กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น คนที่เข้ามาจีบเขาอย่างไม่ย่อท้อและบอกว่าอยากได้เขาเป็นพ่อของลูก แต่สุดท้าย เธอกลับหนีไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น
ภาวิน ธนศักดิ์วิจิตร มุ่นคิ้วคิดอย่างเหม่อลอยหลังจากสมองหวนคิดถึงผู้หญิงที่ชื่อ ซินดี้ ภิรมย์ไพร ยัยคุณหนูปากแดงสุดมั่นหน้าคนนั้น ก็ไม่รู้ตอนนี้ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร แต่คงสุขสบายน่าดูเพราะได้แต่งงานกับอภิมหาเศรษฐี
ได้ข่าวว่าผู้ชายคนนั้นรวยมาก รวยในระดับหมื่นล้านเลยทีเดียว แต่ช่างเถอะ ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร จะสุขสบายดีหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงให้เสียเวลา
แม้ว่าชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นท่านประธานบริษัทพีวีดีไซน์เฝ้าบอกตัวเองแบบนั้น แต่ในใจกลับอดคิดถึง ยัยผู้หญิงปากแดงที่ชอบแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันไม่ได้อยู่ดี
“พอแล้วไอ้วิน เธอแต่งงานแล้ว อย่าไปคิด” ยิ่งอยากลืมมากเท่าไร หัวใจกลับยิ่งจดจำมากขึ้นเท่านั้น เธอหนีไปแต่งงานไม่พอยังเปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนทุกอย่าง แม้แต่อินสตาแกรมที่เจ้าตัวชอบอัปรูปลงบ่อยๆ ก็ไม่เหลือ ทำตัวเหมือนคนหนีหนี้ไปได้
ผู้ชายที่เคยปากร้ายใส่หญิงสาว เหม่อมองออกไปนอกบานกระจกใส ภาพในวันวานยามที่ซินดี้มาตามตื๊อวนเวียนกลับเข้ามาในความทรงจำ อยู่ๆ มุมปากเกิดมีรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงใบหน้าและคำพูดของเธอ ทว่ายิ้มได้เพียงครู่เดียวก็ต้องสะบัดหัวเรียกสติ หยุด! นายห้ามคิดถึงเธอเด็ดขาดภาวิน เธอมีสามีแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นก่อนที่เลขาทั้งสองจะปรากฏตัว คนแรกคืออัครเดช เป็นเลขามือหนึ่งพ่วงตำแหน่งผู้ช่วย ทำงานมาตั้งแต่เจ้านายยังเป็นแค่รองประธานบริษัท จนกระทั่งรับตำแหน่งประธานบริษัทเขาก็ยังอยู่เคียงข้างไม่ไปไหน ส่วนหญิงสาวอีกคนเพิ่งเข้ามาในช่วงสองปีให้หลัง เนื่องจากภาวินงานล้นมือจึงจำเป็นต้องจ้างเลขาเพิ่ม
“คืนนี้ผมต้องไปงานอะไรไหมคุณเดช” เจ้านายเงยหน้าจากแฟ้มเอกสาร ก่อนจะดันกลับคืนให้เลขาคนสนิท ถ้าจำไม่ผิดคืนนี้เขาไม่ต้องไปงานเลี้ยง แต่ถามเพื่อความมั่นใจเท่านั้น
“ไม่มีครับ คุณวินจะให้ผม...”
คุณเลขาละคำพูดท้ายประโยคไว้และกำลังสื่อถึงว่า จะให้เขาเรียกใครมาคอยบริการชายหนุ่มไหม นับตั้งแต่คุณหนูซินดี้หายออกไปจากชีวิต เจ้านายของเขาก็ดูเซื่องซึมลงไปมาก ไม่ต่างจากต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตายด้วยขาดน้ำมาหล่อเลี้ยง
บางครั้งเขาแอบสงสาร แต่บางครั้งก็แอบสะใจ ตอนมีอยู่ไม่รู้จักรักษาพอเธอหายหน้าหายตากลับคิดถึง คนเราก็มักเป็นแบบนี้ปากไม่ตรงกับใจ และถึงแม้ภาวินจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่เขารู้ว่าเจ้านายกำลังรู้สึกเศร้า
“ไม่ต้องครับ ผมอยากอยู่คนเดียว พวกคุณมีงานอะไรก็ไปทำเถอะ” ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ใช่ว่าเขาตายด้าน ไม่อยากจะมีอะไรกับสาวๆ ที่เคยใช้บริการ เพียงแต่หลังจากถูกซินดี้หลอกฟันแล้วทิ้ง เขาก็ไม่เคยคิดจะนอนกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย
หลายปีมานี้เขาเลือกจะปลดปล่อยความใคร่ด้วยแม่นางทั้งห้า และหวังว่าอาการที่เป็นอยู่จะหายในเร็ววัน เพราะมารดาเอาแต่บ่นว่าอยากเห็นเขามีครอบครัว อยากได้อุ้มหลาน
“คุณวินคะ” คุณเลขาอีกคนเรียกชื่อเจ้านาย ก่อนจะค่อยๆ ดึงซองสีชมพูออกมา ใบหน้าของเธอแดงปลั่งด้วยความขวยเขิน
“ครับคุณชมพูมีอะไรพูดมาได้เลย”
“คือชมพูเอาการ์ดเชิญมาให้ค่ะ”
“การ์ดเชิญ คุณชมพูจะแต่งงานแล้วเหรอ”
“ค่ะ แต่ถ้าคุณวินไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ” เธอเอ่ยด้วยความเกรงใจเพราะรู้ดีว่าเจ้านายมีงานค่อนข้างรัดตัว อีกอย่างงานแต่งไม่ได้ถูกจัดในวันหยุด เพราะฤกษ์ดีที่ได้มาคือวันทำงานปกติ
“ต้องว่างสิ ผมไปแน่นอน” ภาวินรับซองสีชมพูมาเปิดดู เห็นชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมถึงสถานที่จัดงานแล้วรู้สึกยินดีจากใจจริง พลันสมองกลับชวนให้นึกถึงใบหน้าของผู้หญิงใจร้ายขึ้นมาอีกครา
อยู่ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นในใจ ถ้าเขากับเธอมีชื่ออยู่บนการ์ดเชิญแบบนี้จะดีไหม แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อซินดี้แต่งงานแล้ว เพราะมัวแต่คิดถึงคนตัวเล็ก เขาจึงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังแสดงสีหน้าเช่นไร อัครเดชจึงกระแอมเบาๆ เพื่อเรียกสติคนใจลอย
“อะแฮ่ม ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับคุณวิน”
“ชมพูก็ขอตัวไปทำงานเหมือนกันค่ะ”
“ครับ เชิญพวกคุณออกไปทำงานเถอะ”
สองเลขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วค้อมหัวลงเล็กน้อยก่อนจะพากันเดินออกไป ภาวินหยิบการ์ดเชิญขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มมุมปาก คนรอบตัวมีแต่แต่งงานสร้างครอบครัว เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังไม่มีใคร อยู่ๆ ใบหน้ารูปไข่ของผู้หญิงที่หลอกฟันเขาแล้วทิ้งก็โผล่ขึ้นมาในห้วงความคิดอีกแล้ว
“มึงบ้าเหรอไอ้วิน เธอแต่งงานไปแล้วยังจะคิดถึงทำไมอีก”
เขาตำหนิตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่เข้าใจเลยทำไมถึงคิดถึงแต่ซินดี้ จากนั้นก็คว้าโทรศัพท์ออกมากดเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ สองสามวันก่อนเขาสัญญากับสองพี่น้องลูกๆ ของทรัพย์ธนิดากับเหนือน่านฟ้าว่าจะซื้อของเล่นไปให้แต่ยังไม่ได้ซื้อเลย
คุณลุงรอสายอยู่สักพัก มารดาของเด็กชายมีพร้อมสุขกับเด็กหญิงมาพร้อมรักก็กดรับสาย
“สวัสดีค่ะพี่วิน มีอะไรให้นิดารับใช้เอ่ย”
คุณแม่ลูกสองทักทายอดีตเจ้านายเสียงใส แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำงานกับเขาแล้ว แต่ยังติดต่อกันอยู่เหมือนเดิม
ภาวินเอ็นดูสองพี่น้องตัวป่วนมาก ทุกครั้งที่ไปทำงานต่างประเทศหรือไปต่างจังหวัดเขามักจะซื้อของมาฝากทั้งคู่เสมอ
“พี่เหรอจะกล้าใช้งานเมียคุณเหนือฟ้า ที่โทรมาคืออยากจะถามเจ้าสองแสบน่ะ ว่ามีของเล่นอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม” เพราะลุงคิดไม่ออกจึงตัดสินใจโทรถาม
“ไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ เปลืองเงินเปล่าๆ ของเล่นมีเต็มบ้านไปหมด คุณพ่อของเด็กๆ ขยันซื้อมาก นิดาเพิ่งบ่นไปเอง”
“ไม่ได้สิ ยังไงก็ต้องซื้อ พี่สัญญากับหลานเอาไว้แล้ว”
“โอเคค่ะ ถ้าสัญญาแล้วก็ต้องซื้อ งั้นซื้อมาเถอะค่ะ อะไรก็ได้ ถ้าลุงวินซื้อสองคนนี้ชอบหมด”
“ครับ ถ้าพี่ซื้อแล้วจะเอาไปให้ที่บ้าน”
“ขอบคุณค่ะ พี่วินอย่าเพิ่งวางสาย”
“ครับ มีอะไรรึเปล่า”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย หลังจากได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของคุณแม่ลูกสอง ทรัพย์ธนิดาคงไม่ได้จะเล่าวีรกรรมของสองพี่น้องหรอกใช่ไหม แต่ถ้าใช่เขาก็ยินดีฟังเพราะเอ็นดูเด็กทั้งสองมาก
“หลายวันก่อนนิดาลงรูปลูกๆ ในไอจีค่ะ แล้วมีคนมากดไลก์ด้วย พี่วินรู้ไหมว่าใครมากด”
“ใครครับ ทำไมต้องทำเสียงตื่นเต้นด้วย”
“ก็คุณซินดี้ยังไงละคะ จะไม่ให้นิดาตื่นเต้นเหรอ เธอหายไปตั้งนานอยู่ๆ ก็มากดไลก์”
“...” ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่หลังจากได้ยินชื่อของคนที่ตัวเองเอาแต่คิดถึงทั้งวัน
“พี่วินอยากได้ไอจีเธอไหมคะ”
“ไม่เอาครับ ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้ว พี่ไม่สนใจคนมีสามี”
“ก็ได้ค่ะ แต่นิดาอยากส่งให้ ส่วนพี่วินจะดูไหมแล้วแต่เลย”
คุณแม่ลูกสองเอ่ยอย่างดื้อรั้นก่อนจะวางสายไป ภาวินถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสับสน เมื่อหัวใจกำลังเรียกร้องให้มือกดเข้าไปดูข้อความ ทว่าสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่ดูเพราะไม่อยากรับรู้เรื่องราวของผู้หญิงใจร้ายคนนั้น เธอเข้ามาหลอกให้เขายอมขึ้นเตียงด้วย เข้ามาทำให้หวั่นไหวแล้วทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
“ผมเกลียดคุณ ยัยผู้หญิงหลอกฟัน”