ตอนที่.9 แม่ใจร้าย

2066 คำ
เรื่อง:(ปฐมบท)พี่สาวคนสวยกับแฟนTypeหมาเด็ก ตอนที่.9 แม่ใจร้าย โดย:Srikarin2489 “คุณแม่ต้องจัดการหมาไอ้นะ ผมไม่ชอบหมาผมเกลียดมัน” นภดลทำเสียงโวยวายไม่พอใจบอกแม่ ระหว่างเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ห่างจากการได้ยินของพ่อกับคุณปู่ ถ้าอยู่ต่อหน้าทั้งสองนภดลไม่กล้าโวยวายว่าอะไร “แม่ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ตอนนี้เราต้องใจเย็นก่อน ถ้าดลไม่ชอบอย่าไป ใกล้มัน” นภดลทำเสียงฮึดฮัดสีหน้าเต็มไปด้วยอาการขัดใจ เมื่อนึกถึงลูกสุนัขของน้องชายทั้งเกลียดและกลัว “คุณปู่เข้าข้างมันด้วย ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้” พอเดินมาพ้นบันไดแล้ว นภดลทำท่าฮึดฮัดกระทืบเท้าเดินไปที่ประตูห้องตัวเอง “คุณแม่ต้องจัดการนะ ผมไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับหมา ถ้าไม่งั้นผมจะกลับไปอยู่บ้านคุณตา” หันมาร้องบอกแม่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ผมเริ่มไม่ชอบที่นี่แล้ว คุณปู่ดุใจดีแต่กับไอ้นะ กับผมชอบทำหน้าดุให้” “ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูกนะ” นภัสสรเข้าไปโอบไหล่ลูกชายคนโต แต่ลูกกลับ สะบัดร่างหนีไม่ยอมให้โอบ “ไว้มีโอกาสแม่จะจัดการมันเอง” นภดลเดินหนีเข้าห้องตัวเองไป นภัสสรถอนใจแววตาเคร่งเครียดครุ่นคิด ต้องหาวิธีจัดการสุนัขของลูกชายคนเล็กให้ได้เพื่อเอาใจลูกชายคนโต และตัวเองไม่ชอบสุนัขเช่นกัน กฤษณะได้ลูกสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์มาเลี้ยง เป็นของขวัญวันเกิดจาก พ่อซึ่งกฤษณะชอบมาก ทั้งลูกสุนัขและเจ้าของเข้ากันได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้ไป โรงเรียนกฤษณะจะขลุกเล่นอยู่กับเจ้าปังปังทั้งวัน บางทีก็อุ้มปังปังไปเล่นที่ตึกเล็ก เอาไปอวดพี่สาวคนสวยกับคุณยาย ด้วยความที่เป็นลูกสุนัขมีนิสัยซุกซนอยู่แล้วทำ ให้เจ้าปังปังได้ไปทำความไม่พอใจให้นภัสสรกับนภดลหลายครั้ง “ปล่อยกระโปรงฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้หมาบ้า” นภัสสรกรี๊ดตะคอกด้วยความโมโหเมื่อลงมาข้างล่างแล้วถูกเจ้าปังปังวิ่งมางับชายกระโปรงเล่น “ไปไกล ๆ เลยไอ้หมาบ้า ถ้าแกเข้ามาใกล้ฉันเตะแกจริง ๆ ด้วย” นภดลร้องสั่งหน้าบึ้งตึง เมื่อเจ้าปังปังยอมปล่อยปากจากชายกระโปรงขอ นภัสสร แล้วหันมาหาแต่เจ้าปังปังกลับคิดว่าคนจะเล่นด้วย เดินกระดิกหางเข้าไปหา “ไอ้นะ...มาเอาหมาแกออกไป ไม่งั้นฉันจะเตะให้กลิ้งเลย” นภดลหันไปเห็นน้องชายเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี หันไปร้องบอกหน้าบึ้งตึง กฤษณะรีบเข้ามาอุ้มเจ้าปังปังออกไป “แกอยากเลี้ยงต้องดูแลให้ดี อย่าปล่อยให้มันมาเพ่นพ่านแบบนี้ ไม่งั้นฉันจะ ให้คนเอามันไปปล่อยทิ้ง” นภัสสรบอกเสียงกระด้าง กฤษณะหลบตาดุกระด้างของแม่แล้วอุ้มเจ้าปังปังเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก “เมื่อไหร่คุณแม่จะจัดการไอ้หมาบ้านี่ซะที ผมไม่ชอบมัน” นภดลกรีดเสียงหงุดหงิดโมโหเมื่ออยู่กันตามลำพัง “แม่หาโอกาสอยู่ ออกไปข้างนอกกันดีกว่า แม่จะพาดลไปซื้อของที่ดลอยากได้ หาของอร่อย ๆ ทานด้วย” นภัสสรบอกเสียงนุ่มนวลเอาใจ นภดลยังมีท่าทางฮึดฮัดหงุดหงิดเมื่อถูกแม่จูงแขนจะออกไปขึ้นรถออก แต่พอเดินมาถึงรถคันหรูจอดอยู่ในโรงจอดรถ กลับทำให้นภัสสรแทบปรี๊ด แตกด้วยความโมโหเมื่อมองเห็นกองอุจจาระของสุนัขกองอยู่ไม่ไกลจากรถตัวเอง สอง แม่ลูกยกมือปิดจมูก รังเกียจพะอืดพะอมจะอาเจียนเมื่อเห็นกองอุจจาระของสุนัข “ต้องเป็นหมาของไอ้นะแน่ มาขี้ไว้ตรงนี้” นภัสสรคำรามอย่างหัวเสีย ด้วย ความขยะแขยง “คุณแม่รีบไป ผมจะอ้วก” นภดลร้องบอกแล้วรีบไปขึ้นรถ “ไอ้หมาบ้า...ฉันต้องจัดการแกให้ได้คอยดู” นภัสสรคำถามด้วยความชิงชังขณะขับรถออกจากโรงจอดรถ มีลูกชายคนโตนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ข้าง ๆ นับวันสุนัขของกฤษณะยิ่งสร้างความหงุดหงิดรำคาญให้จนทำให้สองแม่ลูกไม่อยากอยู่บ้าน แค่มองเห็นเจ้าปังปังก็หงุดหงิดหัวเสียแล้ว ทั้งไม่ชอบสุนัขและไม่ชอบเจ้าของเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “พี่นัน” รสนันท์แยกจากเพื่อนแล้วจะเดินออกไปด้านหน้าศูนย์การค้าเพื่อหาแท็กซี่กลับบ้าน หลังจากมาดูหนังทานข้าวด้วยกันในวันหยุดแล้วแยกย้ายกันกลับ ได้ยินเสียงร้องเรียกเจื้อยแจ้วใสคุ้นหู จึงหยุดเดินแล้วหันไปดู เห็นกฤตเดินจูงมือลูกชายคนเล็กเดินปะปนเข้ามาข้างในพร้อมคนอื่น ๆ คนค่อนข้างเยอะพลุกพล่านเพราะเป็นวันหยุด กฤษณะปล่อยมือจากพ่อวิ่งเข้ามาหาพี่สาวคนสวย รสนันท์ยิ้มให้เมื่อร่าง ผอมบางเข้ามาเกาะมือแหงนหน้ามายิ้มให้ด้วยความดีใจ “มาทำอะไรที่นี่หรือนัน” กฤตเดินตามเข้ามาหาทั้งสอง “มาทานข้าวดูหนังกับเพื่อนค่ะ นันกำลังจะกลับ” “นะเขาอยากทานไอศกรีม รับปากเขาไว้หลายวันแล้วฉันพึ่งมีเวลาว่าง ไปทานไอศกรีมด้วยกันสิ” “ไปนะพี่นัน” รสนันท์ก้มสบตาเจ้าของดวงหน้าเล็กผอมบาง แหงนหน้ามาชวนด้วยแววตาสดใส “คุณนะจะเลี้ยงไอศกรีมพี่นันใช่มั้ย” “ครับ ผมมีเงิน” ผู้ใหญ่ยิ้มเอ็นดู เห็นกฤษณะตบมือลงที่กระเป๋ากางเกงขายาวสีขาวของตัวเองแล้วฉีกยิ้มบอกพี่สาวคนสวย รสนันท์ยอมให้กฤษณะจูงมือตรงไปร้านไอศกรีม ทั้งสามเข้ามานั่งในร้านไอศกรีมซื่อดัง มีลูกค้านั่งเต็มเกือบทุกโต๊ะล้วน แต่เป็นเด็กและวัยรุ่นหนุ่มสาว มาเดินเล่นตากแอร์กันในวันหยุด นั่งพูดคุยและทานไอศกรีมเย็น ๆ หวานสดชื่นหนีอากาศข้างนอกแสนจะร้อนอบอ้าว กฤษณะพูดคุยเจื้อยแจ้วสั่งไอศกรีมรสโปรดด้วยตัวเอง ทั้งสามนั่งทานไอศกรีมพูดคุยยิ้มหัวกันด้วยท่าทางมีความสุข โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนรู้จักกับกฤตและ นภัสสรผ่านมาเห็น เห็นกฤตนั่งอยู่กับสาวสวยแปลกหน้า ด้วยวิญญาณของผู้หวังดีจึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพของทั้งสามไว้ โดยที่กฤตกับรสนันท์ไม่รู้ตัว ด้วยใจบริสุทธิ์ไม่ได้คิดอะไรต่อกัน ทั้งสองจึงไม่ได้สนใจว่าใครมองแล้วจะคิดรู้สึกยังไง นภัสสรกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเลือกดูกระเป๋าแบรนด์เนม อยู่ในช็อปหรูพร้อมเพื่อนอีกสองคน มีพนักงานขายดูแลอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี เพราะทั้งสามเป็นลูกค้าประจำช็อปเก่ง เป็นเพื่อนที่มีไลฟ์สไตล์เหมือนกันคือ วัน ๆ ไม่ทำงานทำการนอกจากช็อปปิง ปาร์ตี้ ซื้อแต่สินค้าราคาแพงโดยไม่รู้จักเสียดายเงิน เกิดในครอบ ครัวร่ำรวยมีเงินให้ใช้จ่ายไม่ขาดมือ ไม่เคยต้องทำงานหาเงินเอง จึงไม่เคยมองเห็นคุณค่าของเงิน ใช้เงินเหมือนเป็นแค่กระดาษ “พวกเรานี่เกิดมาโชคดีจริง ๆ นะ อยากได้อะไรได้หมด” “แต่ภัสเขาโชคดีกว่าเราสองคน เพราะมีสามีทั้งหล่อรวยและเก่ง ขณะที่เราสองคนยังหาสามีไม่ได้” เพื่อนทั้งสองหัวเราะคิกให้กัน นภัสสรยิ้มนิดไม่ขัดคำพูดของเพื่อน เพราะเป็นจริงตามที่เพื่อนพูดทุกอย่าง “เป็นลูกคนเดียว ต่อไปทรัพย์สมบัติทุกอย่าง ต้องตกเป็นของคุณกฤตคนเดียวเท่านั้น” “แต่ก่อนฉันก็คิดแบบนั้น ตั้งแต่คุณพ่อของกฤตมีเมียใหม่ ฉันชักไม่แน่ใจ” นภัสสรบอกด้วยแววตาครุ่นคิดเป็นกังวล “นังนั่นมันยังสาวและสวย แต่ยอมแต่งกับคนแก่วัยพ่อ ใครจะเชื่อว่ามันไม่ หวังอะไร มันยังเอาแม่กับน้องสาวเข้าไปอยู่ด้วย ฉันไม่เคยไว้ใจเมียใหม่ของคุณพ่อ” “นั่นสินะ สาวสวยขนาดนั้นหวังจับคุณพ่อของคุณกฤตแน่” เพื่อนต่างเห็น ด้วยกับนภัสสรในเรื่องนี้ ไม่เชื่อว่ารสรินไม่มีเจตนาแอบแฝง “น้องสาวมันสวยด้วยใช่มั้ยภัส” นภัสสรพยักหน้าแววตาเต็มไปด้วยความริษยาเมื่อนึกถึงสองพี่น้อง แม้จะเกลียดแต่นภัสสรต้องยอมรับว่าสองพี่น้องหน้าตาดี และที่เหนือกว่าเธอคือยังสาวสดใส “ดีนะคุณกฤตไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่งั้นแกเหนื่อยแน่ภัส” ระหว่างพูดคุยกันอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือของนภัสสรดังขึ้น มีข้อความเข้า มาในไลน์กลุ่มที่ตั้งขึ้นในกลุ่มเพื่อนสนิท นภัสสรหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าถือ ใบหรูของตัวเองขึ้นมาดู พอกดเข้าไปในไลน์กลุ่มมีทั้งข้อความและภาพส่งเข้ามา “สามีแกมากับสาวสวยที่ไหนไม่รู้ มีลูกชายคนเล็กของแกมาด้วย ท่าทางสนิทสนมกันมาก นั่งกินไอศกรีมเหมือนครอบครัวเดียวกัน” นภัสสรถึงกับหน้าเครียด ใจเต้นตึกตักร้อนระอุขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเพื่อนราย งานมาทางโทรศัพท์ บรรยายลักษณะละเอียดยิบ จนนภัสสรเดาได้ทันทีว่าเป็นใคร ริมฝีปากอิ่มสีแดงจัดขบเม้มเข้าหากันไฟโทสะคุกรุ่นอยู่ภายใน มือถือโทรศัพท์อยู่กำเกร็งแน่น แทบอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ความระแวงมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาได้ยินแบบนี้ทำให้นภัสสรโกรธแทบสั่นอยากจะแล่นไปจัดการ กับทั้งคู่เดี๋ยวนี้เลย เวลาอยู่กับเธอกฤตไม่สดใสอารมณ์ดีแบบนี้มานานแล้ว “นังรสนันท์” เสียงคำรามเบาในลำคอหน้าเครียดบูดบึ้ง เต็มไปด้วยความชิงชังที่มีต่อรสนันท์ “ไอ้นะ...แกจะชักจูงผู้หญิงคนใหม่มาให้พ่อแกใช่มั้ย” ความโกรธพาลไปถึง ลูกชายคนเล็ก กฤษณะสนิทกับรสนันท์มากนภัสสรจึงคิดว่าลูกชายคนเล็กจะเป็นพ่อ สื่อชักจูงผู้หญิงอื่นมาให้พ่อ “เป็นอะไรภัส” เพื่อนหันมาถามเมื่อเห็นนภัสสรเงียบไป “เปล่า” นภัสสรปิดโทรศัพท์ปรับสีหน้าให้ปกติแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อน เข้าไปพูดคุยกันเรื่องกระเป๋าต่อ ทั้งที่ภายในในกำลังเดือดระอุด้วยอารมณ์หึงหวง “ปังปัง...วิ่งตามมาเร็ว” ร่างผอมบางของกฤษณะวิ่งเล่นอยู่สนามหญ้าหน้าตึกหลังใหญ่ มีเจ้าปังปังสุนัขตัวโปรดวิ่งตาม ความซุกซนขี้เล่นและติดคนทำให้ปังปังกลายเป็นเพื่อนเล่นของ กฤษณะในวันหยุด เป็นสุนัขฉลาดแสนรู้คอยวิ่งตามเจ้านายตัวน้อย กอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นด้วยกันไม่รู้จักเบื่อ “คุณนะ...” รสนันท์เพิ่งกลับจากเรียนยังอยู่ในชุดนักศึกษา เดินเข้าประตูรั้วมาผ่านมาเห็นกฤษณะวิ่งเล่นอยู่กับปังปัง จึงหยุดเดินร้องเรียก กฤษณะยิ้มแป้นวิ่งเข้ามาหามีเจ้าปังปังวิ่งตามหลัง ทั้งคนทั้งสุนัขอยู่ในวัยสดใสเหมือนกัน “พี่นัน” กฤษณะมีอาการหายใจหอบเล็กน้อย วิ่งเล่นกับเจ้าปังปังจนเริ่มเหนื่อย เหงื่อผุดซึมอยู่บนใบหน้า จนต้องเอาหลังมือเช็ดออก “หวัดดีปังปัง” รสนันท์ก้มลูบหัวทักทายเจ้าปังปัง เจ้าหมาน้อยกระดิก หางตอบ เห็นลิ้นสีชมพูบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี ขนปุยหนานุ่มสีทองอ่อนน่ากอด “เล่นเสร็จแล้ว พาปังปังไปตึกเล็กนะ วันนี้คุณยายทำขนมหลายอย่างมี ซาลาเปาของชอบของคุณนะด้วย” “ครับ” กฤษณะรับคำพร้อมยิ้มให้พี่สาวคนสวย ทักทายกับกฤษณะและปังปังแล้ว รสนันท์ขยับเท้าจะเดินกลับตึกเล็กเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ได้ยินเสียงรถวิ่งมาข้างหลังจึงหยุดเดินหันกลับไปดู เห็นรถของนภัสสรวิ่ง ผ่านประตูรั้วเข้ามาช้า ๆ นภัสสรตอนแรกขับมาช้า ๆ ทว่าพอมองเห็นเจ้าปังปังวิ่งออกมากลางถนน แล้วหยุดยืน ดวงตานิ่งเรียบในตอนแรก พลันมีประกายบางอย่าง มุมปากกระตุกรอย ยิ้มเหี้ยมเกรียม แล้วเหยียบคันเร่งขึ้นอีกพุ่งเข้าหาเจ้าหมาน้อยปังปัง ที่ยืนกระดิกหาง อย่างไร้เดียงสา ไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาหา “ปังปัง...หลบเร็ว” เสียงกฤษณะตะโกนดังลั่นด้วยความตื่นตกใจ ที่เห็นรถของแม่พุ่งเข้าใส่ร่างของเจ้าปังปัง จากการเหยียบคันเร่งเพิ่มทำให้เสียงรถดังกระหึ่มจนน่าตกใจ “คุณแม่...อย่าชนปังปัง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม