EP.09-01
ใกล้ชิด
SOH Talk’s
ความรู้สึกประหลาดบางอย่างก่อตัวขึ้นทันทีหลังจากที่สิงห์ขับรถของผมออกไปจากไร่ เขายอมรับออกมาว่าจะไปหาของขวัญวันเกิดให้ผม แล้วผมก็ดันคาดหวังขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ความคาดหวังในที่นี้มันไม่ใช่อาการดีอกดีใจที่เขามีบทบาทในวันเกิดผมอะไรหรอกนะครับ มันมีความสงสัยใคร่รู้เต็มไปหมดต่างหาก
อย่างแรกเลยนะ ผมเดาไม่ถูกว่าสิงห์จะซื้ออะไรให้ผม มั่นใจว่าเขาไม่รู้หรอกว่าผมชอบหรือไม่ชอบสิ่งของอะไร และคนอย่างเขาไม่ซื้อของถูกแน่ พอเป้าหมายแคบลงผมจึงมาคิดต่ออีกหน่อย ในตัวเมืองเชียงใหม่มีอะไรที่แพงและเป็นสิ่งที่ผมชอบบ้างนะ แล้วเขาขับรถออกไปคนเดียวไม่เอาลูกน้องคอยติดตามไปด้วยสักคน มันกลัวความลับรั่วไหลขนาดนั้นเลยหรือไง
“คุณโซ่ไม่ให้คนมาแจ้งผมหน่อยล่ะครับว่าวันนี้วันเกิด ผมจะได้บอกนายใหญ่ให้ ถ้าเขารู้ก่อนเขาต้องเตรียมของดี ๆ ให้คุณแน่”
“มันอยู่ที่ความใส่ใจครับ คนในไร่รู้และจัดงานให้ผมเองโดยที่ผมไม่ได้บอกล่วงหน้าเลยแต่ทุกคนจำได้ ส่วนบอดี้การ์ดสองคนนั้นเขาเพิ่งรู้ตอนผมชวนเข้าเมืองเมื่อเช้านั่นแหละ”
“อ่า นายใหญ่อาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ครับเขาเลยเลือกมาหาคุณวันนี้ไง คอยดูนะครับ เขาต้องหาซื้อของขวัญได้ถูกใจคุณแน่นอน อีกอย่างที่เขาไม่เตรียมของขวัญมาให้เพราะเขายุ่งมาก งานเขาเยอะจริง ๆ”
“ฮ่า ๆ คุณเฟย คุณไม่ต้องแก้ตัวให้เขาหรอก ผมรู้จักสิงห์มาสิบปีและผมรู้ดีว่าเขาไม่รู้วันเกิดผมแน่นอน”
“ความสัมพันธ์ของพวกคุณมันซับซ้อนจังเลยนะครับ”
“คุณทำอย่างกับไม่รู้เรื่องผมกับสิงห์ เคยทำงานกับพ่อเขานี่ครับ พ่อสิงห์ยังรู้เลยว่าผมอยู่กับสิงห์มาตลอดแต่คุณไม่รู้ได้ยังไงกัน บางทีผมแอบคิดนะครับว่าที่พวกคุณมาทำแบบนี้มันเป็นแผนการของพ่อเขาทั้งหมดที่วางไว้อยู่แล้ว”
ผมมองคุณเฟยด้วยสายตาจับผิด เขาคีบน้ำแข็งลงแก้วให้ผมก่อนจะรินน้ำอัดลมเติมให้ ทำไมท่ามกลางงานสังสรรค์แบบนี้ผมถึงต้องมานั่งจับพิรุธคนอื่นด้วยนะ ถึงอย่างนั้นคุณเฟยกลับไม่มีทีท่าแปลกไปแม้แต่น้อย
“ถ้าเป็นแผนของนายใหญ่คนเก่า คงไม่ยืดเยื้อการซื้อขายที่ให้เสียเวลามาเกือบครึ่งปีแบบนี้หรอกครับคุณโซ่ อีกอย่างผมทำงานก็ดูแลเฉพาะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวรวมถึงการจัดการคนในครอบครัวเจ้านายผมไม่ยุ่งอยู่แล้วถ้าไม่มีคำสั่ง”
“ก็จริงของคุณ แต่ทุกอย่างมันยืดเยื้อขนาดนี้เพราะสิงห์สินะ เขาไม่ตัดใจสักที ผมบอกแล้วว่ายังไงก็ไม่ขายที่นี่เด็ดขาด”
“คุณโซ่คิดว่าเขาอยากได้ที่อย่างเดียวเหรอครับ ไม่คิดว่าเขาชอบคุณขึ้นมาจริง ๆ บ้างเหรอ นายใหญ่ของผมน่ะ”
“นั่นเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะนึกถึงเลยครับคุณเฟย เขาแค่โตขึ้น ใจดีขึ้น ยิ้มให้ผมบ่อยขึ้น มันยังลบล้างเรื่องในอดีตไม่ได้หรอก ผมจำฝังใจนะ”
“ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องในอดีตของคุณกับนายใหญ่หรอกครับ เขาไม่เคยบอก รู้แค่ตอนนี้เขาชอบคุณโซ่กว่าใครเลย”
“เฮ้อ สิงห์จ้างคุณมาอวยเขาหรือไง จ้างมากี่บาท ผมจ้างสองเท่าให้หยุดพูดได้ไหม อีกอย่างที่เขาเป็นทุกวันนี้ถ้าคุณคิดว่ามันคือการแสดงออกว่าชอบผมน่ะ จะบอกให้ว่ามันยังไม่ได้เสี้ยวหนึ่งที่ผมเคยแสดงออกกับเขาเลยครับ”
คุณเฟยดูจนใจที่จะต่อปากต่อคำกับผมต่อ เขาขอตัวไปนั่งกับลูกน้องทั้งสองคนอีกโต๊ะหนึ่ง เหลือแค่ผมคนเดียวที่นั่งดื่มน้ำอัดลมไป กินขนมไป สายตากวาดมองรอบศาลาดื่มด่ำรอยยิ้มและเสียงเพลงจากคนงานในไร่ที่แสดงความสุขในงานรื่นเริงครั้งนี้อย่างเต็มที่
วันนี้น่ะ ทุกคนหยุดงานกันหมดเลยนะ เด็กก็ปิดเทอมแต่ไม่มีใครมาตั้งแต่เช้านอกจากสามแสบ มะไฟ จัมโบ้ นับตังค์ สามคนนี้มานอนกับผมตั้งแต่เมื่อคืน ตามปกติวันนี้ผมจะมีสอนพิเศษให้เด็ก ๆ ทั้งสามคนจึงมานอนด้วยเป็นปกติ แต่วันนี้ไม่มีเรียนผมจึงพาออกไปข้างนอกด้วยกันเสียเลย
ผมน่ะชอบเด็กมากเลยนะครับ เด็กที่เป็นลูกคนงานในไร่มีหลายคนที่ผมส่งเสียเลี้ยงดูสำหรับครอบครัวที่ค่าใช้จ่ายไม่พอจุนเจือลูกหลาน บางบ้านมีลูกหลายคน พี่คนโตเรียนมหาวิทยาลัย คนกลางเรียนมัธยมฯ คนเล็กเรียนประถมฯ ผมก็จะดูแลส่วนของคนเล็กให้
ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ หลัก ๆ ก็เจ้าสามแสบนี่แหละ ส่วนคนอื่นผมก็จะซื้ออุปกรณ์การเรียนแจกจ่ายให้กับทุกคน หรือถ้ามีอะไรขาดเหลือผมพร้อมสนับสนุนเต็มที่
ที่ผมบอกว่าอยากมีลูกน่ะไม่ได้เกินจริงเลยนะ ขนาดลูกคนอื่นผมยังอยากดูแล เป็นห่วงคุณภาพชีวิตเขา คอยสรรหาสิ่งที่ดีมาให้แต่ต้องยอมรับว่าบางทีไม่สามารถตามใจตัวเองได้ทั้งหมดหรอก เขาไม่ใช่ลูกเรา จะทำอะไรย่อมต้องเกรงใจพ่อแม่ที่แท้จริงก่อนสิ่งใด ผมจึงดูแลพวกเขาตามขอบเขตที่เหมาะสม ซึ่งอดคิดไม่ได้ครับถ้าวันหนึ่งผมมีลูกของตัวเองขึ้นมาจริง ๆ มันจะดีแค่ไหนกันนะ
การรับเลี้ยงเด็กสักคนมาเป็นลูกบุญธรรมก็เรื่องหนึ่งที่คิดไว้ในอนาคตว่าคงทำแน่นอน ผมไม่สามารถมีภรรยาเพื่อให้อุ้มท้องลูกของผมได้ สิ่งนี้ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ
เฮ้อ เลิกกังวลสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเถอะครับ วันนี้วันดีนะ วันเกิดผมทั้งที อุตส่าห์ตื่นมาทำบุญให้พ่อกับแม่แต่เช้า แถมพาสามแสบออกไปซื้อของมาเต็มเลย อ่า นึกถึงก็กรูกันวิ่งเข้ามาหาผมพอดี
“น้องมีหยังจะหื้ออ้ายตวย” (น้องมีอะไรจะให้พี่ด้วย)
ผมยกขาขึ้นไขว่ห้างพลางกอดอกทำท่าครุ่นคิด มองเด็กสามคนไขว้มือไว้ด้านหลังด้วยความสงสัย
“มีอะไรจะให้พี่โซ่น้า...อืม...ของขวัญวันเกิดพี่แน่เลย”
“แม่นแล้ว อ้ายลับต๋าก่อน” (ใช่แล้ว พี่หลับตาก่อน)
“ยื่นมือออกมาตวย เอามือซ้ายเน้อครับ” (ยื่นมือออกมาด้วย เอามือซ้ายนะครับ)
ผมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เปลือกตาปิดลงพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือซ้ายถูกยื่นออกไปตามคำขอ เพียงครู่หนึ่งนิ้วนางข้างซ้ายของผมก็โดนวัตถุแข็งครอบเข้ามาจนถึงโคนนิ้ว ข้อมือถูกบางอย่างรัดไว้หลวม ๆ และบนศีรษะก็มีบางอย่างวางทับลงมา มันเบามากจนผมเดาไม่ถูกแต่ไม่ใช่หมวกแน่ ๆ ส่วนที่มือคงไม่พ้นแหวนและกำไล
“พี่ลืมตาได้ยัง?”
“อื้อ ลืมเลย ๆ คิก ๆ ๆ”
เสียงหัวเราะคิกคักของเด็ก ๆ ช่างน่ารัก ผมลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ก้มมองที่มือซ้ายพบแหวนลายการ์ตูนขนาดที่หลวมกว่านิ้ววงหนึ่ง และกำไรโซ่พลาสติกหลากสีสันที่ข้อมืออีกเส้นหนึ่ง
“น่ารักจังเลยยยย แล้วบนหัวพี่คือ?”
“มงกุฎ!”
ผมคว้ามงกุฎที่ว่าลงมาดูทันที มันคือมงกุฎพระราชาที่เป็นพลาสติกบางสีทองนั่นเอง เมื่อรู้ว่าคืออะไรผมก็ใส่ไว้เหมือนเดิม จากนั้นทั้งสามคนก็โผเข้ากอดผมแน่น กอดไปกระโดดไปอย่างกับลูกลิง
“ขอบคุณมากนะครับเด็ก ๆ พี่โซ่ชอบของขวัญมากเลย พี่จะเก็บไว้อย่างดีแน่นอน”
เมื่อพูดจบคุณเฟยก็เข้ามาถ่ายรูปผมกับสามแสบเอาไว้ เขาชมเปราะว่าน่ารัก จากนั้นก็มีลุงป้าแถวนั้นพูดเสริมทัพว่าผมเป็นพ่อทูนหัวของสามแสบ สนิทกันมาก ซึ่งก็จริงอย่างที่ว่า แต่เชื่อเถอะครับว่าถ้าพวกเขาโตขึ้นอีกหน่อยความสนิทคงลดน้อยลงแล้ว เด็กย่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น เมื่อถึงวันนั้นผมคงคิดถึงวัยเยาว์ของพวกเขาแย่เลยเนอะ
เวลาผ่านไปพักใหญ่ รถยนต์ของผมก็เคลื่อนตัวผ่านศาลาไปจอดที่หน้าบ้านพักหลังกะทัดรัด ผมรีบเดินตามไปทันทีเพราะสิงห์เข้าเมืองนานมากเลย ออกไปตั้งแต่บ่าย กลับมาอีกทีเกือบหกโมงเย็น ลำพังแค่ออกไปซื้อของมันจะนานอะไรนัก
“ที่ศาลาคนไปไหนกันหมด คุณเฟยกับลูกน้องสิงห์ล่ะ?”
เปิดประตูรถออกมาได้เขาโพล่งถามผมก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เดินมาเปิดประตูด้านหลังเพื่อหยิบถุงใส่เค้กยี่ห้อดังและซองเอกสารสีน้ำตาลที่มีลักษณะนูนหนาสองซองออกมาด้วย
“ลุงป้าเมากันตั้งแต่หัววัน กลับไปพักหมดแล้ว ลูกน้องสิงห์เข้าไปนอนในเต็นท์แล้ว คุณเฟยนี่ดื่มไปหน่อยเดียวคอพับเลย”
“ไม่ไหวเลยแต่ละคน นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดโซ่ได้เจอดีแน่ วันนี้ปล่อยผีไปวันหนึ่งแล้วกัน”
หน้าชานบ้านผมจากที่มันเคยโล่งกว้าง เมื่อไหร่ถึงเวลานอนของบอดี้การ์ดเขาก็จะกางเต็นท์ใหญ่นอนกันจนเต็มพื้นที่ ตอนนี้มีคุณเฟยมาอีกจึงต้องกางอีกเต็นท์หนึ่งเพื่อแยกนอน เรียกได้ว่าไม่มีทางเดินเลยครับผมจึงต้องพาสิงห์เข้าทางประตูหลังบ้านแทน
แต่จะว่าไปนะ จู่ ๆ ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นสิงห์ถือถุงเค้กแบบนี้ จริงอยู่ที่เห็นแล้วว่าอะไรคืออะไรมันจึงไม่เซอร์ไพรส์ ทว่ามันเป็นภาพแปลกตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน นี่สิงห์ถือเค้กของผมในวันเกิดผมเลยนะ เขาขับรถออกไปซื้อด้วยตัวเองเลยทั้งที่คนอย่างเขาแค่กระดิกนิ้วสั่งก็ได้ดั่งใจทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง
“ออกไปนานจัง ไปไหนมาบ้างเนี่ย”
“ซื้อของให้ไม่ได้ ไม่รู้จะซื้ออะไรให้”
“ก็ได้เค้กมาแล้วนี่ไง พอแล้ว”
“เค้กต้องซื้อให้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ของเลยให้เป็นอันนี้แทนแล้วกัน”
สิงห์ยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ตรงหน้า ผมจึงรีบคว้าแล้วเปิดซองดูอย่างรวดเร็ว พอเห็นของข้างในก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เลย
“กี่บาทเนี่ย?”
“สองล้าน ให้วันเกิดนะ เอาไว้ใช้ ไม่รู้จะซื้ออะไรให้เลยเอาเงินให้โซ่ไปซื้อเองแล้วกัน พอไหมล่ะ?”
“ถ้าบอกไม่พอแล้วจะให้เพิ่มเหรอ?”
“จะเอาอะไรพูดมา แต่แค่โซ่มีสิงห์ก็เหมือนมีทุกอย่างแล้วนะ จะอยู่กับโซ่ไปแบบนี้แหละ”
“ก็ไม่ได้ขอให้อยู่นะ”
“จะอยู่”
เงินสองล้านที่ได้มาผมรีบเอาไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าทันที ไม่เกี่ยงงอนทำเป็นเกรงอกเกรงใจไม่กล้ารับอะไรทั้งนั้น เงินทองผมรับหมดแหละครับ อะไรที่ได้จากสิงห์มันควรค่าแก่การเก็บรักษานะ เพราะผมไม่เคยได้
“จะอยู่ทำไม โซ่ไม่มีอะไรให้สิงห์หรอกนะ อยู่รออะไร?”
“รอเป็นผัว”
“สิงห์!!”
ตกใจมากที่เขาพูดแบบนี้ออกมา ผมเผลอถลึงตาพร้อมขึ้นเสียงใส่แต่สิงห์ไม่ตกใจเลย เขายิ่งเผยยิ้มกว้างกว่าที่เคยเป็นจนเห็นเขี้ยวหมาคมกริบของเขาซึ่งนานทีผมจะได้เห็นมัน เขาไม่เคยยิ้มกว้างให้ผมจนเห็นเขี้ยวหรอกครับ ยิ้มยากจะตาย แต่ยิ้มง่ายต่อเมื่อคุยธุรกิจกับคนอื่น