“ว่าแต่คุณมีธุระอะไรรึเปล่า” ธาวินเริ่มเปิดบทสนทนาด้วยการวางมาดนิ่ง
“พี่ตะวันฝากเช็คมาให้คุณน่ะค่ะ” เธอเอ่ยพร้อมกับวางเช็คเงินสดค่าตกแต่งบ้านและสวนไว้บนโต๊ะของเขา
“แค่นี้เหรอครับธุระของคุณ อันที่จริงฝากคนอื่นมาให้ผมก็ได้นี่ครับ แล้วที่ถืออยู่นั่นใช่แฟ้มของผมรึเปล่า?” ธาวินเอ่ยถามอย่างสงสัย พลางจ้องมองไปที่แฟ้มเอกสารตรงหน้า
“อ๋อ ลืมไปเลย” มือเล็กรีบยื่นแฟ้มให้ธาวิน “ฉันเปิดดูหมดแล้วนะคะ สวยทุกแบบเลย”
“ขอบคุณครับ” มือหนารับแฟ้มมา ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าหวานด้วยความสงสัย เหมือนเธอมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา แต่ก็ไม่ยอมปริปากพูดออมาสักที “ทานอะไรหน่อยไหมครับ”
“ขอแค่น้ำเปล่าก็พอค่ะ” วรารีรีบตอบรับในทันที เธออยากจะให้ธาวินเดินออกไปจากตรงนี้สักครู่ เพราะการที่ถูกสายตาคู่นั้นจ้องมองนานๆ มันทำให้เธอคิดหาคำพูดไม่ออก ไม่นานร่างสูงก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ธาวินนั่งลงที่เดิมพลางจ้องมองเธออีกครั้ง วรารีถึงกับประหม่าจนรีบยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบโดยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไรดี
“คุณไปหาผมที่บริษัทมาเหรอครับ” ธาวินเป็นฝ่ายชวนคุย
วรารีลอบถอนใจอย่างโล่งอก “ค่ะ แล้วทำไมคุณถึงไม่ไปทำงานล่ะคะ?”
“พอดีผมไม่ค่อยสบายน่ะ”
“จริงเหรอคะ เป็นอะไรมากรึเปล่า” ร่างบางรีบโน้มตัวไปหาคนตรงหน้าในทันที พร้อมกับใช้หลังมืออังที่หน้าผากของเขาเพื่อดูอาการ การกระทำของวรารีเป็นผลให้หัวใจของธาวินเต้นแรงอีกครั้ง ชายหนุ่มถึงกับนั่งตัวเกร็งพลางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างทำอะไรไม่ถูก
หลังจากที่วรารีใช้หลังมืออังที่หน้าผากและต้นคอของธาวินจนพอใจ ร่างบางถึงกับผงะ เมื่อสายตาของเขาจ้องมาที่เธอเขม็ง
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ พอดีพิมลืมตัวนึกว่าคุณเป็นพี่ตะวันน่ะค่ะ” หญิงสาวถึงกับพูดตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้จะแก้ตัวกับการกระทำของเธอเมื่อครู่นี้อย่างไรดี ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เธอกลับแสดงความเป็นห่วงเขาออกนอกหน้า
“เมื่อกี้ผมรู้สึกดีมาก ขอบคุณนะครับ”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา หัวใจของเขายังสั่นไหวไม่ยอมหยุด นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ ตั้งแต่ที่เลิกกับนิศาไป ธาวินก็จมอยู่กับความรู้สึกผิด เลิกทุกสิ่งที่เคยทำมา และจมปลักกับความผิดพลาดของตัวเอง หัวใจเจ็บช้ำของเขามันถูกปิดตายไปนานแล้ว ทว่าวรารีอาจจะมีกุญแจมาไขประตูที่ถูกปิดตายนั้นก็ได้ เขาจึงรู้สึกหวั่นไหวได้มากขนาดนี้
“จริงๆ แล้วที่มาวันนี้เพราะฉันอยากให้คุณเจสกลับไปทำงานเหมือนเดิมค่ะ” ในที่สุดเธอก็กล้าพูดในสิ่งที่คิดออกมาสักที “เรื่องวันนั้นพิมไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว กลับมาร่วมงานกันเหมือนเดิมนะคะ” วรารีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางจ้องมองธาวินเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ
“ดีใจที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้นะครับ แต่ผมคงไม่รับงานนี้แล้ว”
“ทำไมล่ะคะ” ใจดวงน้อยพลันกระตุกทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เธอกำลังถูกเขาปฏิเสธหรือนี่
“ผมรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ทำลงไป จนไม่กล้าร่วมงานกับคุณแล้วครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเจื่อนลง ธาวินไม่กล้าแม้กระทั่งสบหญิงสาวอีก สิ่งที่เขาได้ล่วงเกินเธอ พูดจาไม่ดี แถมยังทำให้เธอต้องเจ็บตัวอีก เขาไม่ควรได้รับการให้อภัยจากเธอเลยด้วยซ้ำ
“แต่พิมไม่ได้โกรธอะไรคุณเลยนะคะ วันนั้นพิมตั้งใจจะรั้งคุณไว้ด้วยซ้ำ อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ” เธออยากจะให้เขาลืมสิ่งที่ผิดพลาดของตัวเองสักที เพราะเธอเองก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเช่นเดียวกัน
“ทำไมคุณถึงอยากให้ผมกลับไปมากขนาดนี้ครับ” ธาวินจ้องไปยังนัยน์ตาคู่สวยของวรารีอยู่นาน จนกระทั่งเธอตอบคำถามที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงอีกครั้ง
“พิมรู้สึกดีกับคุณตั้งแต่วันแรกค่ะ คำพูดของคุณทำให้พิมรู้สึกดีขึ้นมาก เพราะฉะนั้นคุณช่วยอยู่ข้างๆ พิมจนกว่างานจะเสร็จได้ไหมคะ” ใบหน้าของวรารีเริ่มเห่อแดงขึ้น เล่นเอาชายหนุ่มอดขำออกมาไม่ได้
“ครับ กลับมาร่วมงานกันก็ได้” ทันทีที่ธาวินพูดจบ หญิงสาวก็ถึงกับยิ้มแก้มปริแบบไม่คิดจะเก็บอาการ “แต่ว่า”
“ว่าอะไรคะ?” วรารีหุบยิ้มทันที พลางจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายอย่างเฝ้ารอคำตอบ
“ผมไม่รับประกันนะครับ ว่าจะมีแค่เรื่องงาน” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ในขณะที่ใบหน้าสวยของใครอีกคนเริ่มแดงระเรื่อเพราะเขินอาย สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จนธาวินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “เอ..น้องสาวผมทำไมไปนานจัง” พูดยังไม่ทันขาดคำหญิงสาวร่างเล็กก็รีบเปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมกับถือถุงกับข้าวเต็มไม้เต็มมือ
“หนูมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าคะเนี่ย” ดารินเอ่ยแซว เล่นเอาคนทั้งสองถึงกับปั้นหน้านิ่งๆ เพื่อกลบเกลื่อน
“ไม่ต้องพูดมากเลยนะเดียร์ แล้วทำไมไปซะนานเชียว” ธาวินทำหน้าดุน้องสาว แทนที่หญิงสาวจะทำหน้าเศร้ากลับฉีกยิ้มอย่างชอบใจ เธอไม่เห็นโมเม้นน่ารักของพี่ชายแบบนี้มานานแล้ว พี่สาวคนนี้คงจะมีอิทธิพลต่อพี่ชายไม่น้อย เมื่อคิดได้ดังนั้นแผนการรักก็ผุดขึ้นมาในหัวของดารินในทันที