EP.07-02 ความรู้สึกที่อธิบายยาก

1920 คำ
EP.07-02 ความรู้สึกที่อธิบายยาก อีกฝ่ายเงียบไปพร้อมกับประตูลิฟต์เบื้องหน้าที่เปิดออกพอดี ผมกับคุณเฟยเดินเข้าไปและปิดทันที ไม่รีรอให้ใครเข้ามาทั้งนั้น ผมกับอาพิสุทธิ์ไม่มีทางจะสมานฉันท์กันได้อีกแล้วล่ะ แม้เขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พยายามแสร้งทำตัวเอาอกเอาใจผมเพื่อตบตาคนอื่น ทว่าทั้งหมดที่เขาทำมันก็แค่เปลือกนอกเท่านั้น ความเป็นจริงคือเขาอิจฉาและเกลียดผมจนตัวสั่น วันที่หุ้นตก เขายอมขายหุ้นส่วนของตัวเองออกไปบางส่วนเพื่อหานายทุนเข้ามาพยุงหุ้นบริษัท โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าผมช้อนซื้อหุ้นรายอื่นไว้ในมือหมดแล้ว แน่นอนว่าส่วนของเขาที่แบ่งขายออกไปบางส่วนผมก็ให้คนของผมซื้อมาให้ก่อนจะโอนมาเป็นของผม วันนี้ผมเลยอยู่ตรงนี้ในฐานะประธานบริษัทผลิตหลอดไฟยักษ์ใหญ่ของประเทศภายในชั่วพริบตา เขาก็อยากได้ตำแหน่งคืนจะแย่ถึงได้ยอมลดตัวมาทำดีกับผม แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่อ่อนข้อให้อีกแล้ว ต่อหน้าแสร้งทำดี ลับหลังยุยงปลุกปั่นคนในองค์กรหวังให้ผมเสียหาย เหอะ เป็นแผนการที่ปัญญาอ่อนมากที่คิดจะทำลายผมด้วยลมปากคนอื่น คิดว่าผมจะมีเรื่องฉาวอะไรเผยออกมาให้จับได้หรืออย่างไร ในมาดนักธุรกิจผมใสสะอาดที่สุดแล้ว อะไรก็ลบล้างความน่าเชื่อถือที่ผมสร้างขึ้นไม่ได้หรอก ไม่มีใครเชื่อข่าวลวงที่เขาปล่อยเลย เห็นแล้วเวทนาจริง ๆ “อ่า นายใหญ่ครับ มีข่าวจากไร่คุณโซ่ที่เชียงใหม่ครับ” ฝีเท้าผมชะงักกึกด้วยความตกใจ ผมไม่ได้ข่าวโซ่หลายวันแล้ว เปลี่ยนทีมบอดี้การ์ดไปดูแลไร่แทนเขาในตอนที่โซ่ไม่อยู่และคอยเก็บข้อมูลจากทางนั้นแจ้งมาให้ผมทราบด้วย “มีอะไร” “คนงานในไร่พูดกันว่าคุณโซ่จะกลับเชียงใหม่พรุ่งนี้ครับ บอกกันต่ออีกว่ารอบนี้กลับไวกว่ากำหนด ทีแรกบอกว่าจะมากรุงเทพฯ ครึ่งเดือนเลย” หรือว่าเขาติดปัญหาอะไรเรื่องการทำร้านนะ อาจจะไม่เป็นไปตามแผนเลยไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ก็คิดไว้อยู่แล้ว เขาไม่เคยทำธุรกิจในกรุงเทพฯ มาก่อนมันเป็นไปได้ว่าจะคว้าน้ำเหลวแต่แรก ร้านอาหารที่กรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดมันไม่เหมือนกันนะ ต่างกันตั้งแต่ต้นทุนร้าน กลุ่มลูกค้า ไปจนถึงเรื่องการแข่งขันที่สูงมาก “คุณเฟย เรื่องที่ผมให้คุณจัดการไปถึงไหนแล้ว?” “รอแค่ทางผู้รับเหมาติดต่อกลับมาเท่านั้นครับ แต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร” “ติดต่อบอกโซ่ให้ผมหน่อย เย็นนี้ให้มาหาผมที่บ้าน” “เขา...จะมาเหรอครับ คุณโซ่ปฏิเสธคำเชิญชวนของนายใหญ่ทุกครั้งเลย” “บอกเขาว่าผมมีเรื่องสำคัญ คุณทำเอกสารเสนองานให้ผมด้วย ผมจะให้เขาดู” “อ่า ได้ครับ ถ้าคุณโซ่รับสายผมนะ” หลายวันมานี้ผมแอบจัดการหาที่ทางให้โซ่เปิดร้านด้วยนะ ทำเลทองสิบแห่งทั่วกรุงเทพฯ ห้าแห่งเป็นเครือโรงแรมของผม อีกห้าแห่งเป็นพื้นที่ของเพื่อนแวดวงนักธุรกิจที่ผมรู้จัก ผมจัดการให้แล้ว ถ้าโซ่สนใจตรงไหนผมสามารถเอามาให้เขาได้ทันที ไม่ใช่แค่นี้นะ ผมติดต่อผู้รับเหมาไว้ให้ด้วย เขาสามารถใช้ผู้รับเหมาภายในเครือผมได้ทั้งหมดรวมถึงการตกแต่งภายใน ร้านค้าอุปกรณ์ที่ผมใช้ประจำ ราคาส่วนลดของหุ้นส่วนผมก็ให้เขาได้ ถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อนน่ะนะ หลังจากนั้นครู่หนึ่งผมก็เข้าประชุมประจำเดือนของบริษัท ที่หัวหน้าแผนกทุกแผนกจะต้องเข้าร่วมเพื่อสรุปการทำงานในแต่ละเดือน มาพูดคุยกันถึงปัญหาและหาทางแก้ไขร่วมกันเพื่อผลโดยรวมที่ดีของบริษัท รายชื่อผู้เข้าประชุมไม่มีอาพิสุทธิ์นะ เขาไม่จำเป็นน่ะ มาฟังก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ที่บริษัทผ่านมาได้ไกลขนาดนี้ผมขอยกความดีความชอบให้หัวหน้าแผนกแต่ละแผนกมากกว่าที่ทำงานเก่ง ประชุมประจำเดือนแต่ละครั้งเป็นการประชุมที่ยาวนาน กินเวลาไปครึ่งวันเลยล่ะ แต่ยังดีนะ หลังจากที่ประชุมเสร็จคุณเฟยก็เดินยิ้มเข้ามาหาผม มองปราดเดียวก็รู้ได้เลยว่าติดต่อโซ่ได้แล้ว “เขาว่าไง?” “วันนี้คุณโซ่ว่างครับ เขาบอกว่าจะเดินห้างดูของสักหน่อย ถ้านายใหญ่จะให้เข้าไปหาตอนไหนก็บอก แต่ถ้าธุระไม่สำคัญพอจะไม่ไป คุณโซ่เขาบอกว่าอยากรีบกลับไปพักผ่อนครับ พรุ่งนี้ต้องขับรถทางไกล” “งั้นบ่ายนี้ไม่เข้าบ่อนนะ จะกลับบ้าน บอกโซ่มาหาผมได้เลย” งานที่บ่อนมันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าโซ่ที่คงไม่มีประสบการณ์การจัดการเปิดธุรกิจในกรุงเทพฯ ผมอยากคุยกับเขาเรื่องนี้มากกว่า มันเป็นสิ่งที่ผมคุยกับเขาเป็นรูปธรรมสุดแล้ว มันจับต้องได้แน่แค่โซ่ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ผมเสนอสักแห่งหนึ่งเพื่อทำธุรกิจ ถ้ามีผมคอยช่วยเหลือเขา ขอการันตีไว้เลยว่ามันจะประสบความสำเร็จแน่นอน หากเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่อง มันจะเป็นเรื่องแรกเลยที่โซ่ต้องเข้าหาผมก่อนเพื่อปรึกษา ซึ่งมันดีนะ ระหว่างผมกับโซ่นอกจากความทรงจำเก่า ๆ ก็ไม่มีอะไรคอยเชื่อมเราเลย ผมอยากให้เรามีงานบางอย่างเชื่อมกันอยู่นอกจากการซื้อขายที่ดิน ถึงผมกับเขาจะไม่มีสถานะชัดเจนทางความรู้สึก กลายเป็นเพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แต่ผมยังอยากมีโซ่อยู่ในชีวิตนะ ได้กลับมาเจอกันทั้งทีเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เขาหายไป สิบปีก่อนเคยมีโซ่มันดี อีกสิบปีข้างหน้ามันจะดีกว่าถ้าเขายังอยู่ข้างผม 14.10 น. ให้คุณเฟยถามมาแล้วได้ความว่าเขายังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง ผมเองก็ยัง ตั้งใจจะเลี้ยงอาหารเขาอีกสักมื้อ ผมสั่งอาหารจากโรงแรมมาที่บ้านเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ไม่นานร่างบางก็เดินเข้ามาภายในบ้านผมด้วยเสื้อเชิ้ตสีครีม กางเกงยีนส์สีเข้ม ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยสยายน่ามอง โซ่ยกมือซ้ายที่สวมนาฬิการาคาแพงขึ้นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผมทัดที่ใบหู ก่อนช้อนตามองมาที่ผม “สิงห์ รอกินข้าวเหรอ มาสิ กินข้าวกันเถอะ” แขกเดินนำเจ้าของบ้านเข้าไปที่โต๊ะอาหาร คุณเฟยเองก็เตรียมเอกสารทำเลร้านต่าง ๆ ที่ผมเลือกให้เขาวางไว้บนเก้าอี้อีกตัวข้างผมเพื่อเตรียมพร้อมหากผมจะคุยเรื่องงานกับเขาระหว่างมื้ออาหาร “โซ่ตัวหอมจัง” “ไปลองน้ำหอมที่ห้างมาเมื่อกี้น่ะ” “แต่ชอบกลิ่นเดิมมากกว่า” ผมชอบโซ่ลุคนี้ที่สุดเลย เขาดูเป็นโซ่คนเดิมที่ผมรู้จัก ดูดีมาก เขาใช้ของแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างที่ผมคุ้นตา ดีกว่าโซ่คนที่แต่งตัวมอซอตอนอยู่ไร่เป็นไหน ๆ เขาน่ะเหมาะที่จะใช้ชีวิตสุขสบายแบบนี้มากกว่า เรานั่งกินข้าวตรงข้ามกัน โซ่ผ่อนคลายมากขึ้นแล้วนะเมื่ออยู่กับผม จะว่าอย่างไรดี คืนนั้นก่อนที่เช้ามาเขาจะแอบหนีออกไปน่ะ เราได้พูดเคลียร์ปัญหาในอดีตหลายเรื่อง บางอย่างผมก็บอกได้ บางอย่างผมก็บอกไม่ได้ถ้ามันเกี่ยวเนื่องกับงานในตระกูล เมื่อมีความเข้าใจกันมากขึ้นช่องว่างระหว่างเรามันก็แคบลงมาหน่อย ฟังเหมือนจะดีใช่ไหม แต่ก็ไม่ โซ่เขาชัดเจนมากว่าไม่ต้องการให้อะไรกลับไปเป็นเหมือนเดิม เขาพูดกับผมมาคำหนึ่งว่าต่อให้เขาเผลอใจชอบผมอีกครั้งเขาก็จะไม่สารภาพรักครั้งที่สี่ เขาจะไม่สานต่ออะไรทั้งนั้น โซ่เลือกจะจัดการความรู้สึกตัวเองมากกว่าต้องมาเจ็บซ้ำซากกับผม มีเพียงสิ่งเดียวที่เราคิดตรงกัน นั่นคือเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ใครหายไปจากชีวิต เขาอยากเห็นผมเติบโตเหมือนที่ผมอยากมีเขาอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ “เออ มีอะไรจะคุยกับโซ่เหรอ?” ผมยกแฟ้มเอกสารมาวางไว้บนตัก เตรียมนำแผนประกอบการเสนอเขา “ไปดูที่ดูทางมาเป็นไงบ้าง ที่บอกจะทำร้าน สิงห์มี...” “อ๋อ เรียบร้อยแล้ว ดีลหมดแล้วเหลือแค่ตกแต่งเพิ่มนิดหน่อย ดีนะร้านอาหารเดิมที่เขาเซ้งไปมีอุปกรณ์ครบเลยไม่ต้องทำอะไรมาก” “อืม ก็ดีแล้ว” แฟ้มทั้งหมดถูกยกกลับไปวางที่เดิมด้วยความรู้สึกแย่ ความหวังเดียวของผมที่คิดจะสร้างตัวเชื่อมระหว่างเราเอาไว้มันพังหมดภายในพริบตา ผมทุ่มเทกับการช่วยเขาครั้งนี้มากนะ คิดว่าจะช่วยเขาไม่ได้มากก็น้อย พอมารู้ว่าสิ่งที่ตั้งใจทำมันไร้ประโยชน์สำหรับเขา ผมก็พูดอะไรไม่ออกเลย โซ่ไม่ผิดหรอก เขาไม่รู้ว่าผมทำอะไรให้เขาบ้าง ปัญหาของเราคือเราไม่คุยกันต่างหาก ผมรู้แต่จะให้ผมคุยกับเขาแบบไหนล่ะ ผมทำตัวไม่ถูกหรอก โซ่เองก็ใช่ว่าอยากจะคุยกับผมเสียหน่อย เราสองคนเหมือนกำลังสร้างพื้นที่ให้ตัวเองเพื่อไม่ให้ตกหลุมรักอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้นเลย “เป็นอะไร ทำไมสิงห์ทำหน้าแบบนั้น?” “ถ้าสิงห์จะชอบโซ่ สิงห์ต้องทำยังไงบ้าง” เคร้ง! ช้อนในมือโซ่หล่นกระทบจานเสียงดัง เขาเอียงหน้ามองผมอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “พูดอะไรของสิงห์ อย่าไร้สาระ ถ้าจะชอบกันสิงห์ชอบโซ่ไปนานแล้ว ตอนนี้สิงห์แค่ตื่นเต้นที่ได้ใกล้ชิดกับคนเคยสนิทเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก แค่ความรู้สึกอ่อนไหวชั่ววูบ” “แล้ว...โซ่ไม่อ่อนไหวบ้างเหรอ?” “วันแรกที่สิงห์ไปค้างที่ไร่ก็อ่อนไหวนะ ใจเต้นเลย แต่ตอนนี้ก็ไม่” “นั่นสินะ ช่วงนี้คงทำงานเยอะไปจนเหนื่อย เผลอคิดอะไรเพ้อเจ้อ” “อืม ระหว่างเราน่ะ เป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมให้ได้ก่อน” โซ่ใจแข็งมาก เขากำลังทำให้ผมเป็นบ้า! พอผมเอนเอียงความรู้สึกไปทางชอบเขา โซ่ก็เตะผมกลับมาที่จุดศูนย์กลางที่เดิม จนตอนนี้ผมเริ่มคิดตามแล้วว่าผมชอบโซ่หรือผมแค่อ่อนไหวอย่างที่เขาว่า เวลาโดนปฏิเสธอะไรกลับมาหน้ามันชาประมาณนี้เองสินะ ผมไม่เคยเป็นมาก่อน อยากระบายความอัดอั้นภายในใจออกมาชะมัดแต่ไม่รู้จะเรียบเรียงออกมาแบบไหน มันอธิบายยากไปเสียหมด รู้อย่างเดียวคือโซ่กำลังทำให้ผมเป็นบ้าแบบไม่มีเหตุผล แล้วไม่รู้ด้วยว่าเขาจะกระตุ้นความบ้าของผมให้ไปจบที่ตรงไหน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม