1

3738 คำ
[วันนี้เป็นไงบ้าง ไปทำงานกับคุณไฟสองคน]             “เขานิสัยไม่ดีเลยพี่”                 [เฮ้ย….นั่นคุณไฟตัวปลอมหรือเปล่า ถ้าเขานิสัยไม่ดีจริงคงไม่มีใครอยากร่วมงานกับเขาหรอกนะ]                 “กับคนอื่นเขาปฏิบัติยังไงผมไม่รู้หรอก แต่เขาทำนิสัยไม่ดีกับผม”                 [ยังไง?]                 “เขาเอาแต่ใจ….เอาแต่ใจมาก ๆ เลยแหละ ยิ่งไม่มีพี่คอยอยู่ด้วยนะ เขายิ่งเอาแต่ใจหนักกว่าเดิมอีก อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา ใครอาสาจะมาช่วยผมนะ เขาก็ไม่อนุญาตหรอก ปฏิเสธเสียงนิ่ม ๆ ตามสไตล์เขาแหละว่าผมมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว คนอื่นไม่ต้อง” วาริชบ่นยาวเหยียดให้ปลายสายฟังอย่างสุดจะทน หลังเขาเพิ่งกลับมาถึงห้องพักของตัวเองตอนห้าทุ่ม                 ปลายสายที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่ว่านผู้จัดการส่วนตัวของคุณไฟนั่นแหละ โดยปกติแล้ววาจะได้ทำงานกับพี่ว่านมากกว่า เวลาคุณไฟจะใช้อะไรวาก็มักจะสั่งผ่านพี่ว่านเสมอ                 ตำแหน่งของวาเหมือนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ เขาต้องคอยหยิบนั่นจับนี่ คอยทำหน้าที่ดูแลเรื่องจุกจิกของคุณไฟ ส่วนพี่ว่านก็จะดูแลเรื่องการรับงาน จัดคิว สัญญาและค่าตัวต่าง ๆ ของคุณไฟโดยตรง                 แต่ก่อนคุณไฟและพี่ว่านจะทำงานร่วมกันแค่สองคน วาเพิ่งเข้ามาดูแลคุณไฟก็เมื่อสามเดือนก่อนและที่ได้มาทำก็เพราะว่าพี่ว่านจ้างวามา เราสองคนเป็นญาติกันห่าง ๆ เพิ่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งก็ตอนงานศพแม่วา….                 อันที่จริงคุณไฟไม่จำเป็นต้องจ้างใครมาดูแลเพิ่มเติมด้วยซ้ำ เพราะเงินเดือนของพี่ว่าน รวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่ตอนนี้พี่ว่านไม่สามารถดูแลจัดการธุระต่าง ๆ ให้คุณไฟได้เหมือนอย่างเคย เนื่องจากแม่พี่ว่านเพิ่งประสบอุบัติเหตุแล้วขาหัก พี่ว่านเลยต้องเจียดเวลาไปดูแลแม่ นั่นทำให้อีกฝ่ายตัดสินใจจ้างวามาดูแลคุณไฟช่วยกัน                  [เขาอาจแกล้งเพราะเอ็นดูแกมั้ง ปกติเวลาคุณไฟอยู่กับพี่เขาก็สบาย ๆ ง่าย ๆ นะ]                 “เขาไม่ได้เอ็นดูผมหรอกพี่” วาริชรีบปฏิเสธเสียงแข็ง ถึงจะไม่ใช่คนมีไหวพริบดี แต่วาคิดว่าเขาพอแยกออกได้ว่าอันไหนเรียกเอ็นดู อันไหนเรียกว่าเกลียดชัง                 [เถอะน่า ทนเอาทนไว้เพื่อเงิน]                 “ก็พยายามอยู่ครับ นี่วาก็เพิ่งกลับมาถึงห้อง ดีนะที่เขายังใจดีมาส่ง ตอนแรกนึกว่าจะให้วากลับเองซะแล้ว”                 [แกก็พูดเกินไป คุณไฟเขาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดนั้น] พี่ว่านพูดพลางกลั้วหัวเราะเบา ๆ สงสัยคงไม่อยากให้วาเครียด                 วันนี้การทำงานของวาเหนื่อยกว่าทุกวัน ทั้ง ๆ ที่เราทำงานกันในสตูดิโอแท้ ๆ แต่เขายังรู้สึกได้เลยว่าผิวตัวเองไหม้แดด สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็มาจากพ่อนักแสดงตัวดีนั่นแหละ อยากได้นั่นได้นี่ จนวาริชต้องฝ่าแดดร้อนเปรี้ยง ๆ ออกไปซื้อข้าวของให้หลายครั้งหลายครา                 “ว่าแต่พี่เถอะ แม่เป็นยังไงบ้าง”                 [ลำบากว่ะ เขาไม่ชินกับการใส่เฝือกที่ขา นี่เพิ่งใส่ได้ไม่ถึงสองสัปดาห์เองนะ เขายังบ่นกับพี่ทุกวันว่าอยากถอดเฝือกแล้ว]                 “แล้วหมอเขาบอกจะถอดให้ตอนไหน”                 [เขาบอกต้องดูอาการไปเรื่อย ๆ ว่ะ แม่แก่แล้วกระดูกติดยาก]                 “สู้ ๆ นะพี่ ฝากบอกแม่พี่ด้วย ขอให้ท่านหายไว ๆ”                 [ขอบคุณ แกก็เหมือนกันนะ สู้ ๆ ถ้าแม่พี่หายดีเมื่อไร จะรีบกลับไปช่วยเหมือนเดิม แกจะได้ไม่ต้องเหนื่อย]                 “ครับ งั้นวาขอตัวก่อนนะพรุ่งนี้มีงานเช้า ฝันดีครับพี่ว่าน”                 [เออ ๆ ฝันดี]                 หลังจากวางสายพี่ว่านเสร็จ วาก็เริ่มเอาสมุดตารางคิวของคุณไฟออกมาดู ตารางงานของอาชีพนักแสดงในแต่ละวันมันไม่แน่นอน ไม่เหมือนงานประจำที่เข้าเวลานี้ ตอกบัตรออกเวลานี้                 หลังเช็กตารางงานเสร็จวาริชก็ถึงกับถอนหายใจออกมา พรุ่งนี้กองนัดเจ็ดโมงเช้า เขาต้องไปคอนโดคุณไฟตั้งแต่ตีห้า นั่นแปลว่าจะต้องตื่นก่อนเวลาอาจจะสักตีสี่เพื่อมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมความของพร้อมตัวเอง               อาการนอนไม่พอ… มันเกิดขึ้นบ่อยจนวาริชชินชามันไปเสียแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยพี่ว่านอาการดังกล่าวก็มาทักทายเขาอยู่หลายครั้งหลายครา วันจะว่างก็ว่างจนน่าเบื่อ วันจะยุ่งก็ยุ่งจนหัวฟู                 เสียงนาฬิกาปลุกดังทักทายวาริชทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ใจจริงอยากจะนอนต่ออีกสักชั่วโมง แต่ด้วยหน้าที่การงานและความผิดชอบที่มีอยู่เต็มเปี่ยมทำให้วาริชต้องกัดฟันลุก สลัดอาการงัวเงียออกแล้วรีบอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปหาพ่อนักแสดงตัวดี                 พอได้อาบน้ำอาบท่าก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย หลังอาบน้ำเสร็จ เขาก็ไม่รอท่า รีบแต่งตัวทาแป้งจนตัวหอมฟุ้งแล้วออกจากห้องทันที วาริชเลือกที่จะใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างขาประจำไปในการเดินทางไปหาคุณไฟที่คอนโด เนื่องจากคอนโดของพ่อนักแสดงและห้องพักของเขาอยู่ห่างกันไม่มากนัก                 คุณไฟไม่ชอบเสียงนาฬิกาปลุก มันทำให้เขาหงุดหงิดตอนตื่นนอนและถ้าเขาหงุดหงิดตั้งแต่เช้าตรู่ ตลอดทั้งวันแห่งการทำงานคงมีแต่คำว่านรกและคนที่จะเดือดร้อนไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่เป็นวา…วาริชคนนี้นี่แหละที่จะต้องรองรับอารมณ์เสีย ๆ ของเขา                 คุณไฟไม่ไปทำอารมณ์เสียใส่ใครที่ไหนหรอก เขาทำแค่กับวา…วาคนเดียว             วาริชเป็นอีกหนึ่งคนที่รู้รหัสประตูห้องของคุณไฟ เมื่อเข้ามาข้างในได้เขาก็รีบปิดประตูห้องอย่างเบามือ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าห้องร่างกายของวาก็สัมผัสเข้ากับแอร์เย็นเฉียบ คุณไฟขี้ร้อน อีกฝ่ายชอบเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำ ๆ อยู่ตลอด เข้ามาทีนี่วาต้องแอบลดอุณหภูมิลงให้ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่สบายเอา                 วาใช้เวลาปรับสภาพสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ห้องนอนคุณไฟมืดมาก แทบไม่มีแสงลอดเผ่าน กว่าจะพอได้มองเห็นทางและเดินไปเปิดไฟให้สว่างโรจน์ก็ต้องใช้เวลาเกือบห้านาที เมื่อเปิดไฟได้แล้ว วาก็ไม่รอช้ารีบเดินตรงดิ่งไปยังเตียงนอนคิงส์ ไซซ์ ปลุกคุณไฟให้ตื่นไปอาบน้ำ ก่อนที่เราจะสาย                 “คุณไฟครับ ตื่นได้แล้วครับ”                 “……”                 “คุณไฟครับ ตีห้าแล้วนะ”                 “……”                 “คุณไฟ….” เรียกแล้วก็ไม่ขาน พอเห็นว่าคุณไฟยังคงนิ่งจากที่ใช้เรียกชื่อเฉย ๆ ก็เริ่มใช้แรงเข้าช่วย วาถือวิสาสะเขย่าเท้าอีกฝ่ายเบา ๆ                 “คุณไฟครับ….”             “ตื่นแล้ว เรียกอยู่ได้” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับการลืมตาของเจ้าของเสียง                 ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังติดอาการงัวเงียอยู่มองค้อนวาริชราวกับเขาคือผู้กระทำผิด หากเป็นคนอื่นคงเสียความรู้สึกไปแล้ว อุตส่าห์หวังดีปลุกแท้ ๆ แต่ยังทำตัวไม่น่ารักใส่กันอีกและเพราะเป็นวา…..เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เขาจึงชาชินและไม่เคยถือสามันในที่สุด             “ไปอาบน้ำได้แล้วครับ เดี๋ยวจะสายนะ” เมื่อคุณไฟตื่น วาริชก็เดินถอยหลังห่างจากเตียงไปก้าวหนึ่ง เขาจ้องใบหน้าพ่อนักแสดงด้วยสายตาเรียบนิ่ง พยายามใช้เหตุผลเข้าพูดให้อีกฝ่ายรีบไปอาบน้ำแต่งตัว คุณไฟชอบลีลา ขืนชักช้าเราก็จะไปถึงกองถ่ายสายได้                 “คุณไฟครับ” วาเรียกชื่ออีกครั้ง หลังเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะหลับต่อ                 “รีบนักก็อาบน้ำให้ฉันเสียสิ” คุณไฟชอบพูดประโยคนี้                 “….คุณโตแล้วนะครับ” และวาก็มักจะตอบประโยคเดิมทุกครั้ง                 ราวกับเรากำลังเล่นสงครามประสาทและเวลาไม่เคยคอยใคร ถ้าคุณไฟไปกองสาย ผลเสียก็จะตกที่เจ้าตัวนั่นแหละ ทำให้สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมลุกจากเตียงโดยที่วาไม่ต้องเสียแรงและเสียเหงื่อสักหยด                 สงครามประสาทครั้งนี้วาเป็นฝ่านชนะ….มั้ง                 วาริชรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อคุณไฟลุกขึ้นแล้วยืนถอดเสื้อนอนตรงหน้าวาเสียดื้อ ๆ ขณะที่มือกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ สายตาของคุณไฟก็จ้องวาตาไม่กะพริบ                 ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ วาอยากจะเดินหนี แต่ในเวลานี้ขาเขาแข็งเหลือเกิน ก้าวไม่ออกและกลัวว่าคุณไฟจะไม่ปล่อยให้เดินหนีไปเฉย ๆ                 “เป็นอะไร ทำไมถึงหันหน้าหนี” จะเดินหนีหรือยืนเฉย คุณไฟก็หาเรื่องแกล้งได้อยู่ดี วาลืมไปว่าคุณเขาร้าย                 “ก็ผมไม่อยากเสียมารยาท”                 “งั้นเหรอ….” คุณไฟว่า ทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ “นึกว่ากลัวอะไรบางอย่างเสียอีก”                 “กลัวอะไรครับ” วาริชถามกลับ                 “ก็กลัว….ใจตัวเองล่ะมั้ง”                 คุณไฟคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้เอาไปแค่ผ้าเช็ดตัว แต่ยังเอาสติวาเข้าไปในนั้นด้วย วากะพริบตาถี่ตั้งสติกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะรีบเดินไปยังโซนครัว ทำอาหารเช้าง่าย ๆ เตรียมไว้ให้คุณไฟ                 อาหารเช้าง่าย ๆ ที่คุณไฟทานประจำคือ กาแฟดำหนึ่งแก้ว ขนมปังปิ้งสองแผ่น ไข่ดาวหนึ่งฟองและไส้กรอกอีกสองชิ้น วาต้องเตรียมมันให้เสร็จก่อนที่คุณไฟจะอาบน้ำเสร็จ อย่าให้พ่อนักแสดงเป็นฝ่ายรออาหารเช้าจะเป็นทางดีที่สุด เพราะอีกฝ่ายใจร้อน….ร้อนอย่างกับชื่อของเขานั่นแหละ                 “ตารางงานวันนี้มีอะไรบ้าง” คุณไฟเอ่ยถาม ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้า                 “ก็มีไปถ่ายละครช่วงเช้าครับและก็ช่วงเย็นมีไปทานข้าวกับคุณพิม ณิชา”                 “ตัดออกไป”                 “ครับ?”                 “ดินเนอร์ช่วงเย็นกับพิมตัดออกไปก่อน ฉันอยากกลับมาพักผ่อน”                 “ครับ? แต่ว่าคุณให้ผมจองโต๊ะแล้วนะครับ อีกอย่างเราก็จ่ายเงินไปแล้วด้วย” วาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ ค่าจองโต๊ะอาหารสุดหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็ตั้งหลายพัน คุณเขาจะทิ้งมันไปเลยเหรอ                 “นั่นแหละตัดออกแล้วโทรบอกพิมด้วยว่าวันนี้ฉันไม่สะดวก” คุณไฟเอ่ยอย่างหน้าตาเฉย ขณะที่วาริชยังอึ้งไม่หาย                 “……”                 “หรือนายมีปัญหา”                 “เปล่าครับ”                 “งั้นก็ทำตามที่ฉันสั่ง อย่าทำให้โมโห”                 “ด—ได้ครับ”                   “ซิปมันติด”             “…..”                 “วา….วาริช”                 “ครับ ๆ สักครู่นะครับ” เพราะถูกเรียกใช้งานกะทันหัน ทำให้วาริชที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารเที่ยงของคุณเขา ต้องรีบวางมือแล้วเดินไปยังโซนแต่งตัวของนักแสดงชายเพื่อดูซิปกางเกงให้คุณไฟ                 “ดูเหมือนซิปจะติดผ้านะครับ” วาริชพึมพำพร้อมย่อตัวลงแล้วมองซิปเจ้าปัญหาอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะลองใช้มือทั้งสองข้างออกแรงรูดซิปขึ้นอย่างระมัดระวัง                 “อา….ติดเยอะเสียด้วย” เขาพูดต่อ บทสนทนานี้มีเพียงแค่วาริชที่พูดเพียงลำพัง ส่วนคุณไฟก็ยืนกอดอกนิ่ง มองวาแก้ปัญหาอย่างเงียบ ๆ                 เวลาที่คุณไฟยืนเฉย ปล่อยให้วาแก้ปัญหาเพียงลำพัง วาไม่ว่าอีกฝ่ายหรอก ไม่เคยคิดจะว่าด้วย เพราะนี่มันคือหน้าที่ของเขา วาต้องจัดการปัญหาทุกอย่างของคุณไฟ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวหากอีกฝ่ายต้องการ                 เมื่อสิ้นเสียงวา…ความเงียบก็เข้าปกคลุมเราอย่างเต็มรูปแบบ มันกระอักกระอ่วนเสียจนวาอยากจะออกไปจากตรงนี้เร็ว ๆ เขาไม่ค่อยชอบยามที่ตัวเองต้องอยู่กับคุณไฟเพียงลำพัง เพราะมันทำให้วาหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้คุณไฟรู้สึกเหมือนกันไหม แต่ที่แน่ ๆ วาอึดอัด                 ความไม่ชอบใจถูกเก็บไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย แม้จะไม่ชอบสักแค่ไหน แต่ถ้ายังอยากได้เงินอยู่ วาก็ต้องทน เขาเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้หรอก                 เนื่องจากซิปกินเนื้อผ้าไปค่อนข้างมาก ทำให้วาต้องออกแรงมากกว่าปกติ วาเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้….ตรวจดูชัด ๆ ว่ามันยังติดตรงไหน ก่อนที่เขาจะขบกรามแน่น กลั้นใจรวบรวมแรงทั้งหมดรูดซิปขึ้นในคราวเดียวพร้อมติดกระดุมกางเกงให้คุณไฟเสร็จสรรพ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงอึดใจ มันไม่เกินความสามารถเขาหรอก                 “ร—เรียบร้อยแล้วครับ” วาริชเอ่ยเสียงกระตุกกระตัก เขารีบลุกขึ้นยืนเต็มสูงแล้วรีบแหวกผ้ากั้นออกไปจากโซนแต่งตัวทันที                 วันนี้คิวถ่ายละครของคุณไฟมีถึงเที่ยง เพราะอีกฝ่ายต้องการทานอาหารร่วมกับนักแสดงท่านอื่นในกอง วาจึงต้องจัดเตรียมอาหารไว้ให้คุณเขาด้วย                 ช่วงนี้คุณไฟเน้นกินคลีน เพราะจะมีการเปิดกล้องถ่ายหนังในสามเดือนหน้าข้างหน้าจึงต้องมีการรักษาหุ่น อาหารที่กองถ่ายส่วนใหญ่จะเน้นทานง่าย ไม่ยุ่งยาก เพื่อไม่ให้เป็นปัญหา คุณไฟจึงได้ให้วาเตรียมอาหารเอาไว้ให้โดยเฉพาะ เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายชอบอะไร ไม่ชอบอะไร                   หลังเตรียมอาหารไว้ให้คุณไฟเรียบร้อยแล้ว วาจึงมายืนอยู่กับพี่ ๆ ทีมงานในกองถ่าย ส่วนคุณไฟก็กำลังซักซ้อมบทร่วมกับนักแสดงท่านอื่น ก่อนที่จะถ่ายจริง                 วาคลุกตัวอยู่กับพี่ ๆ ทีมงานในกองถ่าย เผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เขามีหน้าที่ดูแลคุณไฟก็จริง แต่ตอนนี้กำลังว่าง อันไหนที่ช่วยทีมงานได้ วาก็อยากทำดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉย ๆ                 การที่ได้เห็นฝีไม้ลายมือการแสดงของคุณไฟนี่คือที่สุดแล้ว ถึงจะไม่ชอบยามที่ต้องอยู่กับคุณไฟเพียงลำพัง แต่วากลับโปรดปรานการดูอีกฝ่ายแสดงละครเป็นที่สุด                 คุณไฟเป็นคนเก่ง อีกฝ่ายเป็นนักแสดงคุณภาพ ทุกครั้งที่สวมบทบาทเป็นตัวละครนั้น ๆ คุณไฟสามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดี ทำให้เชื่อว่าเจ้าตัวเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ ขนาดวาที่เห็นนิสัยทั้งหน้ากล้องและหลังกล้องของอีกฝ่ายหมดแล้ว ยังแอบอินไปกับการแสดงของคุณไฟเลย                 เพราะคุณภาพการแสดงที่เปี่ยมล้น นี่คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณไฟมีชื่อเสียงจนกลายเป็นบุคคลแถวหน้าในวงการบันเทิง อีกฝ่ายเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพจริง ๆ                 โดยเฉลี่ยแล้วคุณไฟจะรับงานละคร ปีละสองเรื่อง ภาพยนตร์ปีละเรื่อง มีงานหนังและละครติดต่อเข้ามามากมาย แต่คุณไฟเลือกรับเฉพาะบางงานเท่านั้น  อีกฝ่ายจะอ่านบทเองทุกเรื่อง อันไหนน่าสนใจ ท้าทายความสามารถถึงจะตอบรับ                 คุณไฟไม่เคยเกี่ยงบทบาท ไม่เคยถือตัวว่าต้องรับบทพระเอกตลอดไป เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเป็นที่ฮือฮาในวงการ หลังพระเอกแถวหน้าเลือกรับบทตัวประกอบของภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เพียงเพราะคิดว่ามันน่าสนใจ                 ถึงแม้คุณไฟจะมีชื่อเสียงสักแค่ไหน แต่คุณไฟจะอ่านบทและเตรียมพร้อมตัวเองมาก่อนทุกครั้ง วาไม่เคยเห็นคุณเขามาอ่านบทหน้างาน น้อยครั้งมากที่ความผิดพลาดจะเกิดคุณไฟ วาริชคิดว่าคุณสมบัติข้อนี้แหละที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นดั่งดวงดาวที่ไม่มีวันดับ                 เมื่อนักแสดงซักซ้อมคิวกันเสร็จ การถ่ายทำจริงก็เริ่มต้นขึ้น วาจ้องคุณไฟผ่านจอมอนิเตอร์ตาไม่กะพริบ เขาเม้มปากแน่นเมื่อการแสดงตรงหน้ากำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ตรึงเครียด                 ฝีไม้ลายมือของคุณไฟเป็นดั่งศิลปะชิ้นเอกที่วาไม่อยากละสายตาออกเลยแม้แต่เสี้ยววิ วาดำดิ่งไปกับการแสดงของคุณไฟ อินไปกับตัวละครที่คุณเขาสวมบทบาท จนกระทั่งผู้กำกับสั่งคัตวาถึงได้สติ นาทีต่อมาคุณไฟก็หันมาสบตาวาด้วยความบังเอิญ เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณเขาจะเลิกคิ้วสูงอย่างตั้งคำถาม                 “มีอะไร?” คุณไฟไม่ได้เอ่ยออกเสียง อีกฝ่ายแค่ขยับปากเป็นคำพูด แต่วาอ่านมันออก เพียงเท่านั้นเขาก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ หลบตาแล้วเดินหนีตรงนั้น….จึงไม่ทันได้เห็นว่าพ่อนักแสดงแอบกระตุกยิ้มมุมปากตามหลัง                   เพราะความเอาแต่ใจของคุณไฟ ทำให้วาต้องโทรไปยกเลิกดินเนอร์หรูในวันนี้ เท่านั้นไม่พอเขายังต้องโทรไปหาคุณพิม ณิชาเพื่อขอยกเลิกนัดวันนี้ด้วย                 วาเสียดายตัง ถึงมันจะไม่ใช่เงินของเขา แต่ก็ยังแอบเสียดายอยู่ดี เพราะเขารู้ว่ากว่าจะหาได้แต่ละบาทมันไม่ง่ายเลย เรื่องยกเลิกการจองไม่เท่าไร แต่วาต้องโทรไปยกเลิกนัดคุณพิมนี่สิคือปัญหา วากลัวเธอโกรธ กลัวว่าจะไม่เข้าใจคุณไฟ แต่โชคดี….คุณพิมไม่งี่เง่า เธอเข้าใจคุณไฟ ทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปด้วยดี นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงมีการทะเลาะกันไปข้างแล้ว                 คุณพิม ณิชา เธอเป็นนักแสดง เป็นบุคคลในวงการบันเทิงเหมือนกันและเธอกำลังศึกษาดูใจกับคุณไฟ แต่ความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนแล้ววาริชก็ไม่อาจทราบได้ เขาไม่เคยถาม คุณไฟก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง วารับรู้เรื่องราวของสองคนนี้พร้อมกับทุกคนผ่านหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งไม่ก็โลกออนไลน์เท่านั้น                 เมื่อดินเนอร์ถูกยกเลิกไป หลังจากทานข้าวเที่ยงร่วมกับทีมงานและนักแสดงเสร็จ คุณไฟก็กลับคอนโดในทันที งานนี้วาริชต้องติดสอยห้อยตามคุณไฟมายังคอนโดด้วย เพราะหน้าที่ของเขายังไม่หมด วาต้องเข้าไปเติมของในตู้เย็นให้คุณไฟก่อนถึงจะกลับได้                 เมื่อเข้าไปเช็กของในตู้เย็นแล้วว่าขาดเหลืออะไรบ้าง วาก็ออกมาซื้อของให้คุณเขาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโด คุณไฟไม่ได้ตามมาด้วย เขาออกมาซื้อของเพียงลำพัง                 วาอ่านทวนรายการของที่ต้องซื้อ ก่อนจะเดินเข็นรถเริ่มซื้อของตามรายการที่จดเอาไว้ วัตถุดิบที่จะซื้อเข้าตู้เย็น ไม่ใช่อะไรก็ได้ วาต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่าจะจดจำเรื่องพวกนี้ได้ขึ้นใจ อย่างน้ำมันที่คุณไฟใช้ทำอาหารคือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน โยเกิร์ตต้องยี่ห้อinnocentcowเท่านั้น เนื้อสัตว์ช่วงนี้จะเน้นแค่อกไก่และเนื้อปลา ผัก ผลไม้ต้องซื้อเข้าไปเยอะหน่อย เพราะนอกจากจะใช้ทำอาหารแล้ว ยังจะใช้ในการทำน้ำผักผลไม้ด้วย                 วาใช้เวลาเลือกซื้อของประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาหอบข้าวของเต็มมือ ใส่รหัสประตูห้องอย่างทุลักทุเล เมื่อเข้ามาข้างใน วาก็เห็นคุณไฟกำลังยืนรับลมที่ริมระเบียงอยู่ เหมือนพระเจ้าจะรักอีกฝ่ายเหลือเกิน เพราะแม้คุณไฟจะสูบบุหรี่ แต่ริมฝีปากกลับไม่เคยคล้ำลงแม้แต่นิด มันยังอมชมพูแลดูสุขภาพดีเหมือนเดิม                 เขายืนมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ มันดูงดงามเหมือนผลงานศิลปะ ผมสีน้ำตาลเข้มของคุณไฟกำลังพลิ้วไหวไปตามสายลมยามเย็น                 มือข้างหนึ่งก็กำลังคีบบุหรี่เอาไว้ ควันของมันกำลังลอยละล่องไปตามแรงลมเช่นกัน ภาพอันสมบูรณ์นี้ทำให้วารู้สึกว่านี่คือฉากในนิยายรักสักเรื่อง มันดูสมบูรณ์แบบไปเสียหมด หากจะให้คิด…ฉากนี้ต้องเป็นฉากที่นางเอกมองพระเอก แต่ติดตรงที่ว่าวาไม่ใช่นางเอกของคุณไฟ                 และไม่มีวันจะเป็นนางเอกของคุณเขาได้…..                 “…!!” วาสะดุ้ง เมื่อจู่ ๆ คุณไฟก็หันกลับมามอง นั่นทำให้เขาได้สติ รีบนำถุงของเข้าไปยังโซนครัวทันที                 หลังถูกจับได้ว่าแอบมอง วาก็รู้สึกอายอย่างไม่ถูก เหมือนเขากำลังทำงานพลาดอะไรแบบนั้น เพียงเท่านั้นวาริชรีบจัดเรียงของสดเข้าตู้เย็น เขาทำทุกอย่างแข่งกับเวลา เพราะอยากจะรีบกลับไปสงบสติอารมณ์ที่ห้องพักแล้ว                 “ขอโทษครับ” วาริชรีบเอ่ยขอโทษ หลังเขาจัดของเข้าตู้เย็นเสร็จ ก็ถอยหลังไปปะทะกับร่างคุณไฟพอดี อีกฝ่ายเดินเข้ามาในครัวตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ แผ่นหลังของวาได้ชนเข้ากับอกของอีกคน                 คุณไฟไม่ได้อะไร แต่โน้มตัวมาใกล้ เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นอย่างเงียบ ๆ เพราะอีกฝ่ายกั้นทางออก ทำให้วาทำได้แค่ยืนนิ่ง ต้องรอให้คุณไฟดื่มน้ำให้เสร็จก่อน เขาถึงจะเดินออกไปได้                 “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอกลับ……”             “พรุ่งนี้มีงานถ่ายแบบ” คุณไฟพูดขึ้นก่อนที่วาจะเอ่ยจบ “เพราะงั้นวันนี้ก่อนที่นายจะไป ทำน้ำผักผลไม้เตรียมไว้ให้ฉันด้วยแล้วกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม