“แพร! คุณมาที่นี่ได้ยังไง!”
เสียงของวิศรุตดังขึ้นอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นร่างบางที่ยืนอยู่ตรงประตู ใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวที่เขารักที่สุดในชีวิต ทำเอาหัวใจเขาแทบหยุดเต้น
แพรพรรณ ลูกเลี้ยงของรังรองและคุณวิชัย คนที่เขาคบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยมและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อสี่เดือนก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบลงมาไม่ขาดสาย
“รุต แพรไม่นึกเลยว่าคุณจะทำแบบนี้ นี่น้องสาวของแพรนะ” เสียงหวานปนสะอื้นเจือความเจ็บปวด ดวงตาฉายแววร้าวรานเอ่ยถามคนรักด้วยสีหน้าสิ้นหวัง หัวใจเจ็บร้าวทรมานเกินทนเมื่อเห็นคนรักกับน้องสาวอยู่บนเตียงเดียวกัน สภาพตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองคนทำอะไรกันไปบ้าง
ทันทีที่วิศรุตเห็นหน้าคนรักกำลังเข้าใจผิดเขาก็ร้อนรนรีบอธิบาย
“ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะแพร คุณต้องฟังผมนะ” ชายหนุ่มรีบลุกแล้วเพื่อจะเข้าไปหาคนรัก แต่ไม่คิดว่าหญิงสาวอีกคนจะเข้ามากอดรั้งตัวเขาเอาไว้แน่น
"พี่รุต อย่าไปนะ พี่รุตต้องรับผิดชอบศศินะคะ!" เสียงของศศิจันทร์แทรกเข้ามา พร้อมกับแรงกอดที่รัดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เธอซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเขาอย่างแนบชิด ร่างกายสั่นไหวแกล้งสะอื้นอย่างน่าสงสาร
วิศรุตหันขวับกลับไปด้วยสายตาวาวโรจน์
“ปล่อย!” เขาตะคอกเสียงต่ำ
แต่ศศิกลับไม่ยอมแม้แต่น้อย ยังคงกอดแน่นเหมือนกลัวว่าจะเสียเขาไป
ขณะที่แพรพรรณยืนนิ่ง น้ำตาไหลไม่ขาดสาย เธอมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่แตกสลาย เธอไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรอีกต่อไป ระหว่างความรักกับความไว้ใจที่เพิ่งถูกเหยียบย่ำลงตรงหน้าเธอเอง
เธอมองคนรักด้วยสายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง สับสนและเจ็บปวดเกินบรรยาย ก่อนที่เสียงของรังรองจะสอดเข้ามาราวกับจะตอกย้ำความเชื่อใจของเธอที่มีต่อคนรัก
“ใครเชื่อคุณก็บ้าแล้ว! ดูจากสภาพแบบนี้ถ้าเชื่อก็โง่เต็มที!” เธอแค่นหัวเราะเยาะในลำคอ หันไปมองหน้าลูกเลี้ยงด้วยแววตาเย้ยหยัน เธอยังเดินเกมที่ตัวเองได้วางไว้ เธอต้องจับวิศรุตมาแต่งงานกับลูกสาวให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกแค่ไหนก็ตาม
ยิ่งเห็นลูกเลี้ยงยืนทุกข์ระทมอยู่ก็ยิ่งสะใจ เธอก็ยิ้มในใจ หึ! สมน้ำหน้ามัน
แต่ในขณะที่หลายคนอาจหลงกลกับฉากละครตรงหน้า มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่อ่านเกมทุกอย่างออก วิศรุตกัดฟันแน่น เส้นเลือดที่ขมับเต้นแรงราวจะระเบิด ใบหน้าคมเข้มมืดครึ้มดั่งพายุฝนก่อนฟ้าผ่า ดวงตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยโทสะ
เขาสลัดแขนของศศิจันทร์ออกอย่างแรงจนหญิงสาวเซถลา ก่อนจะลุกขึ้นก้าวฉับ ๆ ไปคว้าเสื้อผ้ามาแต่งตัวอย่างเร็ว ไม่มีคำพูดใด ๆ อีกจากนั้นเขาก็หันขวับไปมองตากล้องที่ยังกดชัตเตอร์อยู่
แชะ! แชะ! แชะ!
เสียงแฟลชยังไม่หยุด จนชายหนุ่มชี้นิ้วไปทีละคน ดวงตาคมกร้าวฉายแววเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด
“หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้!!! ถ้ายังล้ำเส้นกันอีก ผมจะฟ้องพวกคุณให้หมด!!” เสียงข่มขู่เย็นยะเยือกที่เอ่ยออกทำให้พวกนักข่าวที่พากันทำข่าวขนลุกตั้งชัน
วิศรุตกวาดตามองใบหน้าของแต่ละคนช้า ๆ ดวงตาคมกล้าฉายแววเดือดดาลรุนแรงราวกับจะเผาทุกคนให้มอดไหม้ ใบหน้าคมเข้มบึ้งตึงจนเหมือนพายุที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ เขาจำหน้าพวกนี้ไว้หมด จากนั้นเขาหันขวับกลับไปหาต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ กัดฟันพูดชัดถ้อยชัดคำ
“อย่าคิดว่าทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้แล้วผมจะยอมรับ คิดว่าผมไม่รู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร!” เสียงของเขาทำเอาบรรยากาศทั้งห้องให้เงียบกริบ กล้องที่เคยโฟกัสมาที่เขาตอนนี้ค่อย ๆ เบี่ยงไปทางอื่น แต่วิศรุตกลับเดินย่างสามขุมเข้าไปหา พร้อมกับจับกล้องให้กลับมาจ้องหน้าตนเองอีกครั้ง
“นี่ช่องจริงหรือเปล่า? หรือว่าถูกใครจ้างวานมา?”
รังรองที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้อนรน
“อย่ามาเฉไฉนะคุณวิศรุต!” เธอกรีดเสียงอย่างเหลืออด ดวงตาลุกวาวด้วยความโกรธที่เริ่มควบคุมไม่อยู่
“ถ้าคุณไม่รับผิดชอบลูกสาวฉัน เดี๋ยวทุกคนจะได้รู้กันหมดว่า ‘หนุ่มไฮโซเจ้าของบริษัท กานต์ศิริดีเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป’ ล่อลวงและทำอนาจารลูกสาวของบริษัทคู่แข่ง!!”
“ไม่ว่าจะยังไงคุณหนีไม่พ้นแน่! คุณไม่มีทางเลือกหรอกคุณวิศรุต! รับผิดชอบซะ!!”
"หึ!" วิศรุตแค่นเสียงหัวเราะเยาะในลำคอ
ยัยป้านี่คิดว่าเขาจะกลัวหรือไง
คำขู่พวกนี้ไม่ได้ผลสำหรับเขานัก เรื่องนี้เขารู้ดีว่าตนเองถูกสองแม่ลูกนี้จัดฉากและเขาไม่ได้รักใคร่ชอบพอกับศศิด้วยซ้ำ คนที่เขารักคือแพรพรรณ คนที่ตอนนี้กำลังยืนเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
วิศรุตจ้องหน้ารังรองนิ่ง ๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นทุกคำ ดวงตาคมฉายแววเยือกเย็น ขณะมองอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คนอย่างผม มีทางเลือกเสมอ”
“แต่คุณ ต้องแต่งงานกับศศิ!” เสียงของรังรองดังลั่นไปทั้งห้อง “ถ้าไม่ฉันจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลย ดูสิว่าบริษัทจะของคุณจะยังน่าเชื่อถืออยู่รึเปล่า? เมื่อลูกชายเจ้าของบริษัทฟันผู้หญิงแล้วไม่รับผิดชอบ!”
รังรองลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่ยอมแพ้แต่วิศรุตนิ่งเงียบ เขากดอารมณ์ไว้ภายใต้สีหน้าสงบนิ่ง ทั้งที่ภายในเดือดพล่านสิ่งที่เขาจะทำต่อจากนี้คือปล่อยให้ทนายเป็นคนจัดการก็แล้วกัน
วิศรุตหันกลับไปมองเพียงคนเดียว คนเดียวเท่านั้นที่เขาแคร์ แพรพรรณยังคงยืนอยู่ตรงนั้นน้ำตาคลอเต็มสองตา ไหลรินอาบแก้มอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
ตอนนี้เขาไม่สนใจคนร้ายกาจอย่างสองแม่ลูกนั่นอีก ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าตรงหน้าเท่านั้น ที่ดูจะมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสียจริง
ดวงตาคมของเขาจ้องมองเธอนิ่งแต่แฝงไปด้วยความตัดพ้อ
“เธอหายไปตั้งหลายเดือน แต่กลับมาเห็นฉันในสภาพแบบนี้ รู้สึกดีหรือเปล่าละแพร?”เขาหัวเราะเยาะตัวเองเบา ๆ ดวงตาแดงก่ำจากความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ภายใน ทั้งๆที่เขาพยายามตามหาเธอแทบตาย แต่สุดท้ายแล้วเธอก็มาปรากฏตัวในจังหวะนรกสุด ๆ
“รู้สึกยังไงบ้าง แพร!!”
เขาถามด้วยเสียงที่สั่นจากทั้งโทสะและความเสียใจ กำปั้นทั้งสองข้างของเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน สันกรามขึ้นเป็นริ้วจากความอัดอั้นที่แทบระเบิด
“คุณน่าจะเป็นคนที่รู้จักผมที่สุด แต่นี่คุณกลับไม่เชื่อใจผมเลยเหรอ? ผมคิดมาตลอดว่าคุณจะเข้าใจผมดีที่สุดนะแพร”
ร่างบางยังคงก้มหน้านิ่ง ดวงตาวูบไหว ก่อนจะมองไปที่สองแม่ลูกที่มองมาที่เธอด้วยสายตาสะใจ หมายความว่ายังไง นี่มันเรื่องอะไรกัน ตอนนี้แพรพรรณเองก็สับสนไม่น้อย
เธอมองชายคนรักอีกครั้ง เธอควรจะเชื่อใจเขาหรือเชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็น และความลังเล ไม่เชื่อใจ ก็สะท้อนออกมาให้เห็น
“หึ…”
วิศรุตหัวเราะเยาะในลำคออีกครั้ง มองใบหน้าของคนรักที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อใจกันเลย
น่าสมเพชตัวเองฉิบหาย
ยิ่งเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของเธอเขาก็ยิ่งเจ็บปวด ทั้งที่เธอควรจะเชื่อใจเขาที่สุดแต่ดูเธอตอนนี้สิ สองมือของวิศรุตกำแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงในใจก่อนหันไปจ้องเขม็งใส่แม่ลูกสารพัดพิษ
“พรุ่งนี้ผมจะส่งทนายมาจัดการ พวกคุณเตรียมตัวเอาไว้ก็แล้วกัน!”