เรื่อง:(ปฐมบท)พี่สาวคนสวยกับแฟนTypeหมาเด็ก
ตอนที่.9 แม่ใจร้าย
โดย:Srikarin2489
“คุณแม่ต้องจัดการหมาไอ้นะ ผมไม่ชอบหมาผมเกลียดมัน”
นภดลทำเสียงโวยวายไม่พอใจบอกแม่ ระหว่างเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ห่างจากการได้ยินของพ่อกับคุณปู่ ถ้าอยู่ต่อหน้าทั้งสองนภดลไม่กล้าโวยวายว่าอะไร
“แม่ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราต้องใจเย็นก่อน ถ้าดลไม่ชอบอย่าไป
ใกล้มัน”
นภดลทำเสียงฮึดฮัดสีหน้าเต็มไปด้วยอาการขัดใจ เมื่อนึกถึงลูกสุนัขของน้องชายทั้งเกลียดและกลัว
“คุณปู่เข้าข้างมันด้วย ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้” พอเดินมาพ้นบันไดแล้ว
นภดลทำท่าฮึดฮัดกระทืบเท้าเดินไปที่ประตูห้องตัวเอง
“คุณแม่ต้องจัดการนะ ผมไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับหมา ถ้าไม่งั้นผมจะกลับไปอยู่บ้านคุณตา” หันมาร้องบอกแม่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ผมเริ่มไม่ชอบที่นี่แล้ว คุณปู่ดุใจดีแต่กับไอ้นะ กับผมชอบทำหน้าดุให้”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูกนะ” นภัสสรเข้าไปโอบไหล่ลูกชายคนโต แต่ลูกกลับ
สะบัดร่างหนีไม่ยอมให้โอบ
“ไว้มีโอกาสแม่จะจัดการมันเอง”
นภดลเดินหนีเข้าห้องตัวเองไป นภัสสรถอนใจแววตาเคร่งเครียดครุ่นคิด ต้องหาวิธีจัดการสุนัขของลูกชายคนเล็กให้ได้เพื่อเอาใจลูกชายคนโต และตัวเองไม่ชอบสุนัขเช่นกัน
กฤษณะได้ลูกสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์มาเลี้ยง เป็นของขวัญวันเกิดจาก พ่อซึ่งกฤษณะชอบมาก ทั้งลูกสุนัขและเจ้าของเข้ากันได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้ไป
โรงเรียนกฤษณะจะขลุกเล่นอยู่กับเจ้าปังปังทั้งวัน บางทีก็อุ้มปังปังไปเล่นที่ตึกเล็ก
เอาไปอวดพี่สาวคนสวยกับคุณยาย ด้วยความที่เป็นลูกสุนัขมีนิสัยซุกซนอยู่แล้วทำ
ให้เจ้าปังปังได้ไปทำความไม่พอใจให้นภัสสรกับนภดลหลายครั้ง
“ปล่อยกระโปรงฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้หมาบ้า”
นภัสสรกรี๊ดตะคอกด้วยความโมโหเมื่อลงมาข้างล่างแล้วถูกเจ้าปังปังวิ่งมางับชายกระโปรงเล่น
“ไปไกล ๆ เลยไอ้หมาบ้า ถ้าแกเข้ามาใกล้ฉันเตะแกจริง ๆ ด้วย”
นภดลร้องสั่งหน้าบึ้งตึง เมื่อเจ้าปังปังยอมปล่อยปากจากชายกระโปรงขอ
นภัสสร แล้วหันมาหาแต่เจ้าปังปังกลับคิดว่าคนจะเล่นด้วย เดินกระดิกหางเข้าไปหา
“ไอ้นะ...มาเอาหมาแกออกไป ไม่งั้นฉันจะเตะให้กลิ้งเลย”
นภดลหันไปเห็นน้องชายเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี หันไปร้องบอกหน้าบึ้งตึง กฤษณะรีบเข้ามาอุ้มเจ้าปังปังออกไป
“แกอยากเลี้ยงต้องดูแลให้ดี อย่าปล่อยให้มันมาเพ่นพ่านแบบนี้ ไม่งั้นฉันจะ
ให้คนเอามันไปปล่อยทิ้ง”
นภัสสรบอกเสียงกระด้าง กฤษณะหลบตาดุกระด้างของแม่แล้วอุ้มเจ้าปังปังเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก
“เมื่อไหร่คุณแม่จะจัดการไอ้หมาบ้านี่ซะที ผมไม่ชอบมัน” นภดลกรีดเสียงหงุดหงิดโมโหเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“แม่หาโอกาสอยู่ ออกไปข้างนอกกันดีกว่า แม่จะพาดลไปซื้อของที่ดลอยากได้ หาของอร่อย ๆ ทานด้วย”
นภัสสรบอกเสียงนุ่มนวลเอาใจ นภดลยังมีท่าทางฮึดฮัดหงุดหงิดเมื่อถูกแม่จูงแขนจะออกไปขึ้นรถออก
แต่พอเดินมาถึงรถคันหรูจอดอยู่ในโรงจอดรถ กลับทำให้นภัสสรแทบปรี๊ด
แตกด้วยความโมโหเมื่อมองเห็นกองอุจจาระของสุนัขกองอยู่ไม่ไกลจากรถตัวเอง สอง
แม่ลูกยกมือปิดจมูก รังเกียจพะอืดพะอมจะอาเจียนเมื่อเห็นกองอุจจาระของสุนัข
“ต้องเป็นหมาของไอ้นะแน่ มาขี้ไว้ตรงนี้” นภัสสรคำรามอย่างหัวเสีย ด้วย
ความขยะแขยง
“คุณแม่รีบไป ผมจะอ้วก” นภดลร้องบอกแล้วรีบไปขึ้นรถ
“ไอ้หมาบ้า...ฉันต้องจัดการแกให้ได้คอยดู”
นภัสสรคำถามด้วยความชิงชังขณะขับรถออกจากโรงจอดรถ มีลูกชายคนโตนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ข้าง ๆ นับวันสุนัขของกฤษณะยิ่งสร้างความหงุดหงิดรำคาญให้จนทำให้สองแม่ลูกไม่อยากอยู่บ้าน แค่มองเห็นเจ้าปังปังก็หงุดหงิดหัวเสียแล้ว ทั้งไม่ชอบสุนัขและไม่ชอบเจ้าของเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“พี่นัน”
รสนันท์แยกจากเพื่อนแล้วจะเดินออกไปด้านหน้าศูนย์การค้าเพื่อหาแท็กซี่กลับบ้าน หลังจากมาดูหนังทานข้าวด้วยกันในวันหยุดแล้วแยกย้ายกันกลับ ได้ยินเสียงร้องเรียกเจื้อยแจ้วใสคุ้นหู จึงหยุดเดินแล้วหันไปดู เห็นกฤตเดินจูงมือลูกชายคนเล็กเดินปะปนเข้ามาข้างในพร้อมคนอื่น ๆ คนค่อนข้างเยอะพลุกพล่านเพราะเป็นวันหยุด กฤษณะปล่อยมือจากพ่อวิ่งเข้ามาหาพี่สาวคนสวย รสนันท์ยิ้มให้เมื่อร่าง
ผอมบางเข้ามาเกาะมือแหงนหน้ามายิ้มให้ด้วยความดีใจ
“มาทำอะไรที่นี่หรือนัน” กฤตเดินตามเข้ามาหาทั้งสอง
“มาทานข้าวดูหนังกับเพื่อนค่ะ นันกำลังจะกลับ”
“นะเขาอยากทานไอศกรีม รับปากเขาไว้หลายวันแล้วฉันพึ่งมีเวลาว่าง ไปทานไอศกรีมด้วยกันสิ”
“ไปนะพี่นัน” รสนันท์ก้มสบตาเจ้าของดวงหน้าเล็กผอมบาง แหงนหน้ามาชวนด้วยแววตาสดใส
“คุณนะจะเลี้ยงไอศกรีมพี่นันใช่มั้ย”
“ครับ ผมมีเงิน”
ผู้ใหญ่ยิ้มเอ็นดู เห็นกฤษณะตบมือลงที่กระเป๋ากางเกงขายาวสีขาวของตัวเองแล้วฉีกยิ้มบอกพี่สาวคนสวย รสนันท์ยอมให้กฤษณะจูงมือตรงไปร้านไอศกรีม ทั้งสามเข้ามานั่งในร้านไอศกรีมซื่อดัง มีลูกค้านั่งเต็มเกือบทุกโต๊ะล้วน แต่เป็นเด็กและวัยรุ่นหนุ่มสาว มาเดินเล่นตากแอร์กันในวันหยุด นั่งพูดคุยและทานไอศกรีมเย็น ๆ หวานสดชื่นหนีอากาศข้างนอกแสนจะร้อนอบอ้าว
กฤษณะพูดคุยเจื้อยแจ้วสั่งไอศกรีมรสโปรดด้วยตัวเอง ทั้งสามนั่งทานไอศกรีมพูดคุยยิ้มหัวกันด้วยท่าทางมีความสุข โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนรู้จักกับกฤตและ
นภัสสรผ่านมาเห็น เห็นกฤตนั่งอยู่กับสาวสวยแปลกหน้า ด้วยวิญญาณของผู้หวังดีจึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพของทั้งสามไว้ โดยที่กฤตกับรสนันท์ไม่รู้ตัว ด้วยใจบริสุทธิ์ไม่ได้คิดอะไรต่อกัน ทั้งสองจึงไม่ได้สนใจว่าใครมองแล้วจะคิดรู้สึกยังไง
นภัสสรกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเลือกดูกระเป๋าแบรนด์เนม อยู่ในช็อปหรูพร้อมเพื่อนอีกสองคน มีพนักงานขายดูแลอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี เพราะทั้งสามเป็นลูกค้าประจำช็อปเก่ง เป็นเพื่อนที่มีไลฟ์สไตล์เหมือนกันคือ วัน ๆ ไม่ทำงานทำการนอกจากช็อปปิง ปาร์ตี้ ซื้อแต่สินค้าราคาแพงโดยไม่รู้จักเสียดายเงิน เกิดในครอบ ครัวร่ำรวยมีเงินให้ใช้จ่ายไม่ขาดมือ ไม่เคยต้องทำงานหาเงินเอง จึงไม่เคยมองเห็นคุณค่าของเงิน ใช้เงินเหมือนเป็นแค่กระดาษ
“พวกเรานี่เกิดมาโชคดีจริง ๆ นะ อยากได้อะไรได้หมด”
“แต่ภัสเขาโชคดีกว่าเราสองคน เพราะมีสามีทั้งหล่อรวยและเก่ง ขณะที่เราสองคนยังหาสามีไม่ได้” เพื่อนทั้งสองหัวเราะคิกให้กัน นภัสสรยิ้มนิดไม่ขัดคำพูดของเพื่อน เพราะเป็นจริงตามที่เพื่อนพูดทุกอย่าง
“เป็นลูกคนเดียว ต่อไปทรัพย์สมบัติทุกอย่าง ต้องตกเป็นของคุณกฤตคนเดียวเท่านั้น”
“แต่ก่อนฉันก็คิดแบบนั้น ตั้งแต่คุณพ่อของกฤตมีเมียใหม่ ฉันชักไม่แน่ใจ”
นภัสสรบอกด้วยแววตาครุ่นคิดเป็นกังวล
“นังนั่นมันยังสาวและสวย แต่ยอมแต่งกับคนแก่วัยพ่อ ใครจะเชื่อว่ามันไม่
หวังอะไร มันยังเอาแม่กับน้องสาวเข้าไปอยู่ด้วย ฉันไม่เคยไว้ใจเมียใหม่ของคุณพ่อ”
“นั่นสินะ สาวสวยขนาดนั้นหวังจับคุณพ่อของคุณกฤตแน่” เพื่อนต่างเห็น
ด้วยกับนภัสสรในเรื่องนี้ ไม่เชื่อว่ารสรินไม่มีเจตนาแอบแฝง
“น้องสาวมันสวยด้วยใช่มั้ยภัส”
นภัสสรพยักหน้าแววตาเต็มไปด้วยความริษยาเมื่อนึกถึงสองพี่น้อง แม้จะเกลียดแต่นภัสสรต้องยอมรับว่าสองพี่น้องหน้าตาดี และที่เหนือกว่าเธอคือยังสาวสดใส
“ดีนะคุณกฤตไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่งั้นแกเหนื่อยแน่ภัส”
ระหว่างพูดคุยกันอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือของนภัสสรดังขึ้น มีข้อความเข้า
มาในไลน์กลุ่มที่ตั้งขึ้นในกลุ่มเพื่อนสนิท นภัสสรหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าถือ
ใบหรูของตัวเองขึ้นมาดู พอกดเข้าไปในไลน์กลุ่มมีทั้งข้อความและภาพส่งเข้ามา
“สามีแกมากับสาวสวยที่ไหนไม่รู้ มีลูกชายคนเล็กของแกมาด้วย ท่าทางสนิทสนมกันมาก นั่งกินไอศกรีมเหมือนครอบครัวเดียวกัน”
นภัสสรถึงกับหน้าเครียด ใจเต้นตึกตักร้อนระอุขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเพื่อนราย
งานมาทางโทรศัพท์ บรรยายลักษณะละเอียดยิบ จนนภัสสรเดาได้ทันทีว่าเป็นใคร ริมฝีปากอิ่มสีแดงจัดขบเม้มเข้าหากันไฟโทสะคุกรุ่นอยู่ภายใน
มือถือโทรศัพท์อยู่กำเกร็งแน่น แทบอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ความระแวงมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาได้ยินแบบนี้ทำให้นภัสสรโกรธแทบสั่นอยากจะแล่นไปจัดการ กับทั้งคู่เดี๋ยวนี้เลย เวลาอยู่กับเธอกฤตไม่สดใสอารมณ์ดีแบบนี้มานานแล้ว
“นังรสนันท์” เสียงคำรามเบาในลำคอหน้าเครียดบูดบึ้ง เต็มไปด้วยความชิงชังที่มีต่อรสนันท์
“ไอ้นะ...แกจะชักจูงผู้หญิงคนใหม่มาให้พ่อแกใช่มั้ย” ความโกรธพาลไปถึง
ลูกชายคนเล็ก กฤษณะสนิทกับรสนันท์มากนภัสสรจึงคิดว่าลูกชายคนเล็กจะเป็นพ่อ
สื่อชักจูงผู้หญิงอื่นมาให้พ่อ
“เป็นอะไรภัส” เพื่อนหันมาถามเมื่อเห็นนภัสสรเงียบไป
“เปล่า” นภัสสรปิดโทรศัพท์ปรับสีหน้าให้ปกติแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อน
เข้าไปพูดคุยกันเรื่องกระเป๋าต่อ ทั้งที่ภายในในกำลังเดือดระอุด้วยอารมณ์หึงหวง
“ปังปัง...วิ่งตามมาเร็ว”
ร่างผอมบางของกฤษณะวิ่งเล่นอยู่สนามหญ้าหน้าตึกหลังใหญ่ มีเจ้าปังปังสุนัขตัวโปรดวิ่งตาม ความซุกซนขี้เล่นและติดคนทำให้ปังปังกลายเป็นเพื่อนเล่นของ กฤษณะในวันหยุด เป็นสุนัขฉลาดแสนรู้คอยวิ่งตามเจ้านายตัวน้อย กอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นด้วยกันไม่รู้จักเบื่อ
“คุณนะ...”
รสนันท์เพิ่งกลับจากเรียนยังอยู่ในชุดนักศึกษา เดินเข้าประตูรั้วมาผ่านมาเห็นกฤษณะวิ่งเล่นอยู่กับปังปัง จึงหยุดเดินร้องเรียก กฤษณะยิ้มแป้นวิ่งเข้ามาหามีเจ้าปังปังวิ่งตามหลัง ทั้งคนทั้งสุนัขอยู่ในวัยสดใสเหมือนกัน
“พี่นัน”
กฤษณะมีอาการหายใจหอบเล็กน้อย วิ่งเล่นกับเจ้าปังปังจนเริ่มเหนื่อย เหงื่อผุดซึมอยู่บนใบหน้า จนต้องเอาหลังมือเช็ดออก
“หวัดดีปังปัง” รสนันท์ก้มลูบหัวทักทายเจ้าปังปัง เจ้าหมาน้อยกระดิก
หางตอบ เห็นลิ้นสีชมพูบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี ขนปุยหนานุ่มสีทองอ่อนน่ากอด
“เล่นเสร็จแล้ว พาปังปังไปตึกเล็กนะ วันนี้คุณยายทำขนมหลายอย่างมี
ซาลาเปาของชอบของคุณนะด้วย”
“ครับ” กฤษณะรับคำพร้อมยิ้มให้พี่สาวคนสวย
ทักทายกับกฤษณะและปังปังแล้ว รสนันท์ขยับเท้าจะเดินกลับตึกเล็กเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ได้ยินเสียงรถวิ่งมาข้างหลังจึงหยุดเดินหันกลับไปดู เห็นรถของนภัสสรวิ่ง ผ่านประตูรั้วเข้ามาช้า ๆ
นภัสสรตอนแรกขับมาช้า ๆ ทว่าพอมองเห็นเจ้าปังปังวิ่งออกมากลางถนน
แล้วหยุดยืน ดวงตานิ่งเรียบในตอนแรก พลันมีประกายบางอย่าง มุมปากกระตุกรอย
ยิ้มเหี้ยมเกรียม แล้วเหยียบคันเร่งขึ้นอีกพุ่งเข้าหาเจ้าหมาน้อยปังปัง ที่ยืนกระดิกหาง
อย่างไร้เดียงสา ไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาหา
“ปังปัง...หลบเร็ว”
เสียงกฤษณะตะโกนดังลั่นด้วยความตื่นตกใจ ที่เห็นรถของแม่พุ่งเข้าใส่ร่างของเจ้าปังปัง จากการเหยียบคันเร่งเพิ่มทำให้เสียงรถดังกระหึ่มจนน่าตกใจ
“คุณแม่...อย่าชนปังปัง”