หลังจากเดินช้อปปิ้งกันจนเหนื่อย และในมือสองหนุ่มเต็มไปด้วยถุงของพะรุงพะรัง คิมก็เป็นฝ่ายตัดบทขึ้นมาเสียงสดใส
“เดินจนเมื่อยแล้ว ได้เวลากลับกันเนอะ ริลจะได้ไปพักด้วย” อริลทำท่าจะอ้าปากค้าน แต่ยังไม่ทันจะได้พูด คิมก็รีบโอบไหล่น้องสาวไว้แน่นแล้วผลักร่างเล็กเข้าไปในอ้อมแขนของเอ็นเจทันที
“พี่เอ็นเจ ฝากไปส่งริลที่คอนโดหน่อยนะคะ ดึกแล้วจะให้กลับคนเดียวก็อันตราย”
“เอ๊ะ!? ไม่เป็นไรหรอก เจ๊… ริลกลับเองได้” อริลรีบส่ายหน้า เสียงแผ่ว แก้มขึ้นสีจัดทันที แต่คิมกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ยอมถอย
“ไม่ได้!! หรืออยากให้เจ๊เป็นห่วงนักเหรอ ถ้าคอนโดเราอยู่ทางเดียวกันเจ๊ก็คงไปส่งแล้วล่ะ แต่ไหน ๆ มีพี่เอ็นเจอยู่ตรงนี้ จะใจร้ายไม่ไปส่งจริง ๆ เหรอคะ??”
“หึ ได้ครับ ตามบัญชาน้องคิมเลย” เขาพูดพร้อมยกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“งั้นเราไปกันเถอะ” เอ็นเจหัวเราะหึในลำคอ พลางเหลือบมองอริลที่ยืนหน้าแดงไม่กล้าสบตา
“งั้นเจ๊ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน รักนะน้องรัก!!” คิมโบกมืออย่างร่าเริงก่อนจะลากอาร์เจเดินหายไปอีกทาง ทิ้งให้อริลยืนอ้ำอึ้งอยู่กับเอ็นเจเพียงลำพัง ดวงตากลมโตของอริลมองตามแผ่นหลังเจ๊คิมด้วยความรู้สึกทั้งอยากบ่น ทั้งอยากวิ่งหนี แต่ก็สายเกินไปแล้ว
“โอ๊ะ!! เจ๊คิม” อริลร้องเรียกคิมแต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะอีกฝ่ายรีบเดินหนีไปด้วยความเร็ว เอ็นเจหัวเราะในลำคออีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของอริล
“น้องคิมนี่วางแผนเก่งจริง ๆ นะ ว่าไหม??” เสียงทุ้มเอ่ยพลางก้มลงสบตาเธอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แตะบนริมฝีปาก อริลรีบหลบสายตา ใบหน้าแดงร้อน
“พี่เอ็นเจไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ… เดี๋ยวริลกลับเองก็ได้ จะได้ไม่รบกวน”
“รบกวนอะไร พี่เต็มใจอยู่แล้ว” เขาตัดบททันที มือใหญ่เอื้อมมาคว้ามือเล็กไว้มั่นแล้วออกแรงดึงเบา ๆ ให้ก้าวตาม “ไหน ๆ พี่ก็โดนบังคับให้ถือของตั้งแต่แรกแล้ว ปิดงานด้วยการไปส่งเธอก็ไม่เสียหายนี่”
“ตะ… แต่ว่า”
“หรือว่า…” เสียงทุ้มต่ำกดลงนุ่มลึก คล้ายคำถามแต่กลับกดดันยิ่งกว่าเดิม “ไม่อยากนั่งรถไปกับพี่”
อริลชะงักไปทันที หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก แก้มแดงจัดจนแทบกลายเป็นลูกมะเขือเทศ สุดท้ายเธอก็ก้มหน้าหลบ พึมพำเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ
“มะ… ไม่ใช่ค่ะ”
“งั้นก็ดี… ไปกันเถอะ คนที่น้องคิมฝากไว้ พี่ไม่กล้าปล่อยให้กลับเองหรอก ไม่อยากโดนฆ่า หึหึ” รอยยิ้มพอใจฉายขึ้นบนใบหน้าเอ็นเจทันที เขาเอียงคอนิด ๆ ก่อนพูดเสียงทุ้มแฝงแววขำ อริลกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ราวกับถูกควบคุมให้ก้าวตามเขาไปโดยไม่อาจปฏิเสธได้เลย
บนรถเงียบไปพักใหญ่ มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ คลออยู่ เอ็นเจเหลือบมองอริลที่นั่งกอดกระเป๋าไว้แน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเหมือนกำลังพยายามไม่ให้ตัวเองเกร็งจนเกินไป
“เหนื่อยมั้ย” เขาเอ่ยถามเรียบ ๆ
“นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบเบา ๆ พร้อมส่งยิ้มเก้อ ๆ
“ปกติไปช้อปกับน้องคิมทีไร ก็ต้องเหนื่อยแบบนี้ทุกครั้งสินะ”
“ค่ะ… แต่ก็สนุกดี เจ๊คิมเป็นคนร่าเริง ริลเลยไม่เคยเบื่อ” เอ็นเจหัวเราะหึในลำคอเล็กน้อย ดวงตาเหลือบมองเธอเป็นระยะ
“เธอก็ร่าเริงไม่แพ้กันหรอก” คำพูดของเอ็นเจทำอริลสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนรีบเบือนหน้าออกไปมองนอกกระจก แก้มร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่นานนัก รถก็จอดที่หน้าคอนโด อริลรีบหันมายกมือไหว้
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“อืม… ขึ้นไปดี ๆ ล่ะ” เขาตอบสั้น ๆ แต่สายตาที่มองกลับอบอุ่นกว่าคำพูดเสียอีก อริลก้าวลงจากรถ ใจเต้นแรงไม่หยุด จนแทบไม่กล้าเหลียวกลับไป แต่เมื่อแอบหันมองก็ยังเห็นเอ็นเจนั่งพิงพวงมาลัย ยกยิ้มบาง ๆ ตามองจนกว่าเธอจะเดินเข้าตึกไป
กลิ่นกาแฟและกลิ่นหอมของเนยลอยอบอวลออกมาจากถุงกระดาษในมือ อริลยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้องทำงานของเอ็นเจ หัวใจยังคงเต้นแรงผิดจังหวะที่มองบานประตู
“เห้อ… แค่เอามาให้เฉย ๆ เอง ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยนะ” เธอบ่นกับตัวเองเสียงเบา ก่อนจะรวบรวมความกล้า เคาะประตูสองครั้ง
หน้าห้องทำงานของเอ็นเจ อริลยืนถือถุงกระดาษที่มีกลิ่นกาแฟและกลิ่นหอมของเนยของครัวซองต์ลอยอบอวลออกมาให้ได้กลิ่น ตั้งใจว่าจะเอาเข้ามาให้เขาก่อนเริ่มงานเช้าเธอกำลังลังเลว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ จังหวะนั้นเองเสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“อ้าว!! น้องอริล?? นักศึกษาที่มาใหม่ใช่มั้ย”
อริลหันไปทันที เห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทพอดีตัว ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มมั่นใจติดอยู่เสมอ เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มคนดังของบริษัทที่สาว ๆ หลายแผนกพูดถึงไม่เว้นแต่ละวัน
“เอ่อ… สวัสดีค่ะ” อริลยกยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ รอบอสเหรอ??” เขาพูดแต่ตามองถุงกาแฟในมือเธอด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นรอยยิ้มเป็นมิตรกับดวงตาเป็นประกายมองสำรวจอริล
“พี่ชื่อมาวินอยู่แผนก IT”
“ค่ะ”
“ทำงานที่นี่เป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้หรือยัง” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ก็ดีค่ะ พี่ทุกคนใจดี” อริลตอบสั้น ๆ พลางก้มลงมองถุงกาแฟในมือตัวเอง รู้สึกเกร็งแปลก ๆ เมื่อเขามองมาด้วยสายตาเหมือนกำลังสนใจมากเกินไป
“งั้นก็ดีสิ” เขายิ้มกว้างกว่าเดิม ดวงตาวาววับขณะกวาดมองเธออีกรอบ
“ว่าแต่... กาแฟนี่จะเอามาให้ใครล่ะ”
“เอ่อ... คือ นี่กาแฟเจ้านายค่ะ” เธอกลืนน้ำลายไม่กล้าเอ่ยชื่อเอ็นเจออกมาตรง ๆ ทั้งที่หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกที มาวินหัวเราะเบา ๆ
“น้องอริลน่ารักจัง” คำพูดนั้นยิ่งทำให้แก้มของอริลร้อนผ่าวจนแทบอยากหลบหนีไปให้ไกล และในจังหวะนั้นเอง… เสียง คลิก ของลูกบิดก็ดังขึ้น ประตูห้องทำงานค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นเอ็นเจที่ยืนอยู่ในกรอบประตู สายตาคมเข้มทอดมามองทั้งคู่โดยไม่เอ่ยคำใด แต่แรงกดดันกลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบงันในทันที
เอ็นเจยืนพิงกรอบประตูด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่ดวงตาคมกริบกลับจับจ้องภาพตรงหน้าไม่กะพริบ อริลที่ยืนตัวแข็งถุงกาแฟแทบจะหล่นจากมือ กับมาวินที่ยังยกยิ้มมั่นใจราวกับไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน
“อรุณสวัสดิ์ครับบอส” มาวินเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน เสียงทุ้มฟังดูสุภาพ แต่ก็แฝงความสบายใจเกินควร
“พอดีเจอน้องอริลเลยทักทายนิดหน่อย”
เอ็นเจไม่ตอบทันที สายตาเพียงเหลือบมองอริลที่หลบตา หน้าแดงจัดเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าทำผิด ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะขยับเอ่ยช้า ๆ
“นี่กาแฟของพี่หรือเปล่า”
“คะ… ค่ะ!! ของพี่เอ็นเจค่ะ” อริลสะดุ้ง รีบยื่นถุงกระดาษออกไปด้วยสองมือ เอ็นเจเอื้อมไปรับโดยไม่ละสายตาจากเธอแต่สักนิด นิ้วเรียวยาวสัมผัสโดนมือเล็กโดยไม่ตั้งใจแต่กลับทำให้อริลรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะปรายตามองมาวินสั้น ๆ
“นายจะยืนอีกนานไหม ไม่ไปทำงานเหรอ” น้ำเสียงเรียบเย็นชาแต่ฟังดูมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่
“ครับบอส งั้นผมไปทำงานก่อน” มาวินพยักหน้าให้อริลนิด ๆ ก่อนจะผละจากไป