@โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ห้องสวีตชั้นบนสุดของโรงแรม
พรึบ!
แสงสว่างจากไฟเพดานสาดลงมาในทันทีที่สวิตช์ถูกเปิดทำให้เห็นสองร่างที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงใหญ่ ตามมาด้วยเสียงร้องลั่นด้วยความตกใจของคนที่เดินเข้ามา
“ว๊าย! ตายแล้ว...นี่มันเกิดเรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้ได้ยังไง ศศิลุกขึ้นมาคุยกับแม่เดี๋ยวนี้นะ!”
หญิงวัยกลางคนยกมือทาบอก สีหน้าตื่นตระหนกราวกับโลกถล่มตรงหน้า ท่าทีโอเวอร์ยิ่งกว่าฉากละครน้ำเน่า ดวงตาเบิกโพลงมองภาพตรงหน้าราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ก่อนจะเหลือบไปมองความเคลื่อนไหวด้านหลัง
เธอยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงใจเมื่อเห็นกลุ่มนักข่าวเดินตามกันเข้ามา หญิงสูงวัยพยักหน้าเพียงนิดเดียวเป็นสัญญาณ จากนั้นเสียงกดชัตเตอร์ก็ดังระรัวพร้อมกับแสงแฟลชสว่างวาบเป็นระยะ
แชะ! แชะ! แชะ!
ทุกช็อต ทุกมุม ถูกบันทึกไว้ โดยที่คนบนเตียงยังไม่ทันรู้ตัว
เสียงแฟลชและความเคลื่อนไหวรอบห้อง ทำให้หญิงสาวที่นอนซบอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มเริ่มขยับตัวงัวเงีย
“อื้ออ...พี่รุตขา เปิดไฟทำไมเหรอ ศศิยังง่วงอยู่เลย”
เสียงออดอ้อนงัวเงียของหญิงสาวดังขึ้น ขณะที่เธอยังนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย น้ำเสียงหวานเจือความขี้เซา คล้ายคนกำลังฝันดี คำที่ใช้เรียกเขาอย่างสนิทสนม รวมถึงท่าทีแนบชิด ราวกับเป็นคู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนาน
แต่นั่นกลับไม่ใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายกระทบประสาทชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงก็รู้สึกตัว เขาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนเบลอ สมองยังไม่สั่งงาน แต่เสียงที่ดังรบกวนการนอนก็ทำเอาเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด แต่พอเห็นคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ดวงตาคมก็เบิกกว้าง ก่อนจะเอามือออกจากตัวของเธอ ถดกายถอยออกมาก่อนจะมานั่งพิงหัวเตียงด้วยความสับสน
เขามองหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยสภาพกึ่งเปลือย ก็ทำเอาตื่นเต็มตา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมคุณมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะศศิ นี่มันเรื่องบ้าอะไร แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
วิศรุตขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะก้มลงจับชายผ้าห่มที่คลุมตัวแล้วเปิดออกเล็กน้อยเพื่อดูสภาพตัวเอง เมื่อเห็นว่ายังมีบ็อกเซอร์สวมอยู่ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตอนนี้เขายังคงสับสน มึนงงอยู่ไม่น้อย จำได้ว่าเมื่อคืนดื่มไปไม่กี่แก้วแต่ทำไมภาพตัด เขาสะบัดหัวแรง ๆ หลายครั้ง พยายามเรียกความทรงจำกลับมา หากว่าตอนนี้เขาอยู่ลำพังกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เขาคงบีบคอเค้นถามแล้วว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น
ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่กับเธอ คนที่เป็นน้องสาวคนรัก แต่เพราะในห้องยังมีแม่ของผู้หญิงคนนี้ หรือก็คือภรรยาคู่แข่งทางการค้าของบริษัทเขากำลังจ้องมองเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ ชายหนุ่มจึงได้แต่ข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านเอาไว้
“พูดออกมาได้ สุภาพบุรุษซะไม่มี กินอยู่กับปากแท้ ๆ คุณพายัยศศิเข้าโรงแรมมาแบบนี้ หายมาทั้งคืน ทำให้ลูกสาวฉันเสียหายป่นปี้ไปหมดแล้ว” รังรองผู้เป็นแม่ของศศิจันทร์แค่นเสียงเหยียดหยัน ดวงตาวาวโรจน์ ขณะที่ตากล้องที่ตามมาด้วยก็ยังคงไม่หยุดลั่นชัตเตอร์
ศศิจันทร์ที่ถูกวิศรุตสะบัดแขนออก ก็เริ่มขยับตัวด้วยอาการสะลึมสะลือ
“อ๊ะ ทำไมศศิรู้สึกปวดหัวอย่างนี้ ใครก็ได้ช่วยด้วย”
หญิงสาวโอดครวญเสียงอ่อน พร้อมกับยกมือขึ้นบีบขมับ ราวกับปวดศีรษะจนทนไม่ไหว ท่วงท่าทุกอย่างแฝงด้วยจริตจะก้านอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่แล้วเมื่อเธอรู้สึกถึงเนื้อผ้าที่แนบอยู่กับร่างกายเพียงชิ้นเดียวคือบราตัวจิ๋วที่แทบปิดเนินอกไว้ไม่มิด ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเหลือบไปเห็นผู้เป็นแม่ และกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง สองมือรีบกระชับผ้าห่มเข้าหาตัวแน่น พร้อมกับแววตาที่ตื่นตระหนก
“นะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่ ละ...แล้ว คนพวกนี้เป็นใครกัน อ๊ะ! นี่นักข่าวนี่นา”
หญิงสาวถามออกมาอย่างตกใจ ท่าทางของเธอดูตื่นกลัวแต่ในใจกลับยินดี เธอหันไปมองผู้ชายอีกคนที่ยังดูจับต้นชนปลายไม่ถูก
“พี่รุต! ทะ...ทำไมเราสองคนถึงได้...โป๊กันแบบนี้ล่ะคะ?” หญิงสาวพูดพลางเบิกตา น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนจะขาดใจ
“อย่าบอกนะว่า...ว่าศศิเสียตัวให้พี่รุตแล้ว ฮือ ๆ คุณแม่ขา ช่วยศศิด้วย!”
น้ำตาถูกบีบออกมาราวกับสั่งได้ แน่นอนคนเป็นแม่ไม่ปล่อยให้จังหวะทองนี้หลุดมือ เธอก้าวเข้ามากอดลูกสาวแน่น สายตาสบกับศศิจันทร์เพียงแวบเดียวก็เข้าใจกันทันที สองมือนั้นลูบแผ่นหลังของลูกสาวราวปลอบโยน
“โอ๋ ศศิลูกแม่ ไม่เป็นไรลูก แม่อยู่นี่ เดี๋ยวแม่จัดการเอง” จากนั้นเธอก็หันขวับมาทางผู้ชายอีกคน
"คุณต้องรับผิดชอบลูกสาวฉันไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉันไม่ยอมให้ลูกสาวเสียความบริสุทธิ์ไปฟรี ๆ แน่” รังรองส่งสายตาข่มขู่ หากเขาไม่ยอม แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดังแห่งปีแน่
“ฮือ ฮืออ คุณแม่ขา ศศิปวดหัวมากเลยค่ะ ไม่รู้ว่าพี่รุตให้หนูกินอะไรเข้าไป” เสียงเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบแก้มท่ามกลางพยานที่เป็นนักข่าวและตากล้องที่ยังคงรัวกดชัดเตอร์ไม่หยุด
วิศรุตที่มองภาพทั้งหมดตรงหน้า ใบหน้าเริ่มถมึงทึงด้วยความโมโห
“นี่มันจะบ้าเกินไปใหญ่ ฟังนะ! ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และผมกับศศิก็ไม่ได้มีอะไรกัน!!” วิศรุตพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
เขาหันขวับไปมองศศิจันทร์ที่ยังเล่นละครไม่หยุด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขัดเคือง แน่ล่ะต้องเป็นผู้หญิงคนนี้แน่ที่วางยาเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะมาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง อาการปวดหัวราวกับโดนเหล็กกระแทกยังเล่นงานเขาไม่หยุด ความทรงจำเมื่อคืนก็ไม่มีเลยเขายกมือขึ้นกุมหัวที่เหมือนจะระเบิด
สองแม่ลูกดูเหมือนจงใจทำแบบนี้กับเขาแต่แรก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เขาไม่เคยดื่มกับศศิจันทร์ ไม่เคยนัดพบกันตามลำพัง แล้วจู่ ๆ ถึงมาอยู่บนเตียงเดียวกันแบบนี้ได้ยังไง นอกจากสองแม่ลูกวางแผนทุกอย่างไว้แต่แรก!
เขากำลังจะเปิดปากต่อว่า แต่พอเหลือบสายตาไปทางประตู ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ลมหายใจสะดุด
“แพร! คุณมาที่นี่ได้ยังไง!!”