8 หมอรามโหมดครูพละ อุ้มพาดบ่า(ในหัว)

1293 คำ
แสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านม่านเข้ามาในห้องนอน ควรจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่อันสดใส แต่สำหรับข้าวปั้นในเช้าวันนี้ มันกลับสว่างจ้าจนน่ารำคาญ เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พยายามจะข่มตาหลับต่ออีกสักนิด แต่ก็ไร้ผล...เพราะเธอแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ภาพเหตุการณ์ในห้องพักแพทย์เมื่อวานยังคงฉายวนซ้ำไปซ้ำมาในหัวเหมือนหนังที่ถูกเปิดรีเพลย์ไม่หยุด...สัมผัสจากฝ่ามืออุ่นๆ ที่ทาบลงบนตำแหน่งหัวใจ...ปลายนิ้วที่ลูบไล้บนผิวเนื้อ...น้ำเสียงกระซิบพร่าข้างหู...และรอยยิ้มร้ายกาจที่ทำให้ใจละลาย... “อ๊ากกกก! จะบ้าตาย!” ข้าวปั้นดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เอามือขยี้หัวตัวเองจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด เธอเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่...สายจนได้ หญิงสาวจัดการตัวเองในตอนเช้าด้วยสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น รอยคล้ำใต้ตาที่เห็นได้ชัดแม้จะพยายามใช้คอนซีลเลอร์โบกทับแล้วก็ตาม คือหลักฐานชั้นดีของค่ำคืนอันแสนทรมาน (ใจ) ของเธอ เมื่อมาถึงออฟฟิศ สภาพซอมบี้เดินได้ของเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที “เฮ้ย! ยัยปั้น! ไปทำอะไรมาวะ สภาพเหมือนโดนผีหลอกมาทั้งคืน” เสียงทักทายอันทรงพลังดังมาจาก ‘เจ๊จี๊ด’ เพื่อนร่วมทีมรุ่นพี่และเพื่อนซี้ที่นั่งโต๊ะตรงข้ามกัน เจ๊จี๊ดเป็นสาวมั่นผมสั้นกุด แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดสมชื่อ และมีฝีปากจัดจ้านไม่แพ้ใคร ข้าวปั้นทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างหมดแรง วางกระเป๋าลงบนโต๊ะเสียงดัง ปึ้ก “ก็ไม่ได้นอนไงเจ๊” เธอตอบเสียงอ่อย “ไม่ได้นอน? ทำไม? ผัวทักมาเหรอ?” เจ๊จี๊ดถามพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ สายตาจับผิดมองมาไม่วางตา “บ้า! จะเอาผัวที่ไหนมาทัก!” ข้าวปั้นแหวกลับ “ก็แค่...คิดงานไม่ออก เครียดนิดหน่อย” “เหรออออ” เจ๊จี๊ดยืดเสียงยาวอย่างไม่เชื่อ “เครียดเรื่องงาน หรือเครียดเรื่อง ‘หมอ’ จ๊ะ” คำว่า ‘หมอ’ ที่เจ๊จี๊ดจงใจเน้นเสียง ทำให้ข้าวปั้นสะดุ้งเฮือกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต “จะ...เจ๊พูดเรื่องอะไร! ไม่เห็นจะเกี่ยวกับหมอเลย!” เธอรีบปฏิเสธเสียงสูง แต่ใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมากลับเป็นหลักฐานมัดตัวชั้นดี เจ๊จี๊ดวางแก้วกาแฟลง หรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ “แหมๆๆๆ ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือเลยนะยะ เมื่อวานแกพาน้องไปหาหมอไม่ใช่เหรอ แล้วเป็นไงล่ะ ไปเจอ ‘หมอสุดหล่อ’ ของแกรรึเปล่า” “ไม่ใช่หมอของหนูซะหน่อย!” ข้าวปั้นเถียงคอเป็นเอ็น “แล้วก็...ก็เจอ...แต่ก็แค่บังเอิญชนกันเฉยๆ ไม่มีอะไร” “แค่ชนกัน...แล้วทำไมสภาพแกถึงได้ดูเหมือนคนที่เพิ่งผ่านสมรภูมิรบทางอารมณ์มาขนาดนี้วะ” เจ๊จี๊ดลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมาหา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนข้าวปั้นต้องเอนตัวหนี “เฮ้ย แก! ทำหน้าตาเป็นงั้นวะ! ใครทำไรบอกมา เดี๋ยวเจ๊คนนี้ไปจัดการให้! มันกล้าดียังไงมาทำให้น้องสาวสุดที่รักของเจ๊ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าแบบนี้!” ความห่วงใยแบบโผงผางของเจ๊จี๊ดทำให้ข้าวปั้นใจอ่อนยวบ เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าโกหกเพื่อนซี้คนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ “เจ๊...” เธอเรียกเสียงอ่อย “ถ้า...ถ้ามีผู้ชายมาทำตัวแปลกๆ ใส่เรา...แบบว่า...ทั้งพูดจากวนประสาท ทั้งแต๊ะอั๋งแบบเนียนๆ...แต่บางทีก็ดูเหมือนจะใจดี...มันแปลว่าอะไรวะเจ๊” เจ๊จี๊ดเบิกตากว้าง “แต๊ะอั๋ง! หมอคนนั้นน่ะนะแต๊ะอั๋งแก!?” “ชู่ววว! เจ๊! เบาๆ สิ!” ข้าวปั้นรีบเอามือปิดปากเพื่อน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว พนักงานโต๊ะข้างๆ เริ่มหันมามองด้วยความสนใจ เจ๊จี๊ดปัดมือเธอออก ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ แล้วลดเสียงลงเป็นโหมดซุบซิบ “เล่ามาให้หมด! มันแต๊ะอั๋งแกยังไง! จับมือ? ลูบหัว? หรือว่า...” สายตาของเจ๊จี๊ดเลื่อนต่ำลงไปยังหน้าอกของข้าวปั้นอย่างมีความหมาย ข้าวปั้นหน้าแดงก่ำ รีบกอดอกตัวเองทันที “เจ๊! ทะลึ่ง! ก็...ก็แค่...จับนิดจับหน่อยเอง” “นิดหน่อยของแกนี่มันขนาดไหนยะ” แล้วข้าวปั้นก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องพักแพทย์ให้เจ๊จี๊ดฟังอย่างละเอียด...ตั้งแต่การทำแผลที่แขน การโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกชนกัน ไปจนถึงช็อตเด็ดที่เขาสอดมือเข้ามาทาบที่หัวใจของเธอ “กรี๊ดดดดดดดดด!” เจ๊จี๊ดกรีดร้องออกมาเบาๆ แต่แววตานั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง “ยัยปั้น! นี่มันไม่ใช่การแต๊ะอั๋งธรรมดาแล้วนะยะ! นี่มันคือการ ‘รุก’ แบบเต็มขั้น! ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา! เขาอ่อยแก! เขาอ่อยแกแบบแรงมาก!” “อ่อยเหรอ...” ข้าวปั้นทวนคำนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แต่เขาเป็นหมอนะเจ๊ เขาจะมาอ่อยคนไข้ได้ยังไง” “แล้วไงยะ! หมอก็คน มีหัวใจ มีความรู้สึกเหมือนกันนั่นแหละ! แล้วยิ่งเป็นคนไข้ดื้อๆ ปากดีๆ แถมยังน่ารักแบบแกอีก...มันก็ยิ่งท้าทายเขาน่ะสิ!” เจ๊จี๊ดวิเคราะห์เป็นฉากๆ “ฉันว่านะ...เขาต้องสนใจแกแน่ๆ แต่ด้วยมาดนิ่งๆ ของเขา เลยต้องแสดงออกด้วยวิธีการแบบนี้ไง...ยั่วให้แกคลั่งเล่นๆ น่ะ” คำว่า ‘ยั่วให้คลั่ง’ ทำให้ภาพรอยยิ้มร้ายกาจของหมอรามแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง...ดูเหมือนเจ๊จี๊ดจะพูดถูกทุกอย่าง “แล้ว...แล้วหนูจะทำยังไงดีล่ะเจ๊” ข้าวปั้นถามอย่างจนปัญญา “แค่คิดถึงหน้าเขา หนูก็ใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย” “ก็ไม่ต้องทำยังไง! ก็เล่นเกมกับเขาไปสิยะ!” เจ๊จี๊ดตบเข่าฉาดใหญ่ “เขามาไม้ไหน เราก็ไปไม้นั้น! เขาหยอดมา เราก็หยอดกลับ! เขาแต๊ะอั๋งมา เราก็...” “พอเลยเจ๊! หนูทำแบบนั้นไม่เป็นหรอก!” ข้าวปั้นรีบเบรก “เออๆๆ งั้นก็แค่ทำตัวนิ่งๆ สวยๆ เชิ่ดๆ ไว้ อย่าไปเสียอาการให้เขาเห็นง่ายๆ ทำให้เขารู้สึกว่า...การจะพิชิตใจยัยข้าวปั้นคนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย! เข้าใจมั้ย!” ข้าวปั้นพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก...ให้ทำตัวเชิ่ดๆ ต่อหน้าคนที่แค่สบตาก็ทำให้เธอขาอ่อนได้น่ะเหรอ...มันจะไปทำได้ยังไงกัน ตลอดทั้งวันนั้น ข้าวปั้นพยายามตั้งสมาธิกับงาน แต่ในหัวกลับมีแต่คำพูดของเจ๊จี๊ดและใบหน้าของหมอรามตีกันวุ่นวายไปหมด เธอนึกภาพตัวเองเชิดหน้าใส่เขา แล้วเขาก็ทำหน้างง...แต่นึกไปนึกมา ภาพมันกลับกลายเป็นว่าเขาเดินเข้ามากระชากเธอไปอุ้มพาดบ่าเหมือนในละครไม่มีผิด ‘นี่มันโหมดครูพละชัดๆ!’ ความคิดบ้าๆ บอๆ ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาคนเดียว “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของแกยะ” เสียงเจ๊จี๊ดดังขึ้นขัดจังหวะมโนภาพ “คิดถึงคุณหมออยู่ล่ะสิ ท่าทางจะอาการหนักนะเรา” “เปล่าซะหน่อย!” ข้าวปั้นรีบหุบยิ้มแล้วกลับมาทำหน้าบึ้งเหมือนเดิม แต่ในใจ...เธอกลับยอมรับว่า...อาการของเธอตอนนี้มันหนักหนาเกินกว่าที่ยาพาราเซตามอลจะเยียวยาได้เสียแล้ว...มันต้องการ ‘ยาชนิดพิเศษ’ ที่มีแค่คุณหมอคนนั้นเท่านั้นที่ปรุงให้เธอได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม