ตอนที่ ๒

1291 คำ
ตอนที่ ๒ พิพิธภัณฑ์แรกที่เทวาพาภาริชเข้ามาชมนั้น เป็นรูปกบประหลาดที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนคนกรุงยืนแหงนหน้ามองด้วยความสนใจ หากจะบอกว่ามันเป็นกบทำไมมันถึงได้มีตุ่มน่าเกลียดแบบนี้ “พญาคันคาก” เมื่ออ่านจบในหัวเริ่มตั้งคำถามมันคืออะไร? แน่นอนว่าคนกรุงยืนงงเป็นไก่ตาแตก ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันคืออะไรแล้วด้านในมันมีอะไรอยู่ถึงได้ก่อตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ “เดี๋ยว!! มันคืออะไร?” ภาริชชี้นิ้วไปยังตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ข้างพิพิธภัณฑ์ “คางคกไง งงอะดิ คุณชายเมืองกรุงก็แบบนี้” เทวาหยักไหล่แล้วยิ้มกว้างล้อเลียนเพื่อน ไม่ผิดที่ภาริชจะไม่เข้าใจภาษาอีสาน หากว่าเพื่อนของเขามีเมียคนอีสานคงได้เรียนรู้ภาษาท้องถิ่น “คางคก? นี่มึงกำลังพากูไปดูคางคก? บ้าหรือเปล่า กูมาซื้อที่ไม่ใช่มาซื้อคางคก” “เดี๋ยวตบปากแตก พูดแบบนี้ที่มึงจะได้ซื้อไหม ปากไม่เป็นมงคลวอนซะล่ะ” เทวาบ่นออกมา คางคกเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดยโสธร คนที่รู้จักย่อมให้ความเคารพนับถือถึงจะเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แต่ความเชื่อนั้นก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนที่นี่ ภาริชงงกับคำพูดของเพื่อนเข้าไปอีก เขาเอียงคอด้วยการตั้งคำถาม ทำไมกูมาซื้อที่ถึงจะไม่ได้ที่ล่ะ? พูดแปลกๆ “ไปเร็ว นี่ของดีจังหวัดนี่เลยนะ ไม่มาก็ถือว่าไม่ได้มายโสธรนะมึงเร็วเข้า” เทวาเร่งเพื่อนให้เดินตามมายังพิพิธภัณฑ์พญาคันคากที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างอ่างเก็บน้ำลำทวน ซึ่งโดยรอบเป็นสวนสาธารณะก็ว่าได้ ในช่วงเย็นมักมีผู้คนออกมาวิ่งเล่นและออกกำลังกาย บรรยากาศติดริมน้ำลมพัดเย็น เทวาก็เคยมาบ่อยหากมีเวลา สายตาของภาริชจ้องมองไปเห็นรูปปั้นนางรำ ที่ยืนเรียงรายกันรำอยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์พญาคันคากแล้วยืนนิ่ง ของแปลกอีกแล้ว แปลกจนไอ้คนกรุงมันหยุดมองแล้วเดินไปจับนางรำที่อยู่หน้าสุด “ให้กูถ่ายรูปให้ไหม” เทวาเอ่ยพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง “อันนี้อะไร?” “นางรำไง นี้เป็นประเพณีบุญบั้งไฟ มึงอยู่ต่ออีกสักหน่อยรับรองได้เห็นแน่ ยิ่งใหญ่ตื่นตาตื่นใจสำหรับมึงแน่นอน นางรำมีแต่สวยๆ” เขาเริ่มพูดโน้มน้าวใจเพื่อนรัก พร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดที่ลำคอ “แปลกดี มีแต่ของแปลกๆ” ภาริชยอมรับว่าทุกอย่างที่เจอในวันนี้ล้วนแล้วแต่แปลกตา หรืออาจเป็นเพราะเขานั้นยุ่งอยู่แต่กับธุรกิจของที่บ้าน จนไม่มีเวลาออกมาพบเจอโลกภายนอก มีเงินแล้วจะได้ท่องเที่ยวนั้นมันช่างน้อยนิดสำหรับเขา ก็มีบางที่ไปเที่ยว แต่สถานที่ไปนั้นมีแต่พวกคนมีเงินที่ไปได้ แต่สถานที่แบบนี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นที่เที่ยวก็ได้ เมืองไทยคงมีแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้อยู่อีกมากสินะ “ไอ้คุณชาย กูรู้ว่ามึงพึ่งเคยเจอ ต่อไปนี้มึงต้องหาเวลามาเที่ยวแบบนี้บ้าง ใช้เงินไม่เยอะเหมือนที่มึงไปเที่ยวต่างประเทศหรอก แถมยังสนุกกว่าเป็นไหนๆ” บ๊อกๆๆๆ เสียงเห่าของน้องหมาดังขึ้น ชิวาวาตัวน้อยขนสั้นสีขาวกำลังยืนเห่าเขาเสียงแหลมเล็ก สองหนุ่มหันมองด้วยความสนใจ แล้วเจ้าของของมันอยู่ที่ใด “ตัวเล็ก!! ตัวเล็ก!!” เสียงหวานดังขึ้นก่อนที่สุนัขพันธุ์เล็กจะวิ่งกลับไปหาเจ้าของ “เอาแล้วไง พรหมลิขิตหรือเปล่าว่ะ” เทวายิ้มกว้างเมื่อมองเห็นเจ้าของสุนัข ที่กำลังอุ้มเอาสัตว์เลี้ยงขึ้นจากพื้น เธอหันมาส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านทรงไทยยกพื้นสูง “เธอไม่เหมาะกับมึง” เอาแล้วไงเหมือนว่าจะมีสงครามกันเกิดขึ้น เทวาหันมายิ้มกับภาริช “เธอเหมาะกับกูมากกว่า” “ก่อนจะบอกว่าเหมาะไหม มึงลองไปถามเธอก่อนดีไหมว่าโสดหรือเปล่า สวยขนาดนั้น ตัวเล็กสเปคผู้ชาย ไม่น่าเหลือรอดมาถึงปากพวกเรา” ใช่ก่อนที่จะเถียงกันต้องรู้ก่อนว่าเธอโสดหรือไม่ หากมองโดยรวมคงรู้ว่าเธอคงมีเจ้าของหัวใจแล้ว ไม่ต้องไปถามให้เสียเวลาหรอก ภาริชหันหลังเดินออกจากตรงนี้เสียเอง ที่พูดเมื่อครู่ไม่ได้จริงใจอะไรทั้งนั้น แค่นึกหมั่นไส้เพื่อนที่เหล่ตามองสาว ก็น้องสาวของเขาจองมันเอาไว้แล้ว ถึงมันจะบอกว่าไม่ได้ชอบแต่น้องสาวของเขาก็ไม่เลิกชอบมันสักที “รอกูด้วย เดินเหมือนเป็นผู้รู้ว่าไปทางไหน” เทวาวิ่งตามหลังมา “ตากูไม่ได้บอด” เขาชี้นิ้วไปตามป้ายบอกทาง ที่จริงไม่ต้องอ่านป้ายบอกทางก็รู้ เพราะสถานที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร พื้นที่โล่งๆ กับลำน้ำใหญ่ บรรยากาศก็ดีไม่น้อย เมื่อผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเดินขึ้นมาบนชั้นสอง พวกคุณทั้งหลายจะได้พบกับคางคกสายพันธุ์ต่างๆ วงจรเกิดจนถึงมรณะ และยังไม่เพียงสายพันธุ์ของไทยเท่านั้น ยังมีอยู่ทั่วโลก เขาเองก็พึ่งรู้ตอนนี้ ว่าคางคกมีอยู่ทั่วโลกนึกว่าจะมีแค่เพียงประเทศไทยเพียงเท่านั้น เขามองไม่ออกว่ากบกับคางคกมันต่างกันตรงไหน มีเขียนเอาไว้ว่าคางคกไม่สามารถกินได้ แล้วใครมันจะอุตริกินล่ะ หน้าตาก็น่าเกลียดแบบนี้ เพียงนึกถึงเมนูอาหารคางคงขึ้นมา ภาริชก็จะสำรอกอาหารที่ทานมาในตอนเช้าออกทางเดิมเสียแล้ว เมื่อเรียนรู้การเกิดแก่เจ็บตายของคางคกเสร็จแล้วในชั้นแรก ก็ถึงเวลาเดินขึ้นมาบนชั้นที่สอง ซึ่งเป็นชั้นที่พูดเกี่ยวกับประเพณีของชาวยโสธรทั้งสิบสองเดือน เขาก็เดินอ่านๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันควรรู้เอาไว้ไหม แต่เขากลับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเก็บเอาไว้ และยังมีบังไฟในรูปลักษณะต่างๆ ที่อยู่ในตู้กระจก ยังเขียนบรรยายรายละเอียดมากมายเอาไว้ ภาริชหยุดชะงักด้วยความตกใจ เมื่อหันมาด้านหลังแล้วพบเจอกับหุ่นมนุษย์ที่รูปร่างสมจริงจนแยกไม่ออกว่าคือ หุ่นหรือคนจริงๆ แต่พอมองดีๆ ก็คือหุ่นนั่นแหละมือที่ทาบอกยกออกแล้วรีบเดินขึ้นไปอีกชั้น ในชั้นที่สามพูดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัดยโสธร ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ ช่างสุดยอดเสียจริงไม่คิดว่าที่แห่งนี้จะมีความเป็นมาที่ยาวนานเช่นนี้ เมื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์จบลง ก็ต้องมาเรียนรู้สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดยโสธรต่อ แต่ล่ะอำเภอมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เห็นทีเขาต้องรีบทำธุระแล้วออกเที่ยวบ้างแล้ว ในชั้นสุดท้ายเป็นชั้นบนสุดที่ไม่มีอะไรแต่มีระเบียงยืนออกไปตรงปากพญาคันคาก ให้มองเห็นลำน้ำทวนในมุมสูงที่สวยกว่าด้านล่าง ภาริชยืนรับลมกับเทวา “เป็นไง น่าสนใจไหม” เทวาเอ่ยถามเพื่อนสนิท “อืม ก็ไม่แย่” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม อะไรที่ได้เปิดใจแล้ว ก็ไม่ได้แย่จริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม