ตอนที่ ๕
“ฝ้าย เฮ็ดอิหยังอยู่ลูก” อิ่มจันทร์เดินเข้ามาทักทายหลานสาว ที่กำลังนั่งดูผ้าฝ้ายทอมือที่ชาวบ้านนำมาส่งฝากขาย และยังมีผ้าฝ้ายทอมืออีกกองที่แพรฝ้ายนั้นซื้อเอาไว้เผื่อตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป
“เบิ่งผ้าจ้า งานทอมือรอบนี้มีแต่สวยๆ ป้าว่าเฮาตัดชุดรำใหม่ดีบ่จ้า สีชมพูอมสีขาวงามคัก” สายตาของเธอยังคงจับจ้องที่ม้วนผ้าฝ้าย รอยยิ้มบางๆ ที่บ่งบอกได้ว่าเธอนั้นช่างมีความสุขในงานที่ทำเหลือคณา
“พอดีเลย อีกบ่กี่เดือนกะงานบุญบั้งไฟแล้ว น่าจะตัดเสร็จทัน ส่วนชุดอื่นๆ ป้าให้คนเอาไปซักเตรียมไว้แล้ว”
“แล้วป้ามีอีหยังบ่จ้า” แพรฝ้ายถามด้วยความสงสัย
“สิมีแขกมา ป้าสิมาบอกว่ามื้อแลงให้ไปกินข้าวนำกัน พ่อฝ้ายโทรมาบอกป้าเมื่อกี้นี้เอง เห็นบอกว่าเขามาซื้อที่ลุงนัดกันจ่ายเงินแลงนี้ อย่าลืมไปกินข้าวนำกัน ป้าสิไปตลาดก่อนไปหากับข้าวกับน้ำมาเฮ็ดแลงนี้”
“จ้า หนูเบิ่งผ้าแล้วสิไปทำกับข้าวส่อย” เธอยิ้มกว้างอีกครั้งส่งให้คนเป็นป้า
เมื่อภายในห้องทำงานของเธอเงียบเสียงลง จิตใจของแพรฝ้ายก็ได้จดจ่ออยู่ที่ม้วนผ้ากองใหญ่อีกครั้ง อาชีพของเธอคือช่างออกแบบเสื้อผ้า ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา ฝีมือนั้นไม่เป็นสองรองจากใคร
วิชาที่ร่ำเรียนมานั้นหลายคนบอกว่าช่างไร้ประโยชน์ไปเรียนไกลเสียเปล่ากลับมาทำงานที่บ้านนอก เธออยากตะโกนแสกหน้าคนพวกนั้นเหลือเกิน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเธอก็สามารถทำงานได้ ถึงแม้รายได้จะไม่ได้มากเหมือนในเมืองหลวง แต่เธอก็สุขใจที่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิดทำสิ่งที่ตัวเองรัก หากยังใช้ชีวิตในเมืองคงได้พบเจอกับการแข่งขันที่ดุเดือด
งานของเธอต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมาก แถมยังต้องมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอให้งานไม่ล้าสมัย แต่งานที่เธอทำอยู่ในตอนนี้ มีร้านเสื้อผ้าเปิดเป็นแบรนด์ของตัวเอง
ส่วนมากผ้าที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้านั้น ล้วนเป็นผ้าทอมือจากชาวบ้านที่ป้าของเธอเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตแบบพอเพียง ฝ้ายทุกต้นที่ปลูกล้วนแล้วมาจากฝ้ายที่ปลูกไร้สารพิษไม่ใช้ปุ๋ยเคมี
สีที่ย้อมนั้นมาจากสีของธรรมชาติ ไม่เป็นภัยต่อโลกและมนุษย์ที่นำไปสวมใส่ ถึงวิธีการทำจะยุ่งยากเพราะทำด้วยมือไม่มีเครื่องทุ่นแรงเข้ามาเสริม
เพราะต้องการรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมให้ยังคงอยู่ ผู้คนส่วนมากจะเป็นผู้สูงวัยที่ลูกหลานให้อยู่บ้านเลี้ยงหลาน แต่บางคนว่างก็จะมาทำงานที่ศูนย์การเรียนรู้
เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา หากแต่คงเป็นความอดทนใฝ่รู้และพัฒนาให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าที่สำคัญกว่า อิ่มจันทร์ที่เคยเป็นพยาบาลในเมืองหลวงมาก่อน
เธอเป็นโรคภูมิแพ้ถึงกลับต้องย้ายกลับบ้านเกิด แล้วมองหาลู่ทางในการทำเงินใหม่ อยู่แบบใดให้มีความสุขและเพียงพอ ตนเองอยู่ได้ผู้บริโภคก็อยู่ได้เช่นเดียวกัน
ไร่ฝ้ายหลายสิบไร่ในที่ดินแปลงใหญ่ มีคนงานเก็บฝ้ายหลายสิบชีวิต กระบวนการทำผ้าฝ้ายทอมือนั้น เริ่มต้นตั้งแต่การเกิดของเมล็ดฝ้ายเชียวนะ
งานผ้าฝ้ายทอมือที่แพรฝ้ายนำมาตัดเย็บเสื้อผ้านั้น ไม่เพียงขายดีในเมืองไทย ในต่างประเทศเธอก็ยังมีลูกค้าเช่นเดียวกัน ตลาดใหญ่ของงานประดิษฐ์มือ ไม่เคยหยุดนิ่งเพียงเท่านี้
ยิ่งเธอนั้นมีเพื่อนต่างชาติสาขาอาชีพเดียวกัน ยิ่งเป็นใบเบิกทางที่ดี เมื่อเดือนก่อนงานออกแบบของเธอได้ส่งไปประกวดที่ต่างประเทศ ยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง
ผ้าฝ้ายทอมืออาจเป็นผ้าที่ราคาไม่แพงมากนัก หากแต่เป็นผ้าที่ทำด้วยน้ำพักน้ำแรงของชาวบ้าน เธอจึงต้องสร้างมูลค่าให้กับผ้าฝ้ายทอมือ จากสิบบาทให้กลายเป็นหนึ่งร้อย และเพิ่มมากยิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคตภายภาคหน้า
แพรฝ้ายเก็บม้วนผ้าลงกระสอบผ้าที่ตัดเย็บเอาไว้ เตรียมให้เสร็จเพราะพรุ่งนี้เธอต้องนำม้วนผ้าเหล่านี้ไปที่ร้านเพื่อทำการตัดเย็บขั้นรูป แบบก็พอคิดเอาไว้แล้ว ชุดนางรำสวยๆ ของร้านแพรฝ้ายจะต้องออกมางดงามแน่นอน
เมื่อได้เวลาในการทำอาหารเย็น เธอไม่รอช้าเดินตรงมาที่ครัวเพื่อจัดเตรียมอาหารเย็นช่วยป้าของตัวเอง ในบ้านยังมีคนมาช่วยอีกสองคน
ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ก็เป็นคนละแวกบ้านถัดไปไม่กี่หลังนี่เอง รู้จักกันหมดไส้หมดพุง
“ฝ้ายบ่ต้องมาส่อยกะได้ลูก ไปอาบน้ำแต่งโตงามๆ ไปท่ารับแขกแทนป้าดีกว่า”
“แขกสำคัญขนาดนั้นเลยติจ้า กะแค่มาซื้อที่ดินบ่เห็นต้องตอนรับดีขนาดดีเลย” เธอไม่เคยเห็นป้าต้อนรับแขกดีขนาดนี่เลย ยิ่งเป็นแขกของพ่อแน่นอนว่าคงพาออกไปทานข้าวที่ร้านอาหารร้านดังแทนที่จะมานั่งทานที่บ้าน
“แขกมากะต้องต้อนรับดีๆ เพิ่นสิได้ดีใจที่มาบ้านเฮาแล้วเห็นว่าเจ้าบ้านเต็มใจต้อนรับ บ่ว่าสำคัญหรือบ่สำคัญเฮากะต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี ไปๆ ไปอาบน้ำแต่งโตงามๆ” อิ่มจันทร์ดันหลังหลานสาวที่รักเหมือนกับลูกในไส้ เพราะเธอไม่มีบุตรกับสามีอีกอย่างแม่ของแพรฝ้ายก็ตายจากไปตั้งแต่ที่เธอยังเป็นเด็ก
“จ้าๆ” เธอรีบเดินกลับมาที่ห้องอาบน้ำเตรียมตัวไปต้อนรับแขกอย่างที่ป้าเธอบอก อยากรู้เหลือเกินแขกที่จะมานั้นหน้าตาจะเป็นเช่นไร แต่ก็คงหนี้ไม่พ้นเป็นผู้สูงวัย จอมเจ้าชู้ที่เธอเคยได้เห็นอยู่บ่อยๆ
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงไม่ใช่ว่าเธออาบน้ำแต่งตัวนาน แต่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็มานั่งเล่นกับเจ้าตัวเล็กที่ได้เปลี่ยนชุดเป็นกระโปรงสีชมพูน่ารัก มันกำลังนอนหงายให้เธอเกาพุงแล้วหลับสบาย
เสียงเครื่องยนต์รถทำให้เจ้าตัวเล็กดีดตัวลุกนั่งไม่ต่างจากแพรฝ้ายที่ชะเง้อคอมอง รถคนแรกเป็นรถยนต์ของพ่อของเธอ ส่วนคันที่สองไม่คุ้นเคยรถยนต์สี่ประตูสีขาวรุ่นใหม่จอดลงต่อท้าย
ชายหนุ่มทั้งสามพร้อมกับหญิงสาวอีกหนึ่งคนเดินเข้ามาในบ้านปูสองชั้นหลังใหญ่ แพรฝ้ายลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มเจ้าตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน ไม่ใช่เธอที่ตกใจอยู่คนเดียว
ผู้ชายสองคนก็ตกใจเช่นเดียวกันที่ได้มาเจอกับเธอที่บ้านหลังนี้
ป้าของเธอก็จะแบ่งสิ่งของเงินทองตามแรงช่วยเหลือให้พวกเขาเหล่านั้นนำกลับไปที่บ้านเพื่อดำรงชีวิต ศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตแบบพอเพียง ไม่มีเพียงการทอผ้าด้วยมือ
มีการเพราะปลูกพืชผักและต้นไม้ยืนต้นให้ได้กินตลอดทั้งปี แถมยังมีบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ ที่สามารถลงไปจับขึ้นมาทำอาหารเลี้ยงปากท้องของคนที่มาช่วยงานที่ศูนย์การเรียนรู้ได้
แค่นี้ยังไม่พอยังมีการเลี้ยงไก่ไข่เอาไว้อีกจำนวนร้อยตัว ทุกอย่างที่ป้าของเธอทำนั้นมีแรงช่วยเหลือมาจากลุง ในตอนแรกทุกคนต่างส่ายหน้าไม่ยอมรับความคิดเห็นของป้า
การทำเกษตรแบบพอเพียงมันเหนื่อยเหลือแสน แถมยังมีการทำศูนย์ผ้าทอมืออีก พ่อของเธอเองก็ยังไม่ยอมรับ คนทำสิ่งเหล่านี้ได้ต้องมีความอดทนและพยายามเป็นอย่างมาก