ตอนที่ ๔
เมื่อเดินชมพิพิธภัณฑ์พญาคันคากเสร็จแล้วทั้งสองก็มุ่งตรงมาที่พิพิธภัณฑ์พญานาค แหล่งการเรียนรู้ถึงกำเนิดของการเกิดของพญานาค
พญานาคมีลักษณะเหมือนกับงูทุกประการ หากแต่มีรูปร่างที่ใหญ่โตมากกว่างูปกติหลายร้อยเท่า และบนศีรษะจะพบกับความงดงามที่เป็นลวดลายที่บ่งบอกว่านั้นคือพญานาค
“กูรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็ก” ภาริชบ่นขึ้น แต่กระนั้นก็ยังยืนดูยืนอ่านข้อความบนผนังไม่ละสายตา
ความรู้สึกแปลกใหม่มันกำลังทำให้เขาตื่นเต้น เหมือนกับเด็กที่ได้ออกมาเที่ยวสวนสัตว์ก็ไม่ปาน
“ไม่ค่อยมีอะไรหรอก นี่จะได้เวลาแล้ว ไปกันเลยไหม” เทวายกนาฬิกาขึ้นมองเวลา
มันน่าจะเอ่ยคำนี้นานแล้ว แต่พอเขาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันกลับจะพาเขาไปซะแล้ว ที่ตอนมันจีบสาวไม่เห็นมันจะรีบแบบนี้ นึกมาแล้วอยากกระโดดถีบมันขาคู่
แต่เขาก็เดินเข้ามาดูยังด้านในจนสุดทาง ก็ไม่มีอะไรมากทุกอย่างเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับงูเพียงเท่านั้น นั้นจุดกำเนิดของพญานาคในตำนานเขาเข้าใจแบบนั้น
เทวาไม่รอช้ารีบเร่งเครื่องยนต์ออกมาจากวิมานพญาแถนเพื่อไปตามนัดที่ได้ให้ไว้กับเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งในจังหวัดยโสธร มาถึงร้านอาหารเล็กๆ ติดริมแม่น้ำชี
ซึ่งกว่าจะมาได้นั้นต้องเข้าซอยเล็กๆ คดเคี้ยวจนเขาลายตา แต่ไอ้เทวามันกลับจำทางได้เป็นอย่างดี ถึงมันจะไม่ได้เกิดที่นี่แต่ก็มาประจำทำงานที่นี่นานหลายปีแล้ว
“นี่ ส.ส.นที เป็นเจ้าของที่ที่กูบอกมึงไป” เทวากระซิบบอกเพื่อน
“สวัสดีครับผมภาริช ที่ติดต่อมาครับ” เขายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า ชายตรงหน้าดูภูมิฐานสมกับฐานะที่เพื่อนได้บอก
“ไม่ต้องไหว้หรอกครับ นั่งๆ ผู้กองไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ได้รับสายจากผู้กองผมดีใจจริงๆ นี่จะเที่ยงแล้วเรามาทานข้าวกันก่อน ส่วนเรื่องที่ค่อยคุยกันก็ได้”
“ครับ” เทวารับปากพร้อมยิ้ม ส่งสายตาไปให้กับภาริชที่นั่งอยู่ด้านข้าง
เขาไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น อยากคุยเรื่องที่ดินให้เสร็จๆ และจบๆ ไปจะได้กลับไปพักผ่อน รู้สึกว่าเรื่องที่จะคุยกันได้ยากแล้ว เจ้าของที่ดูมีความรู้กว้างขวางเช่นนี้ เขาจะต่อรองราคาได้หรือเปล่านะ
“ที่จริงที่ดินแปลงนั้น ผมว่าจะเก็บเอาไว้ให้ลูกสาวสร้างเรือนหอ แต่เห็นทีคงรอเก้อ” นทีหัวเราะชอบใจเมื่อนึกถึงบุตรสาวที่ไม่อยากออกเรือนของตนเอง
“ผมโสดนะครับ เพื่อนผมก็โสด” เทวาเอ่ยล้อขึ้น
“ผู้กองผมก็ว่าดี ส่วนเพื่อนของผู้กองก็ดีอีกล่ะครับ คนเป็นพ่อตัดสินใจแทนไม่ได้ ถ้าทำได้ผมคงให้แต่งตั้งแต่เรียนจบโทแล้ว” เขาไม่ได้พูดอวดว่าลูกสาวจบโทจากเมืองนอก แต่คนตรงหน้าของเขาก็จบสูงไม่ต่างกัน เขาเองก็จบโทจากต่างประเทศ
ไม่ใช่ที่บ้านมีเงิน แต่ที่บ้านสมัยก่อนนั้นยากจน ที่ได้ไปเรียนต่างประเทศเพราะไปแลกเปลี่ยนและทำงานไปด้วยถึงได้มีค่าครองชีพดำรงชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ
“ผมขอถามได้ไหมครับ ที่ดินแปลงนั้นทำไมถึงไม่มีถนนตัดผ่านครับ” ภาริชตั้งคำถาม เขามองยังไงก็ไม่มีถนนเข้าไปด้านใน หากต้องสร้างสิ่งก่อสร้าง คงต้องวุ่นวายกันขอเส้นทางเพื่อเทียวผ่าน
“ที่ดินแปลงนั้นเป็นที่มรดก หากต้องการทางผ่าน เดี๋ยวผมจัดการให้ไม่ยากนักหรอก”
“ผมสนใจที่ดินอีกแปลงครับ ที่ดินห้าสิบไร่ติดถนนหลวง ผมเห็นว่ามันเป็นที่ทำนา ไม่ทราบผมพอจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของหรือเปล่าครับ”
จะบอกว่าเขาเป็นหนุ่มเลือดร้อนก็ว่าได้ ไม่ใจยงใจเย็นมันแล้ววินาทีนี่ ดูก็รู้ว่าไม่มีใครกระเดือกข้าวลงคออร่อยกันสักคน ทั้งที่อาหารก็รสชาติดี
“คุณใจร้อนกว่าที่ผมคิดนะ ผมไม่คุยเรื่องงานตอนทานข้าว” นทีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ทำให้เทวาที่นั่งข้างเอาเท้าสะกิดเท้าของภาริช ให้เขาได้เงียบเสียงลงหน่อย
ที่พูดเรื่องลูกสาวกลับพูดไหลลื่นยิ่งกว่ามีน้ำมันราดเอาไว้เสียอีก พอพูดเรื่องงานกลับมาบอกว่าไม่อยากคุยตอนทานข้าว ตรรกะป่วยๆ ของชายสูงวัยหรือเปล่าว่ะ
นี่กะจะอวดลูกสาวพร้อมกับขายที่ดินไปพร้อมๆ กัน หรือจะขายที่ดินพร้อมกับแถมลูกสาวให้ด้วยว่ะ!!
“ว่าแต่ลูกสาวของท่านสวยหรือเปล่าครับ” เทวาอยากเปลี่ยนบรรยากาศ จึงได้เอ่ยถามสิ่งที่ชายสูงวัยเอ่ยในตอนแรก
“เย็นนี้ไปดูสิ ผมจะทำกับข้าวตอนเย็นเอาไว้ให้ เอาแบบนี้แล้วกันเย็นนี้เราค่อยคุยเรื่องที่ดินกันต่อ ทานข้าวเสร็จผมจะพาไปดูที่ ที่อยากจะขายและที่ที่อยากจะซื้อ”
“ครับ” ทั้งสองคนรีบรับปาก หากปากวอนตีนอีกหน่อยคงได้กลับกรุงเทพมือเปล่า ภาริชคิดในใจ
อาหารมื้อนี้ภาริชเป็นคนจ่ายทั้งหมด ถึงท่าน ส.ส.นทีจะอยากจ่ายมากเพียงใด แต่สุดท้ายภาริชก็ชิงจ่ายก่อนจนสำเร็จ เขาต้องสร้างความประทับใจเอาไว้ให้มากๆ
เผื่อจะได้ที่ดินที่หมายตาเอาไว้และอาจได้ลูกสาวแสนสวยของท่านส.ส.แถมมาด้วยอีกคนก็เป็นได้
รถยนต์วิ่งตัดผ่านถนนเส้นกลางเมือง ผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อไปยังถนนคำเขื่อนแก้วอุบลราชธานี ห่างจากตัวเมืองเพียงสองกิโลเมตรก็ถึงที่ดินเป้าหมาย
ภาริชยืนมองดินแปลงที่เขาไม่สนใจ แต่มาดูที่จริงๆ แล้วกลับชอบมากทีเดียว แต่เขาก็แอบแปลกใจว่าที่ดินที่จะขายนั้นไม่ได้อยู่ติดกับถนนใหญ่แบบนี้
“ที่ดินแปลงนี้ เป็นของพี่ชายผมเอง ผมพามาดูเผื่อคุณชอบ หกสิบไร่ ขุดสระไปเกือบสิบไร่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ไฟฟ้าน้ำเข้าถึงหมดแล้ว”
“หากผมซื้อดินแปลงนี้แล้วไม่ซื้อดินของคุณจะดีหรือครับ” ภาริชเอ่ยถามด้วยความสงสัย ถ้าเป็นใครก็อยากซื้อที่ติดถนนกันทั้งนั้น
“คนบ้านเดียวกัน ใครจะขายได้ไม่ขายได้ก็ไม่ได้ว่าอะไร หากคุณชอบดินแปลงนี้ก็ซื้อเลย พี่ชายผมพึ่งตัดสินใจขายเมื่อวันก่อนเอง”
“ผมถามราคาหน่อยได้ไหมครับ เปิดอยู่ที่เท่าไหร่ครับ”
“สิบห้าครับ” ราคานี้เขาเผื่อต่อรอง โดยรอบมีปั๊มน้ำมันโรงพยาบาลก็ไม่ได้ไกลกันมาก อยู่ไม่ห่างจากในเมือง และยังเป็นที่ติดถนนใหญ่เส้นหลัก หากเขาประกาศขายคงขายได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
“เย็นนี้ผมจะไปหาท่านที่บ้าน รบกวนเอาหนังสือสัญญาซื้อขายเตรียมเอาไว้ให้ผมด้วยนะครับ” ภาริชเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ไปดูที่อื่นอีกหรือครับ” ท่าน ส.ส. นทีเอ่ยถามด้วยความสงสัย เหตุใดชายผู้นี้ถึงได้ตัดสินใจรวดเร็วถึงเพียงนี้ ไม่ลังเลใจเพียงนิดที่จะซื้อที่ดินผืนนี้
“ที่ดินแปลงนี้รอเจ้าของมารับแล้วครับ ผมรู้สึกถูกใจที่แปลงนี้มาก ที่ผืนอื่นเอาไว้ถ้าผมอยากซื้อ ผมจะขอท่านไปดูอีกครั้งครับ” ภาริชตอบกลับ เมื่อถูกใจแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนใจเลือกให้เสียเวลา
“ยินดีครับ เย็นนี้เจอกันครับ”