งานแต่งงานของคุณเลขาชมพูนุท จัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ภาวินนั่งมองคู่บ่าวสาวได้สักพักก็หันไปบอกอัครเดชว่าเขาจะไปเข้าห้องน้ำ
ชายหนุ่มเดินออกมาจากสถานที่จัดงาน หากเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ชนเข้ากับเด็กผู้หญิงที่มีดวงตากลมโต ผิวขาวอมชมพู หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักราวกับตุ๊กตา เด็กน้อยล้มลงทว่าเจ้าตัวกลับไม่ร้องไห้เลยสักแอะ หนำซ้ำยังลุกขึ้นมายืนโดยไม่ต้องให้ใครช่วยเหลือ
“ขอโทษครับสาวน้อย ลุงไม่ทันมอง” คนแทนตัวเองว่าลุงรีบขอโทษขอโพย ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองๆ บนพื้น จากนั้นก็ใช้สายตากวาดสำรวจความเสียหายบนเนื้อตัวของแม่หนู
“ไม่เป็นไยค่า น้องมาดี้ไม่เจ็บ” คนสวยตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชัดแต่ฉะฉาน ปากเล็กที่เคลือบด้วยลิปสติกชวนให้ภาวินคิดถึงซินดี้ เพราะเธอก็ชอบทาลิปสติกสีนี้เหมือนกัน สีแดงสด แดงจนเหมือนไปดูดเลือดใครมา
“หนูชื่ออะไรครับ อายุกี่ขวบแล้ว” เขาถามหลังจากรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยตรงหน้า ทำไมกันนะเขาถึงได้รู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ยามที่ได้จับมือน้อยๆ ของยัยหนู
“น้องมาดี้ชื่อน้องมาดี้ค่า อายุฉองขวบฉามเดือน” เด็กฉลาดที่ไม่เคยกลัวคนแปลกหน้าตอบ จริงๆ น้องมาดี้จำเดือนไม่ได้แต่พูดตามความเคยชิน แถมยังยกนิ้วขึ้นมากางทั้งห้านิ้วทำให้คุณลุงถึงกับหลุดขำ ก่อนจะหันซ้ายมองขวาเพื่อตามหาผู้ปกครองของยัยหนูมาดี้ ลูกสาวน่ารักน่าชังขนาดนี้ปล่อยให้หลุดลอดสายตามาได้อย่างไร
“แล้วคุณพ่อคุณแม่อยู่ไหน ลุงหมายถึงหนูมากับใครครับ” เขาถามใหม่หลังจากเห็นเด็กน้อยขมวดคิ้วคล้ายจะไม่เข้าใจคำถามก่อนหน้า
“น้องมาดี้มากับมัมขาค่าคุนยุง” จากคุณลุงกลายเป็นคุณยุงทำให้ภาวินอดยิ้มไม่ได้ หากแต่เขายังไม่ทันได้ซักถามต่อ หูเหมือนได้ยินเสียงผู้หญิงกำลังเรียกชื่อเด็กน้อยตรงหน้า
“น้องมาดี้ขา หนูอยู่ไหนลูก น้องมาดี้”
“มัมขาน้องมาดี้อยู่นี่ค่า”
“หนูอยู่ไหนคะลูก น้องมาดี้”
เสียงที่กำลังดังอยู่ไม่ห่างช่างคุ้นหูนัก ภาวินขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับความสงสัยของตนเอง ก่อนจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าเด็กน้อยพลางครุ่นคิด ทำไมน้องมาดี้ถึงหน้าคล้ายเขาตอนเด็กแต่แววตากลับเหมือน...
“มัมขา น้องมาดี้อยู่นี่ค่า” เด็กน้อยเห็นแม่กำลังเดินมาทางนี้จึงโบกมือให้พร้อมกับส่งยิ้มหวาน เพราะกลัวโดนดุที่ตัวเองซุกซนไม่เชื่อฟังคำสั่ง
“โธ่ลูกมาทำอะไรตรงนี้ มัมตกใจหมดเลย”
“น้องมาดี้ขอโต้ดค่ามัมคนฉวย”
เด็กอยู่เป็นรีบยกมือขึ้นมาไหว้มารดาอย่างอ่อนช้อย ส่วนคนชนเด็กกลับนั่งอึ้ง เขาไม่คิดว่าแม่ของยัยหนูคือผู้หญิงใจร้ายคนนั้น
ซินดี้ไม่ได้สนใจมองคนแปลกหน้าเพราะมัวแต่เป็นห่วงลูกสาว เมื่อสักครู่เธอกำลังคุยกับพนักงานของโรงแรม หันมาอีกครั้งยัยตัวแสบก็ลับสายตาไปแล้วจึงรีบออกตามหา
“คุณซินดี้” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ
เจ้าของชื่อจึงหันมามองตามเสียงเรียก ก่อนจะผงะไปด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอผู้ชายที่ตัวเองเคยตามจีบที่นี่
“คุณภาวิน” เธอเรียกชื่อเขาพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกคิดถึง หากแต่สองหนุ่มสาวยังไม่ทันจะพูดอะไรกลับต้องก้มลงไปสนใจเด็กน้อยแทน
“คุนยุงขา น้องมาดี้ขอโต้ดค่า น้องมาดี้ไม่ได้ตั้งใจ”
เด็กหญิงมาดีมีรัก หรือ น้องมาดี้ จำได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ขอโทษคุณลุงที่เดินชนจึงยกมือขึ้นมาไหว้อย่างสวยงาม พร้อมกับฉีกยิ้มหวานเพื่อไม่ให้ถูกคุณลุงต่อว่า
“ไม่เป็นไรครับสาวน้อย ลุงเองก็ขอโทษหนูเหมือนกัน”
ถึงชายหนุ่มจะตกใจมากขนาดไหนที่รู้ว่าน้องมาดี้คือลูกสาวของซินดี้ แต่ความรู้สึกเอ็นดูกลับไม่จางหาย มือหนายกขึ้นไปยีหัวเด็กน้อยเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะดึงยัยหนูเข้ามากอด
เด็กหญิงมาดีมีรักเองก็กอดตอบเช่นกัน ภาพที่สองคนกอดกันกลมทำให้มารดาของเด็กน้อยต้องรีบกะพริบตาไล่ความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างดึงไหล่ของลูกกลับมาหาตนเอง
“น้องมาดี้ขาเราไปกันเถอะ เราต้องกลับแล้ว”
“ค่ามัมขา ฉะหวัดดีค่าคุนยุง”
“ฉันขอตัวก่อนนะคะคุณวิน”
“คุณวิน? ฉัน? เราห่างเหินกันขนาดนี้เลยเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยราวกับตัดพ้อหลังจากได้สบตาหญิงสาว
ในอดีตเธอเรียกเขาว่าพี่วินขาและแทนตัวเองว่าซินดี้ มาตอนนี้เธอกลับเรียกว่าคุณวิน แทนตัวเองว่าฉัน ทำอย่างกับว่าเราคือคนอื่นคนไกล อย่างไรเสียเขาก็คือผัวคนแรกของเธอเลยนะ
“เอ่อ อดีตก็คืออดีต ขอตัวนะคะ”
ทำไมเขาต้องมองแบบนี้ด้วย ไม่รู้หรืออย่างไรว่ามันทำให้เธอคิดถึงเรื่องนั้น หญิงสาวพยายามเก็บสีหน้าอาการแต่ไม่พ้นสายตาของชายหนุ่ม ภาวินยิ้มมุมปากหลังจากเห็นซินดี้แสดงอาการเลิ่กลั่ก
“เดี๋ยวสิคุณ”
“คะ? มีอะไรอีก”
“ผมอยากชดใช้ให้น้องมาดี้ เมื่อกี้ผมเดินชนน้อง”
“ไม่ต้องค่ะ น้องมาดี้ขามาค่ะมัมอุ้ม”
“โนค่ามัมขา น้องมาดี้โตแย้ว เดินเองได้ค่า”
“น่ารักจังเลย น้องมาดี้อยากกินไอติมไหมครับ ลุงเลี้ยงเอง”
“ไอติม! เอาค่าคุนยุง น้องมาดี้ช้อบชอบ มัมขา พลีสสส”
เด็กน้อยรู้ดีว่ามารดามักตามใจ หากอยากได้อะไรให้ยกมือขึ้นมากุมจากนั้นก็เปล่งเสียงอ้อนวอนพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ
เชื่อเถอะไม่เกินสองนาทีคุณแม่ก็ต้องตอบตกลง หากแต่คราวนี้ซินดี้กลับส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้ลูกสาวทำตัวสนิทสนมกับภาวิน
“มัมพาไปเองค่ะ เราไปกันสองคนพอเนอะ”
“ได้ยังไงคุณ ผมเป็นคนชวนน้องมาดี้ ก็ต้องไปด้วยสิ”
“มัมขาให้คุนยุงไปด้วย น้องมาดี้ชอบคุนยุง”
“หนูเพิ่งเจอคุณลุงเองนะคะลูก”
“ลุงก็ชอบน้องมาดี้ค่ะ อย่าขัดใจเด็กสิคุณ”
“มัมขาพลีสสส” ท่าไม้ตายของลูกสาวกำลังสั่นคลอนความตั้งใจของมารดา เมื่อเห็นว่าแม่ลังเลเด็กฉลาดจึงใช้แผนขั้นสอง เดินเข้าไปเกาะขาจากนั้นก็เม้มปากเรียกน้ำตาให้ออกมาคลอเบ้า คุณแม่อยากปฏิเสธใจจะขาดแต่ความน่ารักของลูกก็ทำให้เธอพยักหน้าตกลง สุดท้ายก็แพ้ให้กับลูกอ้อนเด็กอยู่เป็นเหมือนเดิม
“งั้นก็ได้ค่ะ เราไปกินไอติมกันสามคน”
“เย่ๆ มัมขากูดเกิร์ลที่ฉุดเยยค่า”
เด็กชอบไอศกรีมและชอบผู้ชายหล่อยกนิ้วโป้งให้มารดาก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณลุง แต่ภาวินกลับนึกขึ้นมาได้ว่าหากเขาไปกับสองแม่ลูก สามีของซินดี้ซึ่งเป็นบิดาของน้องมาดี้อาจจะไม่พอใจก็ได้
“คุณต้องขออนุญาตสามีก่อนไหม”
“สามี?”
“ก็พ่อของน้องมาดี้ไง ทำหน้างงไปได้”
“อ้อ ถ้าต้องขอฉันต้องกลายเป็นวิญญาณก่อน”
“หมายความว่าไง เขา...จากไปแล้วเหรอ”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับแต่ไม่ยอมสบตาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง ก่อนจะก้มมองเด็กน้อยตาแป๋วที่กำลังอมยิ้มจ้องมองคุณลุงสุดหล่อตาแทบไม่กะพริบ อาการหน้านิ่วคิ้วขมวดของภาวินทำให้ซินดี้แอบหวั่นใจ
“แถวนี้มีร้านใกล้ๆ ไหมคะ ฉันไม่อยากไปไกล ไม่อยากพาลูกไปตากแดด เราเพิ่งมาจากต่างประเทศ”
“มีครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง น้องมาดี้อยากจูงมือลุงไหมครับ จับมือแบบที่แดดดี้ทำ”
“น้องมาดี้ไม่มีแดดดี้ค่าคุนยุง”
คำตอบของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองตกอยู่ในสีหน้าคนละแบบ ซินดี้หน้าเผือดสีแววตาดูหวั่นวิตก ส่วนภาวินหน้านิ่วคิ้วขมวดชนกันด้วยสงสัยมากกว่าเดิม เขาบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้ จากนั้นก็ก้มลงไปถามเด็กน้อยต่อ
“แล้วแดดดี้ของหนูไปไหนครับ”
“ไม่ยู้ค่า มัมขาไม่บอกน้องมาดี้”
“...” ซินดี้ยิ้มแห้งไม่คิดว่าต้องมาตอบคำถามเรื่องพ่อของลูกวันนี้ วันที่ได้เจอกับภาวิน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยบอกลูกเรื่องพ่อผู้ให้กำเนิด เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลา
“มัมขาแดดดี้ไปไหน”
“คือแดดดี้ของหนูไป เอ่อไป...”
“ถ้าจะบอกว่าไปสวรรค์ ผมไม่เชื่อคุณหรอกนะ”
“...” ซินดี้ไม่กล้าสบตา ยิ่งทำให้ภาวินคิดเข้าข้างตัวเอง
“ตกลง...พ่อของน้องมาดี้ไปไหนครับคุณซินดี้”