มิกกี้กับบัวบูชานี่แปลกชะมัด ถ้าบอกใหญ่ตระการเขาจะหาว่าเธอวุ่นวายไหมนะ
เกวลินทร์คิดอย่างว้าวุ่น เธอห่อตัวในชุดคลุมอาบน้ำ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ และชะงักไปเมื่อเห็นร่างสูงอยู่ในห้องของเธอ ชายหนุ่มที่นั่งบนเตียงของเธอเงยหน้ามองหญิงสาวเต็มตา
“คุณใหญ่...”
คืนนี้ก็จะมานอนที่นี่เหรอ
ใบหน้าหวานแดงก่ำ ตั้งแต่ขอเขาแต่งงานดูเหมือนถ้ากลับบ้านมาทีไรไม่ว่าดึกแค่ไหนเขาก็จะเข้ามาในห้องเธอ
“ผมฉันยังเปียกอยู่เลยค่ะ คุณใหญ่รอสักครู่นะคะ”
“ได้ข่าวว่าวันก่อนเธอไปเจอมิกกี้”
ใหญ่ตระการเปิดประเด็นไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูด แต่ตอนนี้เขาเหมือนคนที่กำลังหงุดหงิดทันทีที่พูดประโยคนั้นออกมา
“บังเอิญเจอกันมากกว่าค่ะ” มิกกี้เป็นคนวิ่งมาหาเธอเอง จะเรียกว่าไปเจอหรือไปแสดงตัวก็คงไม่ใช่
“คราวหน้าก็อย่าบังเอิญอีก ฉันไม่อยากให้มิกกี้มีปม ฉันให้เธอเข้ามาในฐานะภรรยา แต่ไม่ใช่ในฐานะแม่ของมิกกี้”
แม้จะรู้อยู่แล้วแต่คำพูดเจ็บแสบนั้นไม่ต่างอะไรกับน้ำกรดเลย แค่หวังจะอยู่อย่างสงบดูท่าจะมีปัญหาซะแล้ว
เกวลินทร์ยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง
เธอก็ไม่ได้อยากวุ่นวายสักหน่อย
หญิงสาวคิดว่าจะช่างมันและอยู่อย่างเงียบสงบ แต่เรื่องพวกนั้นมันมากวนใจเธอเองนี่ ใหญ่ตระการควบคุมดูแลคนมากมายที่มหานครได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เขาดูจะละเลยคนในบ้าน จนเกวลินทร์นึกสงสัยว่าสถานะเขายังเป็นมาเฟียที่จ่อปืนจะยิงเธออยู่ไหม
ทำไมคนในบ้านไม่เห็นเคารพเธอที่เป็นคนของเขาสักนิด
“แค่เขาไม่เคยเจอหน้าพ่อแม่ที่แท้จริงนั่นก็หนักหนาพอแล้วสำหรับเด็กคนหนึ่ง”
“แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“เธอไม่ควรพูดต่อหน้าเด็กว่าเขาไม่มีพ่อแม่สั่งสอน”
“อะไรนะคะ” หญิงสาวกะพริบตา “ใครเป็นคนบอกคุณคะว่าฉันพูดแบบนั้น”
“เธอสัญญาว่าจะอยู่เหมือนคนตายก็ควรทำแบบนั้น อย่าเพิ่มภาระให้ฉัน” ร่างสูงเอ่ยอย่างเย็นชาแล้วหมุนตัวทำท่าจะออกจากห้องเธอ
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” ร่างเล็กยืนขวางประตูไม่ให้เขาออกไป
“กล้าสั่งฉันเหรอเกวลินทร์”
“งั้นก็ตอบมาสิคะ ว่าใครเป็นคนบอกคุณว่าฉันตำหนิมิกกี้ว่าไม่มีพ่อแม่สั่งสอน”
“งั้นที่มิกกี้ร้องห่มร้องไห้จนตาบวมนั่นเป็นเพราะเขาอยากใส่ร้ายเธอ?” คิ้วของชายหนุ่มเลิกขึ้นสูง
“ฉันไม่ทราบค่ะ แต่ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น”
หญิงสาวสืบเท้าเดินไปเผชิญหน้าเขา เธอไม่หวาดกลัวมาเฟียที่เคยยิงเธอกับมือ แต่เลือกที่จะจ้องดวงตาสีฟ้าของเขาไม่คิดจะหนีหรือหลบสายตา
“แล้วมีคนเล่ารึเปล่าคะว่ามิกกี้เรียกฉันว่า...ช่างเถอะค่ะ ฟ้องคุณไปก็เท่านั้น” เกวลินทร์บ่นพึมพำตั้งใจให้เขาได้ยิน
ถ้าบอกเขาไปก็เป็นการเพิ่มเชื้อไฟซะเปล่า ใครจะเชื่อว่าเด็กตัวแค่นั้นพูดคำแย่ ๆ นั่นออกมาถ้าไม่มีหลักฐาน แล้วเธอก็ไม่อยากไปเล่นสงครามในบ้านด้วย
“เรียกว่าอะไร”
“ฉันไม่อยากพูดถึงค่ะ”
“งั้นก็ช่างเถอะ ฉันไม่เชื่อน้ำคำเด็กเลี้ยงแกะอย่างเธอหรอก” ใหญ่ตระการขมวดคิ้วก้มมองคนที่สูงแค่อก
เกวลินทร์ค้อนขวับ
“ฉันไม่อยากพูดกับคนที่ไม่มีเหตุผลแล้วค่ะ เชิญคุณออกไปเถอะค่ะ”
“เธอกำลังไล่ฉันออกจากบ้านของฉันเหรอ” ใหญ่ตระการย้ำคำว่าฉันพลางสืบเท้าเข้าใกล้เกวลินทร์อีกนิด
“แต่คุณบอกว่าห้องนี้เป็นของฉันนี่คะ งั้นก็ออกไปเลยค่ะ” เธอดันอกเขาออกห่าง กลิ่นบุหรี่ที่โชยเข้าจมูกทำคนตัวเล็กย่นหน้า “ถ้าแคร์ลูกขนาดนั้น อย่างน้อยก่อนไปหาเขา คุณก็ควรจะถอดสูทมีกลิ่นเหม็นบุหรี่นี่และหาเวลาเจอเขาให้มากกว่านี้สิคะ”
“นี่กำลังสั่งสอนฉันอยู่เหรอ”
“ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง แต่สามวันกลับบ้านที มิกกี้น่าจะเหงาไม่ใช่เหรอคะ”
“หรือเธอก็เหงาด้วย กำลังออดอ้อนฉันอยู่รึไง”
“ฉันพูดจริงนะคะ คุณควรให้ใครจับตาดูมิกกี้และคุณบัวให้มากกว่านี้”
ใหญ่ตระการที่กำลังสำรวจใบหน้าหวาน เงียบขรึมขึ้นในทันที สายตากังวลของเกวลินทร์ทำให้หัวคิ้วของเขาขยับเข้าหากัน
“มิกกี้เป็นลูกของน้องสาวฉัน แต่น้องสาวที่ว่าเป็นลูกของลุงไมเคิล บัวบูชาดูแลเขาได้ดีแน่ ๆ”
“งั้นเหรอคะ...”
เขาคงไม่สังเกตว่าตอนนี้เด็กรับใช้ทั้งหมดฟังคำสั่งเขาเพราะความหวาดกลัวก็จริง แต่เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างเกวลินทร์รู้สึกเหมือนพวกเขาจะเชื่อฟังบัวบูชามากกว่าใหญ่ตระการ ไม่มีใครให้ความเคารพและสนใจเธอที่แต่งเข้ามาในฐานะของภรรยาคนตรงหน้าสักนิด
“แล้วคนงานในบ้านตอนนี้ ยังเป็นคนของคุณอยู่รึเปล่าคะคุณใหญ่ตระการ”