เรื่อง:(ปฐมบท)พี่สาวคนสวยกับแฟนTypeหมาเด็ก
ตอนที่.10 ลาก่อนปังปัง
โดย:Srikarin2489
กฤษณะตะโกนบอกสุดเสียง รสนันท์เห็นแบบนั้นรีบวิ่งกลับมาหาหวังจะช่วย
เจ้าปังปัง แต่ช้ากว่ารถของนภัสสรที่ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย กลับเจตนาขับพุ่งเข้าใส่เจ้าหมาน้อยปังปัง ด้วยแววตาและรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของคนขับ
“ปังปัง”
กฤษณะยืนเบิกตากว้างตกตะลึง เห็นเจ้าปังปังถูกรถของแม่เหยียบต่อหน้าต่อตา นภัสสรไม่ได้รู้สึกผิดหรือเสียใจ กับลูกสุนัขที่ตัวเองตั้งใจขับรถเหยียบอย่างอำมหิต พอรับรู้ว่าล้อรถเหยียบอะไรบางอย่าง กลับกระตุกยิ้มสะใจเสียอีก
“ปังปัง”
พอรถแม่เคลื่อนผ่านไป เห็นร่างเจ้าปังปังนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ กฤษณะวิ่งเข้าไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเบิกกว้างน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม เห็นเห็นเจ้าปังปังนอนนิ่ง เลือดแดงฉานไหลออกจากร่าง เจ้าหมาน้อยเสียชีวิตทันที ไม่มีโอกาสได้ร้องหรือทรมานเจ็บปวด
“ปังปัง...ตื่นสิปังปัง” ร่างผอมบางนั่งคุกเข่าลงใกล้ร่างเจ้าปังปัง ร้องเรียกราวจะขาดใจมือขาวบางเอื้อมไปจับปังปัง โดยไม่สนใจว่าเลือดจะเปื้อนมือ
รสนันท์วิ่งมาหาถึงกับยืนนิ่งอึ้ง เห็นกฤษณะร่ำไห้อยู่ข้างร่างเจ้าปังปัง เสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ บาดลึกลงในความรู้สึกของเธอ เวทนาทั้งคนและเจ้าหมาน้อย จนหางตาร้อนผ่าวน้ำตาซึมตาม ร่างผอมบางสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นน้ำตาอาบแก้ม รสนันท์นั่งลงใกล้เอื้อมมือไปแตะจมูกปังปังดู ได้รู้ว่าเจ้าหมาน้อยจากไปแล้ว
“คุณแม่ใจร้าย เหยียบปังปังทำไม” เสียงพูดปนสะอื้นทำให้รสนันท์ต้องดึงร่างนั้นมากอดไว้
นภัสสรลงจากรถแล้วเดินกลับมาดูผลงานของตัวเอง ภาพร่ำไห้ของลูกชาย
ไม่ได้ทำให้นภัสสรรู้สึกอะไร กลับยืนกอดอกมองร่างเจ้าปังปังกับกฤษณะ ด้วยรอยยิ้ม
สะใจ
“คุณแม่ขับรถเหยียบปังปังทำไม” ลูกชายเงยหน้าร้องถามปนสะอื้น
“แกอย่ามาโทษฉันไอ้นะ แกดูแลหมาไม่ดีเอง ใครบอกให้มันมาขวางทางรถ”
“คุณแม่ใจร้าย ผมเกลียดคุณแม่” กฤษณะตะโกนปนสะอื้น
“อยากเกลียดก็เกลียดเลย ฉันไม่ต้องการให้แกมารักฉัน”
“คุณเป็นแม่ประสาอะไร เลือดเย็นอำมหิตที่สุด” รสนันท์คำรามในลำคอด้วยความโมโห กับการกระทำอันเลือดเย็นของนภัสสรที่ทำต่อลูก
“แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย ระวังตัวเองให้ดีเถ่อะ อย่ามายุ่งกับสามีฉัน”
“พูดบ้าอะไรของคุณ ฉันไปยุ่งกับสามีคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” รสนันท์ยืดตัวลุกขึ้น
ยืนร้องถามเสียงห้าวแววตาเอาเรื่อง
“ทำเป็นไม่รู้เรื่อง พี่สาวแกจับคุณพ่อได้แล้ว แกอย่าคิดเหิมเกริมมาอ่อยให้
ท่าสามีฉัน ไม่งั้นแกได้เจอดีแน่ ฉันขอเตือนสติแกอีกครั้ง อย่ายุ่งกับสามีฉัน”
“เขาพูดบ้าอะไร” รสนันท์พึมพำมองตามร่างของนภัสสร ที่เดินยิ้มสะใจกลับ
ไปยังตึกหลังใหญ่ ไม่ใส่ใจต่อลูกชายเลย ดวงตาดุดันเครียดเข้มของรสนันท์มองตาม
นภัสสรทั้งโมโหและไม่เข้าใจ ว่าทำไมนภัสสรพูดแบบนั้น
“พี่นัน...ปังปังไม่ขยับเลย”
กฤษณะเงยหน้าขึ้นร้องบอก รสนันท์จึงนั่งลงใกล้ กฤษณะเอื้อมมือไปจับร่างเจ้าปังปัง แก้มทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาสะอื้นไห้ไม่หยุด ทำให้รสนันท์ต้องดึงร่างผอมบางมากอดไว้ ใบหน้าเคร่งเครียดอ่อนโยนลงด้วยความเวทนา กฤษณะเอนหน้ามาซุกสะอื้นไห้อยู่กับอกพี่สาวคนสวย
นภัสสรเพิ่งอาบน้ำเสร็จสวมเสื้อคลุมเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เมื่อสามีเปิดประตูเข้ามาแรงจนเป็นกระชาก หน้าตาเคร่งเครียดบึ้งตึง ตรงดิ่งเข้ามาหานภัสสรทันที
“คุณขับรถเหยียบหมาของลูกตาย คุณทำแบบนี้ได้ยังไงภัส” นภัสสรยังไม่ทันตั้งรับแทบสะดุ้งเมื่อถูกสามีตะคอกถามเสียงกร้าว
“มันเป็นอุบัติเหตุ ไอ้หมาบ้านั่นมันมาขวางทางรถเอง” พอตั้งสติได้ นภัสสร
ย้อนว่าเสียงเย็นชา
“ผมดูภาพในกล้องวงจรปิดแล้ว คุณตั้งใจเหยียบเจ้าปังปัง คุณทำแบบนี้ได้ยัง ปังปังผมซื้อให้ลูกเป็นของขวัญวันเกิด คุณกลับตั้งใจขับรถเหยียบจนตาย จิตใจคุณทำด้วยอะไร เคยนึกถึงใจลูกบ้างมั้ย”
“ใช่...ภัสตั้งใจขับรถเหยียบมัน ภัสเคยบอกมันแล้วอยากเลี้ยงต้องดูแลให้ดี
แต่ไอ้นะมันกลับปล่อยหมา มาสร้างปัญหาให้ภัสกับลูกดล มันตายได้ก็ดีแล้ว” มือทั้งสองข้างของกฤตกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูน กรามขบเข้าหากัน โกรธแทบอยากตบหน้านภัสสรสักฉาด ทำผิดแล้วยังมาลอยหน้าลอยตาว่ากลับ
“คุณแม่ผมบอกไว้ไม่มีผิดเลย ผมผิดเองที่ไม่ฟังคำเตือนของท่าน ผู้หญิงอย่าง
คุณไม่มีคุณสมบัติเป็นเมียและแม่ที่ดี”
“ใช่ซี้...ภัสเป็นของเก่าแล้ว คงน่าเบื่อไม่สดใสสวยงามเหมือนเดิม สู้นังรสนันท์
ไม่ได้ใช่มั้ย”
“พูดบ้าอะไร มันไปเกี่ยวอะไรกับนัน” กฤตตะคอกถามตาวาววับด้วยโทสะ
“อย่าคิดว่าภัสไม่รู้นะ” นภัสสรเดินไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ย
ตั้งโคมไฟข้างเตียง เปิดหารูปที่เพื่อนถ่ายแล้วส่งมาให้ดู
“คุณจะอธิบายยังไงภาพนี้” บอกพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้สามีดู
“แค่ไปนั่งกินไอศกรีมทำไมต้องอธิบาย คุณไม่ต้องมาเลี่ยงประเด็น มันไม่มี
อะไรอย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยว”
“นี่ล่ะประเด็นสำคัญ พอภัสรู้ทันคุณทำเป็นโกรธ” กฤตหัวเสียยิ่งกว่าเก่าตั้งใจจะมาต่อว่าเล่นงานนภัสสร เรื่องที่ขับรถเหยียบเจ้าปังปังจนตาย แต่นภัสสรกลับเอา เรื่องเกี่ยวกับรสนันท์มากลบเกลื่อน ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
“คุณมันบ้า” กฤตตะโกนใส่หน้าแล้วผลุนผลันจะออกไปจากห้อง
“พอภัสรู้ทันทำเป็นโมโห ถ้าคุณคิดเอานังนั่นมาแทนภัส อย่าคิดว่าภัสจะยอม” นภัสสรตะโกนว่าตามหลังสามี ที่เปิดประตูออกจากห้องไปด้วยอาการหัวเสีย
“นังรสนันท์ ถ้าแกคิดแย่งกฤตไปจากฉัน แกได้เจอดีแน่”
กฤตต้องรวบรวมใจข่มความโมโหเมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องนอนลูกชายคนเล็ก โกรธภรรยาแทบคลั่งที่ตั้งใจขับรถเหยียบสุนัขของลูกจนตาย พอจะเล่นงาน
นภัสสรกลับดึงเรื่องอื่นมาแทรก กฤตพยายามทำสีหน้าอารมณ์ให้ปกติก่อนเปิดประตู
ห้องเข้าไป แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเวทนา เห็นร่างผอมบางของลูกชายคนเล็กนอนอยู่บนเตียง
“คุณพ่อ” กฤษณะลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือมาหาร้องเรียกปนสะอื้น
“ปังปังไม่อยู่กับผมแล้ว” กฤตกอดร่างลูกชายแนบอก
“แล้วพ่อจะซื้อตัวใหม่ให้” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยน วาง
แก้มแนบกับศีรษะของลูกชาย
“ไม่เอาแล้วครับ ผมไม่อยากได้แล้ว” เสียงพูดยังปนสะอื้น
“เดี๋ยวคุณแม่ขับรถเหยียบอีก ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว” กฤตกดจมูกกับศีรษะเล็กของลูกชาย เวทนาที่ลูกต้องมาเสียใจกับการกระทำของแม่ตัวเอง
“นะไม่สบายหรือลูก ตัวอุ่น ๆ ” ถามเสียงอ่อนโยนห่วงใยวางมือทาบหน้า
ผากลูกชายดู รู้สึกว่าผิวกายของลูกที่ตัวเองกอดอยู่อุ่นออกไปทางร้อนเกินปกติ
“รู้สึกไม่สบายมั้ย” กฤษณะมองสบตาพ่อ ตาแป๋วไร้เดียงสาวัยเพิ่งห้าขวบ
กว่านิดหน่อย ยังแยกแยะไม่เป็นว่าการไม่สบายเป็นยังไง
“ปวดหัวมั้ยลูก” กฤษณะสั่นหน้า
“คืนนี้พ่อจะนอนกับนะที่นี่ ถ้านะรู้สึกไม่สบายต้องบอกพ่อนะ”
“ครับ”
เพราะโมโหโกรธที่ภรรยาขับรถเหยียบสุนัขของลูกตาย กฤตไม่อยากเผชิญ
หน้าอีกกลัวตัวเองจะอดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ จึงเลี่ยงด้วยการมานอนห้องลูกชายคนเล็กตกดึกกฤษณะมีอาการไม่สบายจริง ๆ ถึงกับเพ้อเรียกหาแต่เจ้าปังปัง กฤตต้องหายาแก้ไข้มาให้ลูกกิน คอยเช็ดตัวให้เพื่อให้อาการตัวร้อนคลายลง
ต้องคอยดูแลลูกที่ไม่สบายทำให้กฤตแทบไม่ได้นอน จึงมีสภาพไม่ค่อย
แจ่มใสเมื่อลงมาที่ห้องรับประทานอาหาร ในตอนเช้า
“ดูกฤตเพลีย ๆ นะลูก”คุณกิตติมองดูลูกด้วยแววตาเป็นห่วง
“เมื่อคืนนะไม่สบายครับ เป็นไข้ผมต้องคอยดูแลลูก”
นภัสสรนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเมื่อสามีบอกว่าลูกไม่สบาย กลับสนใจดูแลแต่ลูกชายคนโตคอยตักอาหารให้
“ภัส” นภัสสรหันมาหาเมื่อถูกสามีเรียก
“วันนี้อย่าออกไปไหน อยู่ดูแลลูกด้วย นะเป็นไข้ไม่สบาย”
“คุณดูแลเขามาทั้งคืนอยู่แล้ว ทำไมไม่อยู่ดูแลเอง วันนี้เป็นวันหยุดนะ คุณ
จะออกไปไหนอีก” ว่าเสียงเย็นชาไร้ความห่วงใยต่อลูกคนเล็ก
“ผมมีนัดกับลูกค้ามาจากญี่ปุ่น ถ้าผมว่างผมไม่รบกวนคุณหรอก” กฤตว่า
เสียงห้าว หน้าเครียดไม่พอใจที่เห็นนภัสสรไม่ห่วงใยลูก
“มันสำออยล่ะสิ เมื่อวานยังเห็นมันวิ่งเล่นกับหมาอยู่เลย”
“เพราะคุณเหยียบหมาลูกตาย เขาเสียใจมากจนไม่สบาย”
“เอาล่ะ...พอได้แล้ว” คุณกิตติขัดเสียงแข็ง เห็นทั้งสองทำท่าจะทะเลาะกัน
สองสามีภรรยาต่างหันหน้าหนีจากกันด้วยความหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี
“เธอควรอยู่ดูแลลูกนะภัส ถ้าเขาไม่สบายมากจะได้พาไปหาหมอ นะยิ่ง
สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง” นภัสสรหน้าบึ้งตึง ทำให้คุณกิตติได้แต่มองดูด้วยแววตาไม่พอใจ ที่เห็นสะใภ้ไม่ใส่ใจต่อลูกชายคนเล็กเลย
“วันนี้พ่อกับรินมีธุระเหมือนกัน แต่คงกลับก่อนบ่าย เธอดูแลลูกไว้ก่อนนะ
ภัส ถ้ายังไงพ่อกลับมาแล้วจะพานะไปหาหมอเอง” นภัสสรนิ่งเฉยไม่ยอมรับปาก