EP.08 ตามเฝ้า

3767 คำ
EP.08 ตามเฝ้า สามเดือนผ่านไป ช่วงเวลาสามเดือนมานี้นับได้ว่าเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ามาก โครงการเปิดใหม่หลายที่ประสบความสำเร็จทั้งหมด นับเป็นการขยับขยายอำนาจในแวดวงนักธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ ลบคำครหาทั้งหมดที่ว่าผมอยู่ได้เพราะอาศัยบารมีพ่อเติบโตอย่างเดียว ตอนนี้พิสูจน์ได้ด้วยตนเองแล้วว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะขึ้นมายืนจุดนี้ได้ ความมั่นคงที่มีเพิ่มขึ้นพร้อมกับชื่อเสียงก็มักจะตามมาด้วยพวกพ้องบริวาร ไม่ว่าใครต่อใครก็อยากเข้าหาผมด้วยหลายจุดประสงค์ บ้างก็เข้ามาเพราะเรื่องงาน อยากร่วมงาน อยากปรึกษา อยากทำความรู้จัก และก็มีบางส่วนที่เข้ามาเพราะเรื่องส่วนตัว พูดกันตามตรงก็เข้ามาเสนอตัวให้ผมนั่นแหละ ชายและหญิงหลากหลายคนชัดเจนในการกระทำเรื่องแบบนี้แบบโจ่งแจ้ง เข้ามาติดต่อผ่านคุณเฟยขอเข้ามาหาผมที่บ้าน ขอนอนด้วยคืนนี้ มีถึงขนาดยอมจ่ายเงินเพื่อขอให้ผมมีเซ็กส์ด้วย ซึ่งคุณเฟยรู้ดีว่าผมไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้า ยิ่งเป็นเรื่องแบบนี้ผมไม่เคยสนใจเลย จึงปฏิเสธสิ่งยั่วยุเหล่านั้นออกไปทั้งหมด “นายใหญ่ไม่ถูกใจใครเลยเหรอครับ การมีครอบครัวจะสร้างภาพลักษณ์น่าเชื่อถือให้มากขึ้นนะครับ นายใหญ่เคยบอกว่าจะมีครอบครัวก่อนอายุสามสิบนี่นา ตอนนี้จะยี่สิบหกแล้วยังไม่คบหาใครเลย” “เข้ามาเพราะผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ผมจะเสียเวลาชีวิตไปกับคนพวกนี้ทำไม อ่อ คุณเฟย ผมจะหยุดพักผ่อนสักอาทิตย์หนึ่งนะ คุณช่วยเลื่อนงานให้ผมด้วย” “ได้ครับนายใหญ่” “พรุ่งนี้เช้าจะไปเชียงใหม่” “อ่า นั่นสินะครับ นายใหญ่ไม่ได้เจอคุณโซ่มาพักใหญ่แล้ว คนนี้หรือเปล่าครับที่นายใหญ่ยอมเสียเวลาชีวิตด้วย” “ผมไม่ได้ชอบเขา” “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” คุณเฟยรีบจัดการโทรเคลียร์งานให้ผมในทันทีเป็นขณะเดียวกับที่ผมเซ็นเอกสารเบิกงบโครงการสุดท้ายเสร็จ สมองกลับนึกทบทวนคำพูดเมื่อครู่ที่ว่าผมไม่ได้เจอโซ่มาพักใหญ่แล้ว ก็จริงอย่างคุณเฟยว่า ผมไม่ได้เจอโซ่เลยตลอดสามเดือน เพิ่งมานึกได้ว่ามันนานเหมือนกันนะแต่พอเทียบกับการห่างหายกันไปสองปีมันก็ดูน้อยไปเลย สามเดือนมานี้เราไม่เจอกันแต่ผมยังคงส่งคนคอยดูแลเขาอยู่ตลอด คอยอำนวยความสะดวกให้คนงานในไร่อย่างสุดความสามารถ บางทีผมเผลอหลงลืมไปเหมือนกันว่าผมต้องการครอบครองที่นั่นและผมไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรให้เสียแรงเปล่ามากมายขนาดนี้เสียหน่อย น่าแปลกที่ผมไม่เคยหยิบยกเรื่องซื้อขายที่มาคุยกับโซ่อีกเลย เขาดื้อแค่ไหนผมรู้ดี รู้คำตอบที่เขาจะให้ผมมาตลอด แต่แผนงานมันล้มเลิกไม่ได้ด้วยเหตุผลแค่นี้ ผมยังคงใช้แผนเดิมที่จะซื้อใจผู้คนรอบตัวเขาเพื่อหว่านล้อมโซ่ กดดันเขา จนกระทั่งถึงวันนี้ผมว่าผมก็ซื้อใจคนงานได้มากพอสมควร ทว่ามันยังไม่พอที่จะทำให้โซ่ใจอ่อนได้หรอก ผมน่ะ ให้คนติดตามคอยดูแลเขาเพื่อที่จะได้รู้เรื่องราวของเขามากขึ้น ได้รู้การใช้ชีวิตและลักษณะนิสัยของเขาในปัจจุบันซึ่งผมรู้สึกว่าเขายังคงใจดีกับคนอื่นเหมือนเดิมยกเว้นกับผม มันเป็นสิ่งที่โซ่แตกต่างไปจากแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด และมันนำพามาสู่ความวิตกกังวลของผมเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ยิ่งผมกังวล ยิ่งผมสงสัย ผมก็ยิ่งอยากรู้ว่าโซ่จะไม่สนใจผมได้จริงหรือ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ นะ โซ่ไม่เคยถามถึงผมกับบอดี้การ์ดเลย ไม่เคยโทรมาหาผมสักสาย ขนาดว่าเราไม่เจอกันมาสามเดือนเขายังไม่คิดจะใส่ใจเลยว่าผมจะไปหาเขาเมื่อไหร่ กลับกันทุกอย่างตรงที่กลายเป็นผมเองต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากให้เขารู้ว่าผมทำอะไรอยู่ในแต่ละวัน ความรู้สึกผมมันกระวนกระวาย อยากรายงานตัวให้เขารับรู้ คุณเฟยเลยรับหน้าที่รายงานเรื่องของผมผ่านทางบอดี้การ์ดและไปบอกโซ่ทุกวัน ถ่ายรูปอาหาร ถ่ายรูปผมตอนทำงาน แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาตลอดสามเดือนคืออะไรรู้ไหม? โซ่แค่หันมามองภาพในจอโทรศัพท์มือถือของบอดี้การ์ดที่เปิดรูปที่คุณเฟยส่งไป จากนั้นก็พยักหน้ารับรู้เท่านั้นเลย ไม่ค่อยมีความเห็นอะไรกลับมา เขาทำให้ผมเป็นบ้าแบบนี้มาตลอดสามเดือนจริง ๆ บางวันผมเหนื่อยผมก็โมโหนะ แค่อยากได้กำลังใจกลับมามันยากนักเหรอวะโซ่ แค่นี้ให้กันไม่ได้หรือไง ทีเมื่อก่อนวันไหนผมเหนื่อยโซ่จะเดินเข้ามาหาพร้อมกับโกโก้ร้อนแก้วหนึ่งจากนั้นเขาจะสวมกอดผมครู่หนึ่ง ตัดภาพมาทุกวันนี้เถอะ ลำพังให้เขาอ้าปากถามถึงผมยังยากเลย ผมก็มานั่งคิดนะ ว่าที่เป็นแบบนี้คือผมชอบโซ่แล้วหรือเปล่า หรือผมแค่ต้องการเอาชนะเขากันแน่ “คุณเฟย ผมชอบแล้วยังไง ไม่ชอบแล้วยังไง?” “หมายถึงอะไรเหรอครับนายใหญ่?” “โซ่ ถ้าชอบ...แล้วต้องทำยังไง?” “ทำตามที่ใจอยากทำเลยครับ ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เขาทีละนิดเพื่อให้เขาไว้วางใจ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นายใหญ่ใส่ใจคุณโซ่มากเลยนะครับเพียงแต่มันมีอะไรบางอย่างทำให้ความสนิทสนมไม่คืบหน้า” “โซ่ดื้อ ผมยิ่งใกล้เขาก็ยิ่งหนี” “ยอมรับแล้วเหรอครับว่าชอบคุณโซ่จริง ๆ ?” “อะไร เปล่า แค่ถาม โซ่ต่างหากที่ชอบผม เขาชอบผมมากมาตลอดสิบปี” “ครับ ๆ ๆ นายใหญ่ต้องสู้นะครับ คุณโซ่เขาใจแข็งมากก็ใช่ว่านายใหญ่จะหมดโอกาสสักหน่อย น้ำหยดลงหินทุกวัน สักวันต้องใจอ่อนบ้างแหละครับ” น้ำหยดลงหินทุกวันหินบอกกลับไปเป็นเพื่อนสนิทกันให้ได้ก่อนเถอะ หึ ถ้าเปรียบโซ่เป็นหินก็เป็นหินที่หัวแข็งเอามาก ๆ ใจแข็งขนาดนี้ได้อย่างไร พูดตามตรงเลยนะ ถ้าเมื่อก่อนผมเอนอ่อนให้เขาขนาดนี้เขาดีใจตายชักแล้ว วันไหนผมพาเขาออกไปทานข้าวข้างนอกนะ โซ่จะมีความสุขเป็นพิเศษ ยิ้มตลอดเวลาแถมอ้อนผมเก่งมาก เขาเผยความดีใจอย่างปิดไม่มิดเลยล่ะ ผิดกับตอนนี้ลิบลับ ต่อให้ผมแขวนท้องนั่งรอโซ่ทานข้าวทั้งวันเขาก็ได้แต่ทำหน้านิ่ง ราวกับตอกย้ำว่าผมสมัครใจนั่งรอเองเขาไม่ได้ร้องขอ ไม่สิ เมื่อก่อนผมไม่เคยต้องรอเขาเลยสักครั้งไม่ว่าจะเรื่องอะไร ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าโซ่กับผมในปัจจุบัน ใครกันแน่ที่นิสัยเปลี่ยนไปมากกว่ากัน เราอาจจะเติบโตมากขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น แต่คิดว่าเพราะเรื่องของเราในอดีตมันไม่เป็นไปอย่างที่หวังจึงส่งผลถึงความสัมพันธ์ในปัจจุบันพอสมควร ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากให้เราเป็นเพื่อนกันได้อยู่นะ เป็นอะไรก็ได้แค่ยังมีโซ่อยู่ในชีวิตแบบนี้ก็พอ ต้องการแค่ให้เขาอยู่ในที่ที่ผมสามารถติดตามเขาได้ ยังได้รู้เรื่องราวของเขาอยู่เสมอแม้ว่าตัวผมจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นก็ตาม ดีกว่าโซ่หายไปเลยนะ จริงอยู่ที่สองปีก่อนเราหายไปจากชีวิตของกันและกันโดยที่ผมไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากนี้ผมไม่อยากให้เขาหายไปจากชีวิตผมอีก ไม่ได้ชอบนะ ก็แค่...อยากรักษาเพื่อนสนิทคนเดียวในชีวิตเอาไว้ วันต่อมา 11.45 น. รถตู้สีดำคุ้นเคยเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ไร่ เหยียบย่ำพื้นกรวดดินลูกรังมาจอดต่อท้ายรถกระบะเทียบหน้าศาลาใหญ่ ผมมองลอดหน้าต่างรถออกไปด้านนอกพบว่าในศาลามีผู้คนมากมาย มากกว่าที่ผมเคยเห็น ทุกคนใช้โต๊ะที่ผมซื้อมาไว้ให้หลายสิบตัวกางเป็นแถวเรียงกันได้หลายแถว บนโต๊ะมีอาหารมากมาย ด้านในมีหลายคนกำลังเต้นร้องรำทำเพลงกันอยู่ “คุณเฟย นี่มันอะไรกัน เขาไม่ทำงานกันเหรอวันนี้ แล้วโซ่อยู่ไหน เขารู้ไหมว่าผมจะมา?” “วันนี้ผมยังไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมจากบอดี้การ์ดสองคนนั้นเลยครับ ติดต่อไม่ได้เลย เดี๋ยวผมลงไปถามให้นะครับ” ผมพยักหน้าอนุญาตพลางมองตามหลังคุณเฟยผ่านหน้าต่าง เลขาฯ ผมเขาเป็นทุกอย่างให้ผมจริง ๆ เขาเหมือนคุณอาที่ผมสนิทใจเพราะผมเห็นเขาทำงานกับพ่อมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็กลายเป็นคนของผม บางทีก็อยู่ในบทบาทเจ้านายกับลูกน้อง แต่บางทีเขาก็ให้คำปรึกษาในฐานะผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า ใด ๆ ก็แล้วแต่ คุณเฟยเขาเป็นคนพึ่งพาได้ อีกอย่างที่สำคัญคือเขาคอยสนับสนุนเรื่องโซ่อยู่เสมอ และยังไม่ทันที่คุณเฟยจะกลับเข้ามาในรถ ผมก็เห็นรถอีกคันเคลื่อนตัวผ่านไปจึงหันมองกระจกอีกฝั่งทันที จู่ ๆ ริมฝีปากผมมันก็ยกยิ้มขึ้นมาเมื่อรู้ว่ารถคันนั้นคือรถโซ่ แล้วร่างกายผมมันก็พาตัวเองลงจากรถเพื่อเดินมาหาเขา ร่างบางเปิดประตูรถลงมาพร้อมกับเจ้าสามแสบ มะไฟ จัมโบ้ นับตังค์ ส่วนประตูหน้าทั้งสองฝั่งเป็นบอดี้การ์ดของผมเอง เมื่อพวกเขาเห็นผมก็รีบวิ่งมาค้อมตัวทำความเคารพ ส่วนโซ่น่ะเหรอ หันมายิ้มให้ผมทีหนึ่งก่อนจะไปเปิดหลังรถเพื่อเอาขนมให้เด็ก ๆ “ไปไหนกันมา ทำไมคุณเฟยบอกว่าติดต่อไม่ได้!” “ขอโทษครับนายใหญ่ พอดีผมสองคนไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวไปเลย ออกไปข้างนอกแต่เช้า” “ออกไปไหนกับโซ่ก็ไม่คิดจะแจ้งเลยหรือไง!!” บอดี้การ์ดทั้งสองคนคุกเข่าลงกับพื้น สองมือกุมกันบนตักและก้มหน้าลงต่ำ มันน่าหงุดหงิดที่เห็นลูกน้องทำงานหละหลวมขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่แจ้งการเคลื่อนไหวเลย เอาแค่การแต่งตัวตอนนี้ก่อน ไหนชุดปฏิบัติงานที่รัดกุม ไหนปืนที่ต้องคอยพกตลอดเวลาเพื่ออารักขาเจ้านาย ตอนนี้ลูกน้องผมใส่เสื้อหม้อห้อมกับกางเกงเลขาบาน หมดสภาพบอดี้การ์ดเลย “ขอโทษครับ นายใหญ่ลงโทษพวกเราได้เลยครับ” ผมกำลังจะอ้าปากต่อว่าอีกหลายคำ โซ่ดันเดินเข้ามาดึงสองคนนี้ลุกขึ้นยืนเสียก่อน “สิงห์มีปัญหาอะไร เสื้อผ้าพวกนี้โซ่ให้เขาใส่เองเพราะมันใส่สบาย จะให้ใส่สูทผูกเนคไทตลอดเวลาหรือยังไง การแต่งตัวไม่ได้ลดความสามารถในการทำงานลงนะ พวกเขาดูแลโซ่ดี” “แต่ทำงานไม่ดีไงโซ่ ไปไหนมาไหนไม่คิดจะแจ้ง” “โซ่พาเขาออกไปทำบุญแต่เช้า เลยไปซื้อของในตัวเมืองอีก พาเด็ก ๆ ไปซื้อชุดนักเรียนใหม่ด้วย ไม่ใช่แค่พวกเขาลืมโทรศัพท์หรอกโซ่เองก็ลืมเพราะเมื่อเช้ารีบมาก เกือบไม่ทันทำบุญวันเกิดตัวเองแล้ว จะเอาสติที่ไหนนึกเรื่องอื่น” “วันนี้...วันเกิดโซ่เหรอ?” “ก็ใช่น่ะสิ ไม่แปลกใจหรอกที่สิงห์ไม่รู้เพราะสิงห์ไม่เคยรู้เลยต่างหาก แล้วมีปัญหาอะไรกับพวกเขาอีกไหม?” “ไม่มี...” วันนี้วันเกิดโซ่ เป็นอะไรที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน หัวสมองขาวโพลนเพราะไม่มีความทรงจำส่วนนี้เลยจริง ๆ สิบปีที่ผ่านมาผมไม่รู้เลยว่าโซ่เกิดวันไหน เขาไม่เคยบอก ผมไม่เคยถาม และเราไม่เคยฉลองวันเกิดโซ่ด้วยกันเลย ทำไมนึกย้อนไปแล้วรู้สึกแย่ขนาดนี้นะ กลับกัน โซ่ฉลองวันเกิดให้ผมทุกปีมาตลอดสิบปี เรื่องแค่นี้ทำไมผมถึงไม่รู้วะ สิบปีผ่านมาผมทำบ้าอะไรอยู่!! “คุณสองคนไปพักเถอะ ไปฉลองกับลุงป้าที่ศาลาได้เลย วันนี้ไม่ต้องทำงาน ส่วนถ้านายใหญ่ของพวกคุณจะหักเงินคุณก็มาเก็บกับผมแทนแล้วกันนะครับ ขอบคุณมากที่เป็นธุระให้ผมตั้งแต่เช้าเลย” แน่นอนว่าผมอยู่ตรงนี้ พวกมันไม่กล้าขยับเท้าไปไหนหรอก ได้แต่ยืนก้มหน้ารอรับคำสั่งจากผมอีกที “ทำตามโซ่ว่า” สิ้นเสียงผมสองคนนี้ก็เดินตามเด็ก ๆ ไปที่ศาลา ตรงนี้จึงเหลือแค่ผมกับโซ่ เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงผมพลางยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยปอยผมทัดหูอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนจะเก็บมือกอดอกแน่น สายตาจ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “สิงห์ ทำไมผอมลง ดูซูบลงเลยนะ” “สนใจด้วยเหรอ ได้ข่าวว่าไม่เคยถามหากันสักครั้ง” “ไม่ถามก็รู้ความเคลื่อนไหวไหม สิงห์ให้คนมารายงานทุกสามชั่วโมงขนาดนี้ ไม่อยากรู้ก็ต้องรู้ แต่ที่ถามเนี่ยเพราะรู้ว่าทำงานหนักไง กลัวจะป่วย” “ป่วยใจมั้ง ตรอมใจคิดถึงโซ่” “แหวะ จะอ้วก อย่าพูดอะไรแบบนี้ได้ไหม โซ่ขนลุก สิงห์ที่โซ่รู้จักไม่เคยพูดคำน่ารักแบบนี้” “คำน่ารัก แล้วคนไม่น่ารักเหรอ?” “สิงห์!! หยุดพูดเลย ขนลุก!” โซ่ใช้สองมือลูบแขนราวกับเขากำลังขนลุกซู่อยู่จริง ๆ แต่ผมเห็นเขายิ้มผมก็ยิ้มตามไม่รู้ทำไม เมื่อร่างบางเดินเข้าไปในบ้านผมจึงจะเดินตาม ทว่าขณะเอี้ยวตัวนั้นสายตากลับเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างพุ่มไม้นอกชานบ้าน “นายใหญ่ เมื่อกี้นี้มัน...” คุณเฟยยกมือขึ้นปิดปากเหมือนกลั้นขำ ผมจึงได้แต่ทำหน้าดุใส่เขาไปทีหนึ่ง ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยมาพูดจาอะไรแบบนี้อย่างโซ่ว่านั่นแหละ ไม่เคยคิดจะพูดเลย จนเมื่อหลายวันก่อนไอ้เพลิงหลานชายตัวดีมาหาผมที่บ้านและผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์จีบสาวผมเลยจำมาใช้ ตัวเท่าลูกกรอกอย่างมันยังริจีบสาว ทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้ ลำพังพูดกับโซ่ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอคนอื่นมาได้ยินแล้วผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก ผมรีบพาตัวเองเข้ามาในบ้านเพื่อให้พ้นสายตาคุณเฟย เดินเข้าห้องนอนของโซ่ไปทิ้งตัวนอนเล่นบนเตียงเขาในขณะที่เจ้าของบ้านหายเข้าไปในครัว เฮ้อ หมอนโซ่หอมมาก กลิ่นของโซ่ที่ติดอยู่บนผ้าห่มนี่ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายชะมัด ตึก ตึก ตึก “โกโก้เหรอ?” พอเห็นโซ่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับแก้วกระเบื้องในมือผมก็รีบถามอย่างตื่นเต้น “รู้ว่าอยากกินเลยชงให้ ได้ข่าวว่ามีคนบ่นอยากกินโกโก้ฝีมือโซ่ทุกวัน” “ก็ได้แค่บ่นนั่นแหละ” “แล้วสิงห์มาที่นี่รอบนี้มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่า เห็นว่างานที่กรุงเทพฯ ยุ่งมาก ไม่คิดว่าสิงห์จะมีเวลามา หรือมีงานแถวนี้?” “เปล่า มาอยู่ด้วยสักอาทิตย์น่ะ มาเฝ้า มาพักผ่อน เออโซ่ สิงห์ยืมรถหน่อยนะจะขับไปธุระในเมือง” “อืม ได้ เติมน้ำมันให้โซ่ด้วย ขอเต็มถังนะ” ผมยังคงนั่งจิบโกโก้ร้อนรสชาติที่ผมชอบไปเรื่อย ๆ มองโซ่สวมแว่นนั่งหน้าโน้ตบุ๊ก เหมือนเขากำลังเคลียร์บัญชีอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้สนใจตรงนั้นหรอก แต่กำลังคิดอยู่ในหัวนี่ต่างหากว่าจะออกไปซื้อของขวัญวันเกิดอะไรให้โซ่ดี ถ้าผมรู้ล่วงหน้ามาก่อนผมคงเตรียมของราคาแพงให้เขาแล้ว นี่ผมดันไม่รู้อะไรเลย ยังโชคดีนะที่มาถูกวัน ยังทันที่จะซื้อของขวัญให้ “นี่ โซ่มีอะไรที่อยากได้ไหม?” “ทำไม ที่บอกจะออกไปธุระไม่ใช่ว่าจะไปหาซื้อของขวัญวันเกิดให้โซ่นะ เอ๊ะ หลบตาทำไม ใช่จริงด้วย!” เบื่อคนรู้ทันว่ะ มีสักครั้งไหมที่โซ่จะตามผมไม่ทัน ไม่เคยเลย เขาเดาทางผมออกตลอด “แล้วอยากได้อะไรล่ะ จะหามาให้” “คิดไม่ออก ไม่รู้สึกอยากได้อะไรที่เป็นสิ่งของเลย แค่อยากให้คนในไร่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอ ให้กิจการทุกอย่างรุ่งเรือง ถือเป็นการขอพรไหมนะ สิงห์บันดาลให้โซ่ไม่ได้อยู่ดีแหละ ที่จริงไม่ต้องซื้ออะไรให้โซ่ก็ได้นะแค่อยู่ฉลองด้วยกันก็พอแล้ว สิงห์ไม่เคยฉลองวันเกิดให้โซ่เลย” น้ำเสียงของโซ่ดูเศร้าเล็กน้อย เขาคงรู้สึกแย่เหมือนที่ผมรู้สึก เมื่อก่อนผมละเลยโซ่มากเกินไปจริง ๆ จนมาตอนนี้ผมไม่รู้จะชดใช้ความรู้สึกพวกนี้อย่างไรดี มีอะไรให้ผมพอจะแก้ตัวได้บ้างไหม “อย่างอื่นล่ะ มีอะไรที่อยากได้อีก ลองพูดมา” “อยากได้ความรักดี ๆ สิงห์ให้ได้ไหม?” “ได้” โซ่หันมาถามผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงติดเล่นเหมือนเขาไม่ได้คาดหวังคำตอบ แต่ผมกลับตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำให้โซ่หุบยิ้มลง เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่ต่างฝ่ายต่างเบือนหน้าหนี ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมปากมันตอบออกไปไวราวกับไม่ผ่านกระบวนการคิด “แปลกใจจัง สิงห์ใจดีกับโซ่ขึ้นเยอะเลยรู้ตัวไหมเนี่ย เป็นเมื่อก่อนถ้าโซ่พูดทีเล่นทีจริงแบบนี้สิงห์ไม่ตอบหรอก ไม่บ่นว่าไร้สาระก็เดินหนีเพราะรำคาญ ขอโทษที่พูดเรื่องเก่าอีกแล้วแต่มันอดเปรียบเทียบไม่ได้จริง ๆ” “แล้วเมื่อไหร่โซ่จะกลับไปชอบสิงห์เหมือนเมื่อก่อน” “เหอะ มันไม่มีครั้งที่สี่หรอกสิงห์ กลับไปชอบน่ะมันทำง่าย แต่ตอนตัดใจน่ะมันทำยาก ถ้ากลับไปเจ็บอีกโซ่รับไม่ไหวแล้ว รอบนี้โซ่ตายแน่” รอบก่อนเขาก็พูดแบบนี้ ซึ่งโซ่ไม่ผิดเลยที่โซ่จะกลัวความเจ็บปวดเพราะเขาเป็นฝ่ายรับมันมาตลอด ผมเข้าใจทุกอย่างและพยายามจะไม่พูดถึงอดีต เมื่อไหร่ที่เขาพูดเรื่องเก่าผมมักจะเบี่ยงประเด็นเสมอ “อะไรอีก ที่อยากได้น่ะ” “อืม...มีอีกอย่างที่อยากได้มาก แบบเป็นความฝันสูงสุดเลยนะ คือโซ่อยากมีลูก” “ได้สิ รับเลี้ยงสักคนก็ได้” “ไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นความคิดเพ้อเจ้อนะ แต่โซ่อยากตั้งครรภ์เลยอะ แบบมีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้อง” “ไหวเหรอ ตัวโซ่เล็กแค่นี้จะอุ้มเด็กอีกคนได้ยังไง ถ้าอยากมีคงต้องขุนให้อ้วนกว่านี้หน่อยจะได้ไม่ลำบาก” “สิงห์ไม่ตลกความคิดโซ่เหรอ?” “ไม่นี่ มันเป็นสิ่งที่โซ่ชอบ โซ่อยากมี สิงห์จะตลกทำไม” “ดีจัง ไปพูดกับใครเขาก็ว่าโซ่เพ้อเจ้อทั้งนั้น โซ่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่มันคือความฝันสูงสุดไง ยกไว้ให้อยู่สูงสุดเพราะมันเป็นไปไม่ได้นี่แหละ” มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ผมเชื่ออย่างนี้มาตลอดเพราะแม่ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ พ่อผมสร้างองค์กรวิจัยและห้องทดลองให้แม่ ลงทุนงานทดลองของแม่ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้านบาท หลายอย่างที่ไม่คิดว่าสามารถทำได้แต่มันก็ทำได้ แล้วเรื่องที่ว่าผู้ชายสามารถตั้งครรภ์ได้เนี่ย ผมเหมือนเคยเห็นว่ามีการคิดค้นอยู่เมื่อหลายปีก่อน แต่ผมไม่ได้ดูแลส่วนขององค์กรเลยไม่รู้ความคืบหน้า คงต้องเข้าไปดูสักหน่อยแล้ว “แต่ก่อนที่โซ่จะมีลูกอะ ต้องมีผัวก่อนนะ” “ทำไม จะเป็นผัวให้โซ่หรือไง” “ได้ไหมล่ะ” “สิงห์ วันนี้สิงห์น่ากลัวมาก เวลาโซ่พูดทีเล่นทีจริงไม่ต้องตอบกลับมาก็ได้ ขนลุกอะ” “มาเฝ้าโซ่หลายวันก็เตรียมตัวรับมือไว้ได้เลย” โซ่เอื้อมมือมาเขกหัวผมทีหนึ่งก่อนจะกลั้วหัวเราะ ดีจังที่ไม่ว่าเราจะไม่เจอหน้ากันกี่เดือนทว่าเมื่อผมมาหาเขา โซ่ไม่มีทีท่าเกร็งเลยแม้แต่น้อย วันนี้ยิ้มบ่อยไม่รู้เพราะเป็นวันเกิดหรือเพราะเจอหน้าผมกันแน่นะ สังเกตได้อย่างหนึ่งคือเราจะคุยกันดีมากก็ต่อเมื่อผมเข้าหาโซ่ก่อนด้วยความใจเย็น โซ่เป็นคนที่ไม่ชอบทำตามคำสั่ง เมื่อไหร่ที่ผมเผลอใช้คำสั่งเขาจะต่อต้านทันที เมื่อไหร่ที่มีแค่ผมกับโซ่ภายในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้มันดีเสมอเลยเนอะ ไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลใจ เราก็นั่งคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันไปเรื่อย ๆ พร้อมกับโกโก้แก้วโปรด จะว่าไปความต้องการของโซ่แต่ละอย่างผมคงหาซื้อให้ไม่ได้ในตัวเมืองเชียงใหม่แน่นอน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมคงหาซื้ออะไรแก้ขัดไปก่อนพร้อมกับเค้กหนึ่งก้อนก็พอ ไว้กลับไปกรุงเทพฯ จะหาของขวัญชิ้นใหญ่ให้ย้อนหลัง อ้อ แล้วผมควรจำใส่หัวไว้เลยว่าโซ่เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม End Talk’s
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม