เฌอร์ลีนมานั่งรอชนธัญตามที่ได้นัดหมายกันไว้สักพัก หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นมนุษย์ป้าเรียบร้อยแล้ว
เธอเห็นคนตัวโตที่อยู่อีกฝั่ง หอบของพะรุงพะรังมาด้วยเต็มสองถุงหิ้ว
มันต้องเป็นของกินแน่ ๆ เลย…
ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่มีอะไรผ่านท้อง แค่เห็นไกล ๆ ก็รู้สึกหิวขึ้นมาได้ทันที...หญิงสาวไม่รอช้าลุกขึ้นเดินไปหาเขาเดี๋ยวนั้น
“ให้ฉันช่วยถือนะคะคุณ”
เธอว่าพร้อมกับยื่นมือออกไปจับถุงที่เขาถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง แต่ถูกอีกฝ่ายยื้อไว้ ก่อนจะปฏิเสธกลับมา
“ไปนั่ง...ของแค่นี้ฉันถือได้”
เก็กเสียงหนัก ทำเอาคนสวยทำหน้าเซ็ง ก่อนจะเดินตามหลังคนตัวใหญ่ไปติด ๆ
ปึก!!!
และถึงกับเบรกไม่ทันเมื่อคนด้านหน้าหยุดกระทันหัน พร้อมกับหมุนตัวหันมา
“อ๊ะ...คุณ!
แรงปะทะจากคนตัวโตกว่า อีกทั้งเป็นทางลาดชั้น เธอจึงเสียหลักจนเกือบจะหงายหลัง ถ้าไม่ได้อีกคนรั้งเธอเข้ามาไว้ในวงแขน ชายหนุ่มพรูลมหายใจหอม ๆ ออกมาอย่างโล่งอก รดใบหน้าสวยหวานที่อยู่ในระยะใกล้กัน จนเธอต้องกลั้นลมหายใจของตัวเอง
ใบหน้างามที่อยู่ต่ำกว่าคางทำให้เขาสะดุด กลัวว่าหัวใจตัวเองอาจจะหยุด หรือ อาจเต้นแรงเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายจับได้ซะก่อน
“สวย...แต่ซุ่มซ่ามชะมัดเลย!”
คนตัวใหญ่เอ่ยชม...ที่มาพร้อมกับคำต่อว่ากลาย ๆ เพื่อเบี่ยงประเด็นไป ในจังหวะที่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากวงแขนอย่างแสนเสียดาย...ก่อนจะเลื่อนนัยน์ตาลงมองชุดที่เธอใส่แล้วถึงกับขำในใจ...
เสื้อยืดสีสดลายดอกตัวใหญ่ คลุมกางเกงขาสั้นไว้ด้านใน จนแทบจะมองไม่เห็นเลย ชายหนุ่มลดระดับสายตาลงต่ำอีกนิด เผลอมองเรียวขาขาวที่โผล่พ้นขอบกางเกงขาสั้น แล้วมันก็ชวนใจเต้น...
นึกถึงรูปร่างบอบบาง แต่ทว่ากลมกลึงตอนเปียกน้ำ เสื้อผ้าแนบเนื้อเบาบางช่างยั่วเย้า ยามเมื่อเขาได้สัมผัสเธอทั้งตัว มันทำให้สติเขาแทบพัง ก่อนจะรีบดึงมันกลับมาได้ อย่างไม่ค่อยจะเต็มร่างสักเท่าไหร่เลยนี่สิ
อ่า...อยากจะเป็นกางเกงขาสั้นตัวนั้นจัง!...
ชนธัญรีบดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวเอ่ยกับเขาขึ้นมาว่า
“ขอโทษนะคะ”
เธอยกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับเอ่ยขอโทษเขาเสียงอ่อย...
ที่ยอมเพราะเห็นว่าเขาช่วยชีวิต และเหมือนจะมีอายุมากกว่าเธอหลายปีนั่นหรอกนะ
ถึงจะไม่ชอบยอมใครเท่าไหร่ แต่ก็รู้จักแยกแยะได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร
“แต่ก็ยังดีหน่อย ที่ยังชมกันว่าสวยค่ะ”
เธอเอ่ยตามมาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ช่วยเขาเอาของที่อยู่ในถุงออกมาวางเรียง ๆ กันไว้บนโต๊ะโดยมีสายตาคมของเขา คอยมองตามหญิงสาวตลอดเวลา
“เธอสวยจริงฉันก็พูดไปตามนั้น แล้วก็คงจะไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกมั้งที่พูดแบบนี้”
“คุณว่าฉันซุ่มซ่ามด้วย แต่คนอื่นไม่เคยนี่คะ”
เธอยิ้มหวานให้ ในขณะมือเรียวเล็ก ก็เปิดกล่องอาหารออกมาวาง อย่างคล่องแคล่วไปพร้อมกัน...
เหมือนเขาจะชวนเธอคุยอยู่นะ...ใช่มั๊ย?
“คุณกินด้วยกันมั๊ยคะ ฉันจะได้เปิดกล่องอาหารเผื่อ”
“ตามสบาย..ฉันกินแล้ว”
เหมือนกับว่าการสนทนาระหว่างเขาและเธอจะหยุดลงแค่นั้น เพราะเฌอร์ลีนรู้สึกหิว อยากกินให้อิ่มก่อนที่จะคุยเรื่องอื่นกับเขาต่ออีกยาว ๆ
ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวนิ่งกินอาหารคนเดียวอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปยืนใต้ต้นไม้ริมลำธารอีกฝั่ง ที่อยู่ห่างจากหญิงสาวออกมาไม่มากนัก แต่ก็คอยเหลือบตามองพลางครุ่นคิดในใจ อย่างรู้สึกเสียดายหากเธอมีใครอยู่แล้ว...
เขาหรือเธออาจจะเจอกันช้าไป…
ชนธัญเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจัดการเก็บทุกอย่างบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะสำหรับอาหารอร่อย ๆ มื้อนี้ และที่คุณช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ด้วยค่ะ...อ่อ.ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยนะคะ..ฉันชื่อว่าเฌอร์ลีนค่ะ”
เฌอร์ลีน...ทำไม?...ชื่อเหมือนกันเลยวะ เป็นไปได้ไหมที่ชื่อเธออาจจะโหล...
บังเอิญไปหรือเปล่าเหอะ!
“...ฉันอยากจะขอยืมโทร...... ”
เอ่ยยังไม่ทันจบประโยคดี ก็มีเสียงโทรศัพท์ของชนธัญดังขึ้นมาขัดจังหวะเธอซะก่อน
เขามองหน้าจอ ก่อนกดรับสายทันที ในขณะที่กรอกเสียงของตัวเองลงไปเลยเดี๋ยวนั้น
“วี!ว่าไง...หาเธอเจอมั๊ยวะ?”
เฌอร์ลีนที่ตั้งใจว่าจะขอยืมโทรศัพท์ของเขา แต่เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้น เธอจึงเงียบเสียงของตัวเองลง ก่อนจะตั้งใจฟังเขาคุยโทรศัพท์กับคนปลายสาย โดยไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่น่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญแน่ ๆ เพราะเธอเห็นคิ้วเข้มขมวดมุ่น พร้อมกับใบหน้าที่หันมามองสบตากับเธอเป็นระยะ ๆ
ได้ยินเพียงเขาตอบทางนั้นกลับไป ในขณะที่มองเธอไปพร้อมกันโดยไม่ละสายตา...
“กูขอบใจว่ะ...กูว่ากูเจอตัวเธอแล้ว...กล้องที่สนามบินถ่ายเห็นทะเบียนรถของไอ้สองตัวนั่นไหม...มึงไปตามจับมันมาให้กูที รู้สึกเหมือนมันเอาข้าวของของเธอไปด้วย...กูฝากมึงดำเนินการได้เลย เจอตัวพวกมันเมื่อไหร่มึงโทรมาบอกกูด้วย...เค..แล้วเจอกัน”
หลังจากวางสาย ชนธัญกดโทรศัพท์เพื่อโทรออกหาน้องสาว แล้วยื่นโทรศัพท์ของเขาส่งให้หญิงสาวพูดเอง
“บอกกับน้องสาวของฉันที...ว่าเธออยู่ที่นี่แล้ว”
เธอรับโทรศัพท์มาแนบหู.. พร้อมกับมองหน้าใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง
เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทที่อยู่ปลายสายร้องห่มร้องไห้ เพราะคิดว่าเป็นพี่ชาย เฌอร์ลีนจึงรีบกรอกเสียงของตัวเองลงไปทันที
“มี่!..ฉันเองเฌอร์ลีน..ฉันปลอดภัยดี...ฉันอยู่กับพี่แกแล้ว”
ถึงตรงนี้เธอหันไปมองพี่ชายของชลธารที่เขานั่งมองเธออยู่ก่อนแล้ว
ร่างสูงเลิกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่งเชิงอยากจะรู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกันบ้าง หลังจากที่นั่งเงียบฟังมาสักพัก...ก่อนจะเอ่ยปากบอกกับหญิงสาวออกไปว่า
“เปิดโฟนสิ จะได้คุยกันไปทีเลยเดียว เริ่มจากสนามบิน จนถึงเธอกระโดดออกมาจากป่าข้างทางขวางรถฉันเอาไว้น่ะ”
เฌอร์ลีนพยักหน้ารับ พร้อมกับเปิดลำโพงของโทรศัพท์ เล่าเหตุการณ์ที่เธอได้เจอมาระหว่างการเดินทาง ให้เพื่อนและพี่ชายได้ฟังไปพร้อม ๆ กัน
เริ่มจากที่เธอรอชนธัญเป็นเวลานานหลายชั่วโมง โทรศัพท์ของเธอก็ดันมาแบตหมดโดยไม่รู้ตัว เธอจึงเดินถามรถแถวนั้นว่ามีใครรู้จัก และสามารถพาเธอเข้ามาที่ไร่ของพี่ชายเพื่อนได้ พอดีมีชายสองคนขันอาสา บอกเธอว่ารู้จักและกำลังจะผ่านพอดี เธอจึงขออาศัยเขาติดรถไปด้วย โดยขอนั่งหลังกะบะรถ....ระหว่างทางสองคนนั่นดับเครื่องยนต์ ก่อนจะเปิดประตูออกมา แล้วเอ่ยปากขอมีอะไรกับเธอตรง ๆ เป็นค่าจ้าง เมื่อเธอเห็นท่าไม่ดี จึงกระโดดลงจากหลังรถแล้ววิ่งหนี พวกมันก็วิ่งไล่ตาม แต่เมื่อหาเธอไม่พบ เลยเปลี่ยนใจกลับไป พร้อมกับเอากระเป๋าที่ใส่ของมีค่า และกระเป๋าสัมภาระของเธอไปด้วย พอออกจากป่ามาได้ ก็มาเจอกับพี่ชายของเพื่อนโดยบังเอิญ โดยไม่ได้เล่ารายละเอียดในช่วงท้ายมากนัก เพราะรู้สึกเกรงใจที่ใช้โทรศัพท์ของเขานาน...
แล้วเวลานี้ตัวเธอเองก็ไม่เหลืออะไรเลย...เหลือแต่เสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวมาเพียงชุดเดียวเท่านั้น
ชลธารเบาใจหายห่วงและคลายความกังวลลง เมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทได้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ...
ก่อนวางสายชลธารจึงฝากฝังเพื่อนรักเอาไว้กับพี่ชาย... ซึ่งเขาเองก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ซ่อนมันเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่งดูไม่ออก เดาทางไม่ถูกเท่าไหร่ ว่าคนตัวใหญ่กำลังคิดอะไรกับเธอกันแน่
แล้วเธอละเชอร์ลีน...จะจัดการชีวิตที่เหลือของเธอต่อไปยังไงดี...