[ครั้งนี้เขาทำเกินไปแล้วนะจา รู้ไหมว่าตอนจาหายตัวไปจากงาน ทั้งงานวุ่นวายกันขนาดไหน พวกเราเป็นห่วงแทบแย่แน่ะ]
ฉันถือสายคอลกลุ่มกับพวกมีมี่ เราคุยกันอยู่สามสาย มีฉัน มีมี่ และวายุ ส่วนมิลินไม่ว่างเพราะกำลังเที่ยวอยู่ที่ผับไหนสักแห่ง
“จาก็รู้ว่าครั้งนี้เขาทำเกินไป แต่จาทำอะไรไม่ได้ จาพยายามโน้มน้าวเขาแล้วแต่มันก็เป็นอย่างที่เห็นอ่ะ” ฉันอธิบายขณะพลิกตัวนอนคว่ำบนที่นอน มองหน้ามีมี่กับวายุผ่านหน้าจอโทรศัพท์
[ยุไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมจาต้องยอมหมอนั่นขนาดนั้นด้วย] น้ำเสียงวายุไม่สบอารมณ์ชัดเจน เขามักเป็นแบบนี้เสมอเวลาพูดถึงเก้าทัพ
ฉันเริ่มมีเพื่อนมากขึ้นตอนขึ้นมหาวิทยาลัย เพราะฉันกับเก้าทัพเรียนกันคนละคณะ เขาจึงไม่ค่อยมีเวลามาตามคุมฉันได้ตลอดเวลาเหมือนตอนอยู่โรงเรียนมัธยม ชีวิตฉันมีอิสระขึ้นมาก ทำให้ได้พบกับวายุและมิลิน พวกเราจึงกลายเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกันอย่างที่เห็น
[เป็นคำถามที่เราถามจามาแปดปีเต็ม ๆ เหมือนกัน เฮ้อ!] มีมี่ถอนหายใจ [ถ้าเป็นแฟนกันหรือคบกันอยู่นี่จะไม่ว่าเลยนะ แต่คือ… แฟนก็ไม่ใช่ น้องสาวก็ไม่ใช่ ทำไมเขาต้องตามคุมจาขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้]
ฉันได้แต่นอนฟุบลงบนหมอนเงียบ ๆ ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะฉันเองก็ไม่เข้าใจความคิดของผู้ชายคนนั้นเหมือนกัน
[จริงสิ แล้วเรื่องย้ายมาอยู่หอ ได้เรื่องว่าไงบ้างอ่ะจา]
“อ้อ เรื่องนั้น…” ฉันผงกหน้าขึ้นมามองโทรศัพท์ มีมี่ขมวดคิ้วรอฟังคำตอบ ส่วนวายุดูเหมือนจะจ้องฉันอยู่ก่อนหน้าแล้ว “แม่บอกว่าหลังจากกลับมาค่อยคุยกันน่ะ แต่จาคิดว่าแม่น่าจะโอเคนะ ยังไงจาก็จะย้ายออกไปอยู่คนเดียวให้ได้ จาตั้งใจไว้แล้ว”
[อือ แล้วพี่เก้าเขารู้เรื่องนี้หรือยัง ถ้าเขารู้เขาจะยอมเหรอ?]
[มีสิทธิ์อะไรไม่ยอมล่ะ? จาไม่ได้เป็นอะไรกับหมอนั่นสักหน่อย!] วายุแทรกขึ้นมาเสียงดัง มีมี่ทำท่าตกใจ
[โอ๊ย! จะใส่อารมณ์ทำไมเนี่ยยุ มี่ตกใจหมด]
[โทษที แต่ยุพูดจริงนี่ หมอนั่นไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนจานะ ถ้าพ่อกับแม่จาอนุญาต ใครหน้าไหนก็ขวางไม่ได้ป่ะ!]
ฉันลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ฟังทั้งสองคุยกันในเรื่องของตัวเอง พออ้าปากจะออกความคิดบ้าง เสียงไขกุญแจดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตูห้องทำฉันหันมองด้วยความตกใจ
อีกแล้ว… เขาทำแบบนี้อีกแล้ว!
[เป็นอะไรน่ะจา มีอะไรเหรอ] เสียงวายุทักถามมาจากโทรศัพท์ ฉันหันกลับมา ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะบอกลาเพื่อน ๆ
“จาวางสายก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
หลังจากตัดสายเสร็จ ฉันทิ้งโทรศัพท์ลงบนที่นอนแล้วหันกลับไปมองร่างสูงที่เวลานี้เข้ามายืนในห้องฉันเรียบร้อยแล้ว แถมเขายังปิดประตูห้องแล้วกดล็อกเสร็จสรรพเลยด้วย
“พี่เข้ามาในห้องจาได้ยังไง” ไม่สิ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเก้าทัพมีกุญแจสำรองของห้องนอนฉันอยู่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ งั้นฉันควรเปลี่ยนคำถาม “พี่เข้ามาทำไม? นี่มันดึกแล้วนะ”
“ฮึ ก็รู้นี่ว่าดึกแล้ว แล้วทำไมไม่นอน? มานั่งคุยโทรศัพท์ทำไม?”
นั่นใช่เรื่องที่เขาควรยุ่งไหม ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉันหรือเปล่า เก้าทัพมักจะล้ำเส้นโลกส่วนตัวของฉันเสมอเลย
“จาวางสายแล้ว พี่ก็ออกไปได้แล้ว จาจะได้นอน” ฉันเลี่ยงที่จะปะทะคารมกับเขา อย่างที่เห็น… ฉันยอมเขาจนเคยตัว มันติดเป็นนิสัยไปแล้วจริง ๆ ฉันจะแก้นิสัยนี้ยังไงดีนะ…
“…” เก้าทัพไม่ตอบอะไร เขาเดินเข้ามาใกล้เตียงนอนฉัน ท่าทางไม่ได้คุกคาม แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจ ฉันรีบหยิบหมอนขึ้นมากอดเพื่อป้องกันตัวเองอย่างเนียน ๆ ร่างสูงชะงักเล็กน้อยพลางเหลือบตามอง ก่อนจะ…
“อ๊ะ… เอาคืนมา” ฉันคว้าโทรศัพท์ไว้ไม่ทัน มือหนาเอื้อมมาหยิบมันไปต่อหน้าต่อตาฉันเลย “พี่เก้า! เอาโทรศัพท์จาคืนมานะ!”
“อย่าเสียงดัง อยากให้พ่อแม่ฉันเข้ามาเจอหรือไง” เขาทำตาดุใส่ มันใช่ความผิดฉันเหรอ?! เขาต่างหากที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องฉันยามวิกาลแบบนี้อ่ะ!
“พี่ก็เอาโทรศัพท์จาคืนมาสิ”
“ไม่คืนจนกว่าจะเช้า” เขาหย่อนโทรศัพท์ฉันลงในกระเป๋ากางเกงนอนขายาวของเขา ฉันที่ทำท่าจะคว้าคืนรีบดึงมือกลับเพราะไม่อยากสัมผัสโดนตัวเขาสักนิด
เลี่ยงได้เลี่ยง เบาได้เบา นี่คือสิ่งที่ฉันท่องจำเสมอเวลาอยู่กับคนคนนี้สองต่อสอง เขามันร้ายกาจยิ่งกว่าเสือ ฉันจะไม่หลงเป็นเหยื่อเขาแน่!
“อยากได้คืนก็ล้วงเอาสิ กล้าไหมล่ะ?” เก้าทัพก้มหน้าลงมาใกล้ เส้นผมสีเทาควันบุหรี่ยาวสลวยที่ถูกรวบมัดไว้ลวก ๆ ร่วงหล่นระลำคอเนียนขาว ฉันรีบดึงสายตากลับ ไม่อยากถูกความเซ็กซี่ของผู้ชายคนนี้ดึงดูด กลิ่นหอมประจำตัวของเขาลอยแตะปลายจมูก
จงใจ… เขาจงใจยั่วฉันชัด ๆ!
“มะ ไม่เอาแล้ว! พี่อยากได้ก็เอาไปเลย! แล้วรีบออกจากห้องจาไปด้วย จาง่วงแล้ว!” ฉันดันไหล่หนาให้ถอยออกห่างก่อนจะทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง อยากได้ก็เอาไปสิ ยังไงเขาก็เปิดโทรศัพท์ฉันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉันใส่รหัสล็อกหน้าจอเอาไว้ แน่นอนว่าต้องเป็นรหัสที่เขาไม่มีวันรู้ด้วย เก้าทัพฉลาดจะตาย ถ้าฉันใช้รหัสเกี่ยวกับตัวฉันละก็เขาต้องเดาออกแน่ ฉันเลยเลือกใช้รหัสที่มันไม่เกี่ยวกับตัวฉันซะเลย
“ฮึ คิดว่าฉันไม่รู้รหัสปลดล็อกสินะถึงได้ยอมให้เอาโทรศัพท์ไปง่าย ๆ” เสียงเขาดังเหนือศีรษะ จงใจก้มลงมากระซิบกันสินะ ฉันนอนนิ่งไม่โต้ตอบ รอให้เขาเบื่อแล้วออกจากห้องไปเอง
ได้ยินเสียงขยับตัว เขาถอยห่างไปแล้ว เสียงฝีเท้าหยุดลงหน้าประตูห้อง ฉันลอบถอนหายใจ ทว่า…
“หืม… เลขท้ายเบอร์โทรฉันสินะ”
“…”
“ฮึ เธอนี่ยังดูง่ายไม่เคยเปลี่ยนเลยนะจายา”
ปัง!
เดี๋ยว… ทำไมเขายังเดาออกอีกเล่า!!