไปเห็นถุงเสื้อผ้าที่คุณไฟเพิ่งให้มาพอดี นั่นจึงทำให้เขาลุกขึ้น หยิบถุงออกมาเปิดดูว่ามันเป็นเสื้ออะไรกันแน่ หลังจากนั้นวาริชก็นั่งมองเสื้อที่ตัวเองไม่ปัญญาซื้อมาใส่นานนับนาที ก่อนที่น้ำตาหยดหนึ่งก็หยดลงเปื้อนผ้าจนเขาต้องรีบเช็ดออกไปพัลวัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม