“ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใครฟรี ๆ”
สิ้นคำพูดนั้น สิบทิศปล่อยแขนฉันแล้วเดินเข้าหาเดย์กับเจสันทันที เขาตรงเข้าไปกระชากไหล่เดย์ รั้งเขาให้ลุกขึ้นจากร่างหมดสภาพของเจสัน เดย์มีท่าทางขัดขืน เขาสะบัดสิบทิศ เงื้อหมัดจะต่อย แต่สิบทิศรู้ทันหมุนตัวหลบล็อกแขนเดย์ไว้ด้านหลัง
“หายบ้าหรือยังไอ้เวร” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถาม เดย์หอบหายใจแรง ๆ สะบัดหัวสองสามทีก่อนมองสิบทิศ
“เออ โทษทีมึง กูหน้ามืดไปหน่อย” พอเห็นว่าเดย์ได้สติแล้ว สิบทิศจึงปล่อยมือเขา เดย์สะบัดแขนแรง ๆ พลางบิดไปมา
“เละขนาดนี้ ไม่หน่อยแล้วมั้ง”
สภาพของเจสันตอนนี้ใช้คำว่าเละคงถูกต้องแล้ว เขาหมดสติเนื้อตัวมอมแมม หน้าตาเขียวช้ำ มุมปาก หางตา หัวคิ้ว มีเลือดซึมออกมาน่ากลัว ไม่คิดเลยว่าเดย์จะแรงเยอะขนาดนั้น
ฉันละสายตาจากภาพน่ากลัวของเจสันมองไปทางร่างสูงทั้งสองและเห็นว่าสิบทิศกำลังมองมาทางฉันอยู่ เดย์มองตามสายตาสิบทิศ พอเห็นหน้าฉัน เขาทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“ควีน…” ฉันเผลอถอยหลังหนีเขาด้วยความลืมตัว เดย์ชะงักไป เขาหยุดยืนห่างจากฉันสองสามก้าว ไม่กล้าเข้ามาใกล้กว่านั้น สายตาดุดันยามทำร้ายเจสันเมื่อครู่เวลานี้ทอประกายเศร้าออกมา “เธอกลัวฉันเหรอ”
ฉันหลุบตามองมือของเดย์ที่เปรอะเปื้อนเลือดทั้งสองข้าง ปลอบใจตัวเองไม่ให้หวาดกลัวเขา เพราะที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อปกป้องฉัน แต่อาการแพนิคที่มันฝังลึกในใจของฉันมันกลับต่อต้านเขา
“มะ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้กลัว นายปกป้องฉันนะเดย์” ถึงปากฉันจะพูดแบบนั้น แต่ร่างกายมันกลับตอบสนองอีกแบบ มันสั่นเทาจนฉันนึกโกรธตัวเอง “ขอโทษนะ… ฉันแค่แพนิคนิดหน่อยน่ะ”
ฉันไม่เคยเล่าเรื่องความรุนแรงในวัยเด็กของตัวเองให้เดย์ฟัง เขาจึงไม่เคยรู้เรื่องที่ฉันมีอาการแพนิคเวลาเห็นการใช้ความรุนแรง เดย์รู้เพียงแค่เรื่องที่ฉันป่วยซึมเศร้าและต้องทานยาสม่ำเสมอเท่านั้น
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” เดย์พึมพำเสียงเบา ฉันเงยหน้ามองเขา ความรู้สึกผิดแล่นวาบเข้ามาในหัวใจ อยากจะเข้าไปกุมมือเขา เข้าไปกอดเขา แต่ก็ทำไม่ได้…
“เดย์…”
“ไอ้สิบ” เดย์ละสายตาไปจากฉัน แววตาเจ็บปวดหันมองเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา “กูฝากมึงไปส่งควีนหน่อยได้ไหม?”
อะไรนะ… เดย์ขอให้สิบทิศไปส่งฉันงั้นเหรอ…
“ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” ฉันรีบปฏิเสธทันที
“ไม่ได้ เธอกลับคนเดียวในสภาพแบบนี้ไม่ได้ ฉันเป็นห่วง” เดย์ตอบเสียงจริงจัง ก่อนหันไปมองสิบทิศอีกครั้ง “กูฝากมึงหน่อย เดี๋ยวกูอยู่จัดการเรื่องไอ้เหี้ยนี่ทางนี้เอง”
สิบทิศมองไปทางเจสันที่ยังนอนสลบอยู่บนพื้น ก่อนมองมาทางฉันนิ่ง ๆ แววตาเขาเฉยชาจนเดาอารมณ์ไม่ถูก
“เออ” คำตอบสั้น ๆ ไร้อารมณ์มาพร้อมกับสายตาเย้ยหยันที่มีเพียงฉันที่ได้เห็น นั่นสิบทิศจงใจเย้ยหยันฉันใช่ไหม?
“เดย์ ฉันกลับแท็กซี่เองก็ได้” ฉันยังคงไม่ละความพยายาม เพราะไม่อยากไปกับสิบทิศ แต่เดย์กลับไม่รับฟัง เขาหันหลังเดินไปทางเจสัน เหมือนจงใจหลบหน้าฉัน
“ไปได้แล้ว อย่าเสียเวลา” สิบทิศเดินเข้ามากดดันฉัน พอเห็นว่าฉันไม่มีทีท่าว่าจะไปกับเขา มือหนาถือวิสาสะคว้าแขนฉันแล้วลากให้เดินตามเขาไป ฉันเบิกตากว้างกับการกระทำสุดห่ามของเขา รีบมองไปทางเดย์ทันที และเห็นว่าเดย์กำลังมองมาทางฉันเช่นกัน สีหน้าเขาดูจะตกใจ ทำท่าจะเดินเข้ามาหา ก่อนหักห้ามใจเมินหน้าหนีฉันไปอีกทาง
ให้ตายเถอะ… นายกำลังไว้ใจคนผิดนะเดย์
เป็นครั้งแรกที่ฉันขึ้นมานั่งบนรถของสิบทิศ ตลอดทางเราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบจนน่าอึดอัด
ฉันลอบมองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของสิบทิศยามเขาตั้งใจขับรถ พอได้มาเห็นเขาในมุมแบบนี้ฉันถึงได้รู้สึกว่าสิบทิศเติบโตขึ้นแล้วจริง ๆ เขาไม่ใช่เด็กมอปลายที่เคยปั่นจักรยานเล่นกันกับฉันคนนั้นอีกแล้ว
“ทำไม ยังลืมฉันไม่ได้หรือไง” สิบทิศปรายตามาสบกับฉัน แววตาคมทอประกายวาววับคล้ายกำลังสนุกกับการจับผิดกัน
“พะ พูดบ้าอะไรของนาย” ฉันรีบหันหน้าหนีออกนอกหน้าต่างรถ กลบเกลื่อนความประหม่าด้วยการเขี่ยเล็บตัวเองเล่น
“อย่าคิดจะทำอะไรโง่ ๆ แบบวันนี้อีก”
ฉันหันกลับไปเลิกคิ้วมองสิบทิศอย่างไม่เข้าใจ เป็นจังหวะเดียวกับรถคันหรูเลี้ยวเข้าจอดหน้าคอนโดของฉันพอดี
ฉันอยากจะถามเขาว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร แต่เลือกที่จะไม่ถามและเปิดประตูลงจากรถ ทว่ากลับถูกมือหนาคว้าแขนเอาไว้
“เธอลืมอะไรหรือเปล่า?”
“อะไร?” ฉันขมวดคิ้วถามไม่เข้าใจ สิบทิศโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ ฉันที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “จะ… จะทำอะไร?!”
“เธอติดหนี้ฉันอยู่นะ จะไม่ตอบแทน?”
เดี๋ยว… แค่ติดหนี้เขาฉันก็งงมากแล้ว ยังจะให้ตอบแทนด้วยอีกเหรอ?