“คุณภาวิน คุณมาได้ไงเนี่ย”
เจ้าของห้องชุดสุดหรูตกใจจนแทบหงายหลัง เมื่ออยู่ๆ ก็มีคนมาเคาะประตู คราแรกเธอคิดว่าเป็นนิติบุคคล แต่เปล่าเลยกลับเป็นผู้ชายที่ตัวเองฟันแล้วทิ้งต่างหาก ว่าแต่เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอกับลูกมาอยู่ที่ตึกนี้
คิ้วที่ไร้การปรุงแต่งขมวดขึ้นมาด้วยความสงสัย หลังจากเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของผู้มาเยือน บนชั้นนี้มีเพนต์เฮาส์เพียงสองห้องซึ่งหนึ่งในสองก็คือห้องของเธอ อย่าบอกนะว่าอีกห้องคือของภาวิน
“ผมมาทักทายครับ ในฐานะเพื่อนบ้าน” เขาผายมือไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่เพิ่งซื้อมาในราคาแพงหูฉี่ แต่ยอมควักเงินจ่ายเพราะอยากอยู่ใกล้สองแม่ลูก
“ห้องนั้นเป็นของคุณ”
“ครับ”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ให้คนสืบ เงินถึงแป๊บเดียวรู้เรื่อง”
“...” หมดคำจะพูดเลย เธอรู้ว่าเขารวย รู้ว่าคนรวยทำอะไรไวไปหมด แต่นี่มันไวไปไหมเพราะตัวเธอกับลูกสาวเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่อวานตอนเย็น เช้าวันใหม่ชายหนุ่มก็โผล่หน้ามาบอกว่าซื้อห้องนั้นเรียบร้อยแล้ว อำนาจของเงินมันหอมหวานจริงๆ
ภาวินยักไหล่อย่างเป็นต่อ ก่อนจะมองเข้าไปข้างใน
“น้องมาดี้ไปไหน แกตื่นแล้วใช่ไหม” เขาถามหลังจากไม่เห็นคนที่ตัวเองคิดถึงจนแทบจะนอนไม่หลับ ส่วนคนที่ถูกถามถึงกำลังหลบอยู่หลังประตู เมื่อสบโอกาสจึงวิ่งออกมาแสดงตัว พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาประหนึ่งว่ากำลังเล่นซ่อนแอบ
“คุนยุงขาจ๊ะเอ๋”
“โอ๊ยตกใจหมดเลยครับ”
“น้องมาดี้คิดถึงคุนยุงค่า”
“ลุงก็คิดถึงน้องมาดี้ ขอกอดหน่อย”
สองคนโผเข้าหาราวกับไม่ได้เจอกันมานานแสนล้านปี แม่ยืนมองลูกสาวแล้วถอนหายใจ ยัยหนูของเธอไม่เคยกลัวใครจริงๆ เข้ากับคนอื่นง่ายมาก ดูจากภาวินเป็นตัวอย่าง
“เชิญไปคุยที่ห้องรับแขกค่ะ” ชายหนุ่มผงกศีรษะรับ ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวยุ่งขึ้นมาในอ้อมแขน จากนั้นก็เดินตามแม่ของยัยหนูไปที่ห้องรับแขก
เขารู้สึกถึงความโชคดีของการเกิดมารวยก็วันนี้แหละ เพราะอำนาจของเงินเนรมิตทุกอย่างได้จริงๆ อยากซื้ออะไรก็ได้แค่ต้องจ่ายมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง แต่ถือว่าคุ้มกับการได้กอดร่างนุ่มนิ่มที่ตัวหอมไปด้วยแป้งเด็ก แม้ว่าผมจะยุ่งไปหน่อยแต่ความน่ารักไม่ได้ลดน้อยลงเลย
“น้องมาดี้ทำอะไรอยู่ครับ”
“ย้องเพงค่า”
“เพลงอะไรเอ่ย”
“ฉีดยาให้ฉันไตไปเถิกหมอ นี่เป็นคำขอย้องของคงไข้”
“ฮ่าๆๆๆ ร้องเพลงนี้เป็นด้วยเหรอ เก่งจัง” ความสามารถของเด็กน้อยทำให้แขกหนุ่มรู้สึกทึ่ง ไม่คิดว่าเด็กตาแป๋วจะร้องเพลงที่กำลังดังในแอปพลิเคชันติ๊กต็อกได้
“ยดชื้อแกงมันจะแยงได้ยังไง” จากนั้นเพลงฮิตอีกสารพัดก็ถูกปล่อยออกมา แม้เจ้าตัวจะร้องเพี้ยนแต่ภาวินกลับรู้ว่าน้องมาดี้ร้องเพลงอะไรเพราะได้ยินบ่อยๆ เวลาเข้าไปส่องติ๊กต็อก
“น้องมาดี้ขา ลูกไปเล่นตรงนั้นก่อนได้ไหมคะ มัมขอคุยกับคุณลุงก่อน”
“โนค่า จะอยู่กะคุนยุง ย้องเพงกะคุนยุง” เด็กดื้อส่ายหัวก่อนจะยกไมโครโฟนสีชมพูหวานเจี๊ยบขึ้นมาจ่อปากอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันได้เปล่งเสียงกลับได้ยินเสียงเย็นเยียบของมารดาแทน
“เด็กหญิงมาดีมีรัก จะไปเล่นตรงนั้นดีๆ หรือจะให้มัมป๊าบก้นคะลูก” คุณแม่ยกมือขึ้นมากอดอก นอกจากเสียงแล้วยังใช้สายตาดุตักเตือนลูกสาว หากแต่คนที่เดือดร้อนคือพ่อของลูก
“อย่ามาตีลูกผมนะคุณ ผมไม่ยอมหรอก”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าน้องมาดี้เป็นลูกคุณ”
“ดีเอ็นเออยู่บนใบหน้าลูกขนาดนี้ ผมไม่ใช่พระเอกในนิยายน้ำเน่านะคุณ ผมฉลาดพอ เรื่องแค่นี้ทำไมจะคิดไม่ได้ อ้อ เมื่อกี้คุณก็บอกผมเองนี่”
“ฉัน…ฉันแค่ถามยังไม่ได้บอกอะไรเลย”
“คำตอบคืออะไรคุณรู้อยู่แก่ใจ หรือว่าต้องให้ผมสาธิตวิธีการผลิตน้องมาดี้”
“โอเคฉันไม่ตีลูกหรอก น้องมาดี้ขาไม่ดื้อสักสิบนาทีได้ไหมคะ ขอมัมคุยกับคุณลุงแป๊บเดียว”
“ฉิบนาทีหยอ อืม ขอคิดก่อนน้า” นี่มันผู้ใหญ่ในร่างเด็กชัดๆ ภาวินยิ้มออกมาด้วยความชอบใจกับท่าทางครุ่นคิดของยัยหนู ฉลาดแบบนี้ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าลูกแดดดี้วินแน่นอน ฟันธง!
“นะคะคนสวย มัมขอเวลา พลีสสส”
“โอเคค่า” เจ้าตัวยกนิ้วป้อมๆ ขึ้นมาประกอบคำ เอ่ยจบก็วิ่งไปเล่นตรงมุมห้องที่มีข้าวของระเกะระกะวางอยู่ ส่วนใหญ่เป็นของเล่นที่หอบมาจากเมืองนอกด้วย
“ลูกสาวแดดดี้น่ารักจังเลย”
“อย่ามโนค่ะ ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าลูกคุณ”
“แต่ผมมั่นใจ น้องมาดี้คือลูกสาวของนายภาวิน”
“แค่หน้าคล้ายคุณก็โมเมว่าเป็นลูกแล้ว มั่นไปไหม”
“คุณกล้าให้ผมตรวจดีเอ็นเอไหมล่ะ ถ้าใช่ผมต้องมีสิทธิ์ในความเป็นพ่อ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตามั่นใจ แต่ซินดี้เลือกที่จะปฏิเสธ เนื่องจากเธอรู้มาว่าเขากำลังจะหมั้นหมายกับลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลดัง
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ท้องกับคุณ ฉันท้องกับอดีตสามี” เธอหลุดปากอย่างลืมตัว
“เหรอครับ ได้ข่าวอดีตสามีของคุณเป็นหมัน” คำว่าอดีตสามีทำให้ภาวินยิ้มชอบใจ ถึงแม้เขาจะสืบจนรู้ข้อมูลหลายอย่าง แต่การได้ยินกับหูว่าซินดี้ไร้พันธะแล้วมันทำให้หัวใจชุ่มชื่นอย่างบอกไม่ถูก
“คุณสืบถึงเรื่องนี้เลยเหรอ แต่มันไม่ใช่ความจริง”
“ผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อเห็นหลักฐาน”
“เอ๊ะคุณทำไมพูดยากพูดเย็นแบบนี้” หากแต่ศึกน้ำลายถูกคั่นด้วยเสียงร้องไห้จ้าของเด็กน้อย ที่กำลังวิ่งไปมาด้วยความซุกซนแล้วเผลอไปเหยียบของเล่นจึงลื่นล้ม ด้วยความตกใจทำให้ยัยหนูร้องเสียงดังลั่น
แม่วิ่งเข้าไปถึงตัวคนแรกตามมาด้วยคุณลุงคนโปรด
“ฮึกฮือ มัมขาน้องมาดี้เจ็บตงนี้ เป่าฟู่ๆ”
“โอ๋ๆ เดี๋ยวมัมเป่าให้นะคะคนเก่ง”
“ฮึกคุนยุงขาเจ็บตงนี้ เป่าฟู่ๆ”
“ได้ครับ หายเจ็บนะครับคนดี”
เด็กร้องไห้โยเยอ้อนคนนั้นคนนี้ หลังจากตรงจุดที่บอกว่าเจ็บถูกเป่า น้ำตาก็เริ่มเหือดแห้งแล้วกระซิบบอกแม่ว่า หิวไก่เคเอฟซีหอมๆ อร่อยๆ ภาวินจึงชวนไปกินที่ร้านสาขาในห้างใกล้กับที่พัก
“มัมขาน้องหิ๊วหิวเคเอปชี พุงยุบแย้วค่า” น่าเอ็นดูเหลือเกิน เพราะคนที่บอกว่าพุงยุบแล้ว ท้องโตกว่ามัมและลุงวินเสียอีก แม่ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนตอบตกลง จากนั้นก็บอกให้ภาวินรอสักครู่ เธอจะพาลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“คุณหนีผมไม่พ้นหรอกซินดี้” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะก้มลงมองโทรศัพท์ในมือ เห็นเป็นเบอร์ของมารดาจึงกดรับ เขารู้ว่าแม่โทรมาทำไมแต่ตอนนี้เขาตามใจท่านไม่ได้แล้ว
“สวัสดีครับคุณแม่” ปากคุยกับมารดาแต่สายตายังจับจ้องทางที่สองแม่ลูกเดินหายไป ใบหน้าที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นรอยยิ้มปรากฏร่องรอยแห่งความสุข เมื่อเขาได้ยินเสียงสองแม่ลูกเถียงกัน
“ทำไมไม่กลับบ้าน ลืมแล้วเหรอว่าแม่นัดน้องพลอยเอาไว้”
“ไม่ได้ลืมครับ แต่ผมมีธุระสำคัญกว่าต้องทำ”
“มันจะมีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องหมั้นหมาย”
“ผมบอกแล้วไงครับคุณแม่ ผมไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น อีกอย่างผมมีลูกมีเมียแล้ว”
“อะไรนะ! วินอย่ามาล้อแม่เล่นแบบนี้ แม่ไม่สนุกด้วย”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น แค่นี้ก่อนนะครับคุณแม่ แล้วผมจะกลับไปอธิบายให้ฟัง” เขากดวางสายอย่างรวดเร็วเมื่อสองแม่ลูกที่แต่งตัวในชุดธีมเดียวกันเดินออกมาจากห้องนอน
ซินดี้ก็คือซินดี้ เวลาเปลี่ยนแล้วยังไง เธอยังชอบแต่งตัว แต่งหน้า ทาปากสีแดงเหมือนเดิม ดูท่าดีเอ็นเอเรื่องแฟชั่นสุดเปรี้ยวจะถูกส่งต่อไปให้ลูกสาวด้วย
เพราะยัยหนูทาปากสีเหมือนมัมขาไม่มีผิด ไหนจะชุดที่ดูเก๋ไม่เหมือนใคร โดดเด่นที่สุดคือแว่นตารูปดาวสีม่วงที่คาดเอาไว้บนหัว ถ้าไม่มั่นใส่ไม่ได้หรอก เด็กน้อยเดินมาหยุดตรงหน้าภาวินก่อนจะถามเสียงใส
“น้องมาดี้ฉวยมั้ยคะคุนยุง”
“สวยมากครับ ปากแดงแรงได้ใจเหมือนมัมเลย”
“ปากไม่แดงไม่มีแรงออกจากห้องค่ะ รู้เอาไว้ด้วย”
“รู้อยู่แล้ว รู้มาตั้งแต่ตอนที่คุณจีบผม”