๑๑
เช้ารุ่งขึ้น จอมทัพก้าวออกมาจากห้องเตรียมตัวไปทำงาน ทว่าที่โต๊ะอาหารมีเพียงภรรยาและพยาบาลที่คอยดูแลหญิงสาวแค่สองคน เขาอดไม่ได้ที่จะมองหาร่างบางของปภาพินท์
ปภาวดีเห็นสามีกวาดตาไปรอบๆ จึงรู้ว่าเขากำลังมองหาใคร
“แป้งออกไปแต่เช้าแล้วค่ะ เห็นว่ามีงานต้องไปเคลียร์นิดหน่อย”
จอมทัพนิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของภรรยา เขาหลุบตาขณะนั่งลงกับเก้าอี้
“แป้งทำอาหารเช้าเอาไว้เรียบร้อยก็รีบออกไปเลย พี่หวานบอก” หญิงสาวยิ้มให้คนดูแลตน ทำให้คนที่กำลังจิบกาแฟวางแก้วที่เดิม เขาเปลี่ยนใจไม่กินข้าวแล้วลุกขึ้น
“จะไปแล้วเหรอคะ ไม่กินข้าวก่อนหรือไง” ปภาวดีเอ่ยถามสามี
“วันนี้มีประชุมเช้า ไปก่อนนะ แล้วจะรีบกลับ” เขาก้มลงจูบแก้มภรรยาเบาๆ ยิ้มอ่อนๆ ให้หล่อนก่อนจะก้าวออกจากบ้าน
“อะไรของเขานะ” ปภาวดีส่ายหน้าแล้วหันไปยิ้มให้พยาบาลส่วนตัวอย่างเขินๆ
จอมทัพหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาดู ปลายนิ้วเลื่อนหาเบอร์ของปภาพินท์ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจเพราะคิดว่าถึงโทรศัพท์ไปหล่อนคงไม่ยอมรับสาย คงจะโกรธเขาเรื่องเมื่อคืน
ช่วงพักกลางวัน หญิงสาวรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ทว่าก็ไม่มากนัก จึงเข้าไปพักที่ห้องพนักงาน ระหว่างนั้นวศินรู้เรื่องจึงก้าวเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“แป้งเป็นอะไร เห็นเพื่อนๆ บอกว่าแป้งไม่ค่อยสบาย”
ปภาพินท์เงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการของตน แล้วยิ้มเซียวๆ
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะพี่ศิน แป้งแค่มึนงงนิดหน่อย นั่งพักไม่นานก็หาย”
วศินขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางเอ่ยถาม
“แล้วกินอะไรหรือยัง”
“แป้งไม่หิวเลยค่ะ”
“ไม่หิวได้ยังไง เอาอย่างนี้ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากเราไปหาอะไรกินกันเถอะ พี่พักตรงกับแป้งพอดี อิ่มแล้วจะได้มาทำงานต่อ”
ปภาพินท์อยากปฏิเสธ แต่เมื่อสบตาของเขาหญิงสาวก็จำต้องตอบตกลง แต่ยังก้าวไปไม่ถึงไหนโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ใครก็นิ่งอึ้งไปอีก ก่อนจะตัดสินใจรับเมื่อวศินคอยมองอยู่
“ค่ะพี่จอม โทร.มาตอนนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
จอมทัพมองเข้าไปภายในโรงแรม เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเหตุใดจึงต้องเป็นห่วงความรู้สึกของปภาพินท์มากมายจนไม่เป็นอันทำอะไร บางทีอาจเป็นเพราะหล่อนกำลังอุ้มท้องลูกของเขา จึงทำให้เขาคอยกังวลแต่เรื่องของหล่อนอยู่ไม่วาย
“พี่ผ่านมาแถวนี้ เลยว่าจะชวนแป้งออกไปกินข้าวด้วยกันน่ะ แป้งพักหรือยัง ถ้าพักออกมาเจอพี่หน่อยได้ไหม พี่อยู่หน้าโรงแรมแล้ว”
ร่างบางหยุดชะงัก ทำให้วศินต้องหยุดเดินตามไปด้วย หญิงสาวหันไปมองร่างสูงด้วยความเกรงใจ
“มีอะไรหรือเปล่าแป้ง”
เสียงผู้ชายที่ดังแทรกเข้ามาทำให้จอมทัพนิ่วหน้า
“ไม่มีอะไรค่ะ พอดีพี่ชายโทร.มาค่ะ”
หากเป็นเมื่อก่อนจอมทัพจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับคำว่าพี่ชาย ทว่าตอนนี้เวลานี้เขากลับไม่พอใจเลยสักนิดที่หล่อนบอกกับคนอื่นเช่นนั้น อะไรทำให้เขาคิดแบบนี้ไปได้ เขาไม่เข้าใจตัวเองนัก และเริ่มจะไม่ไว้ใจตัวเองมากขึ้นทุกทีๆ เมื่อคิดดังนั้น ชายหนุ่มจึงกล่าวออกมาว่า
“ถ้าแป้งไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะแป้ง พี่เองก็จะรีบเข้าบริษัทเหมือนกัน เอาไว้เย็นนี้พี่จะมารับนะ แค่นี้แล้วกัน”
ชายหนุ่มตัดสายทันทีที่พูดจบแล้วขับรถออกไปจากที่นั่นด้วยความเร็ว ทำให้คนปลายสายนิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจเขาเลยสักนิดเดียว แต่ก็บอกตนเองว่าดีแล้ว เพราะหล่อนเองก็ยังไม่อยากเจอเขาเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมจึงได้รู้สึกโกรธเขา ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องของหล่อน เขาจะกลับบ้านดึก จะทำปั้นปึ่งหรือไม่อยากจะพูดอะไรก็เรื่องของเขา ทว่าหล่อนกลับคิดมาก มากเสียจนทำลายความสุขของตนเองลงไปด้วย...
จอมทัพกลับเข้าบริษัทด้วยความหงุดหงิด เมื่อจู่ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกหวงแหนแม่ของลูกขึ้นมา ได้ยินเสียงชายอื่นเขาก็พาลโมโห ช่วงบ่ายชายหนุ่มแทบไม่เป็นอันทำงาน เขามองนาฬิกาถี่ อยากหมุนเวลาให้ไปถึงเวลาสิบเจ็ดนาฬิกา เพื่อที่จะฝ่ารถติดไปให้ทันปภาพินท์เลิกงานช่วงหกโมงเย็น
กระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เขาก็รีบออกจากบริษัททันที ชายหนุ่มขับรถยนต์ตรงไปยังโรงแรมแล้วกดโทรศัพท์ต่อสายหญิงสาว...
ปภาพินท์เพิ่งเก็บของเสร็จ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมารับสายของเขา
“ค่ะพี่จอม อ๋อค่ะ กำลังจะออกไปค่ะ ห้านาทีนะคะ”
หญิงสาวตัดสายแล้วหันไปคว้ากระเป๋าพร้อมลุกขึ้น หันไปบอกลาเพื่อนๆ แล้วตรงไปยังประตู แต่ก็เจอเข้ากับวศินอีกรอบ
“จะกลับแล้วใช่ไหมแป้ง วันนี้ใครมารับหรือเปล่า”
“พี่จอมมารับค่ะ”
คำตอบที่ได้รับทำให้วศินยิ้ม ก่อนจะบอกว่า
“งั้นพี่เดินไปส่งนะ” ปภาพินท์เตรียมปฏิเสธทว่าชายหนุ่มเอ่ยออกมาก่อน “พี่จะไปดูความเรียบร้อยด้านหน้าพอดี”
ได้รับคำตอบเช่นนั้น ปภาพินท์จึงหมดคำพูดโดยปริยาย ทั้งสองจึงเดินออกไปพร้อมกัน กระทั่งพบว่าจอมทัพออกมายืนรออยู่ด้านข้างคนขับ เขามองตรงไปยังร่างบอบบางของปภาพินท์ทันที ที่ต้องทำให้หรี่ตามองก็คือผู้ชายร่างสูงที่เคียงข้างกันออกมาด้วย
“มาถึงนานไหมคะ พอดีแป้งมีงานติดพันนิดหน่อย”
หญิงสาวบอกเขา ใบหน้าเจือยิ้มเล็กน้อย ชายหนุ่มละสายตาจากวศินแล้วยิ้มให้หญิงสาว
“เพิ่งมาถึงสักครู่นี่เองแหละ” ตอบแล้วมองผู้ชายที่ยืนข้างๆ หญิงสาวอีกครั้งราวจะถามว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร...
ปภาพินท์นึกขึ้นได้จึงรีบแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันทันที
“เอ่อ พี่จอมคะนี่พี่ศินผู้จัดการแป้งเองค่ะ แล้วนี่พี่จอม พี่ชายแป้ง เอ่อจริงๆ แล้วเป็น...” หญิงสาวจะบอกว่าอันที่จริงแล้วเขาคือสามีของพี่สาว ทว่าจอมทัพกลับกล่าวแทรกขึ้นมาว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณวศิน ผมขอรับแป้งกลับบ้านก่อนเลยแล้วกันนะครับ สวัสดีครับ” เขามองตาหญิงสาวราวกับบังคับให้หล่อนกลับขึ้นรถ ทำเอาปภาพินท์รู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม
“พี่ศินคะ แป้งกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวไหว้ผู้จัดการหนุ่มแล้วเดินอ้อมไปยังด้านหน้า จอมทัพสบตาวศินเมื่อฝ่ายนั้นโน้มศีรษะให้พร้อมเอ่ยลา
เมื่อออกกันมาได้ครู่เดียวหญิงสาวก็เอ่ยถามเขาอย่างแปลกใจว่า...
“พี่จอมเป็นอะไรคะ วันนี้ดูหงุดหงิดอีกแล้ว งานมีปัญหาอีกหรือไงคะ”
ชายหนุ่มหันมองหญิงสาวแวบหนึ่งพลางผ่อนลมหายใจยาว
“พี่มีเรื่องอยากถามแป้ง...” เขาเว้นระยะชั่วอึดใจ “แป้งโกรธพี่เรื่องเมื่อคืนใช่ไหม ถึงได้ออกมาก่อนไม่ยอมรอพี่เหมือนเดิม”
ปภาพินท์มองเขานิ่ง ก่อนจะเมินหน้าไปมองทาง ผ่อนลมหายใจเมื่อถูกจับได้
“แป้งก็ไม่รู้ค่ะว่าโกรธพี่จอมหรือเปล่า แต่ที่รู้สึกคือแป้งไม่เชื่อว่าพี่จอมไม่มีปัญหา พี่จอมเปลี่ยนไป แล้วแป้งก็อึดอัด”
หญิงสาวยอมรับพลางก้มหน้าลง ดวงตาคู่งามหลุบมองมือที่ประสานกันไว้ด้วยความสับสน ชายหนุ่มละสายตาจากหญิงสาวกลับไปมองทาง รู้สึกสับสนไม่ต่างจากหญิงสาวเลยสักนิด
“อึดอัดเรื่องอะไร”
หลังจากนิ่งกันไปอึดใจใหญ่เขาก็เอ่ยถามออกมา ทว่ากลับทำให้ปภาพินท์อึดอัดเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่รู้จะตอบเขาไปว่าอย่างไร เหมือนกับว่าตั้งแต่หล่อนตัดสินใจอุ้มท้องลูกให้กับเขาและพี่สาว ก็มีสายใยบางๆ ผูกรัดหล่อนเอาไว้ เขาคงไม่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ มักอยู่ในสายตาของหล่อนเสมอ มันทำให้หล่อนรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยนและบางครั้งก็หงุดหงิดไม่เชื่อใจ...
ราวกับอารมณ์และความรู้สึกของหล่อนกำลังเปลี่ยน เป็นความรู้สึกของคนที่กำลังหลงผิดคิดอยากเป็นเจ้าของคนที่ตนไม่มีสิทธิ์!
เสียงถอนหายใจหนักหน่วงและอาการนิ่งเกร็งของหญิงสาวทำให้คนที่รอฟังคำตอบเกิดความรู้สึกเป็นห่วงจับใจ
“เป็นอะไรไป มีอะไรหรือเปล่าแป้ง” น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความเป็นห่วง ยิ่งทำให้ปภาพินท์ละอายใจเมื่อเริ่มรู้ว่าแท้จริงหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่กับพี่เขยของตน
ไม่! มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ ต้องไม่เป็นแบบนี้...
“เอ่อ ปละ....เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร แป้งไม่มีอะไร”
“แป้งกำลังโกหกพี่อยู่” น้ำเสียงของเขาคาดคั้นและไม่เชื่อถือ แต่กลับทำให้ปภาพินท์อึดอัดจนน้ำตาคลอ อยากร้องไห้ออกมาดังๆ สับสนกับอารมณ์ที่ต้องเผชิญ แบกรับความรู้สึกที่ไม่อาจเปิดเผย หล่อนกำลังจะบ้าตายอยู่แล้ว!
“แป้ง...”
“อย่าถามได้ไหมคะ แป้งว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีสิคะ!”
สิ้นเสียงตะคอกกลับภายในรถก็เงียบกริบ ใช่เพียง จอมทัพที่ตกตะลึงกับพฤติกรรมของหญิงสาว เจ้าตัวเองก็ตกใจไม่น้อยที่พูดแบบนั้นออกไป
“เอ่อ แป้ง...แป้งขอโทษ คือแป้งสับสน แป้ง...”
น้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างคนรู้สึกผิดทำให้จอมทัพถอนหายใจพรืด
“ไม่เป็นไร ถ้าแป้งไม่อยากพูดพี่ก็จะไม่ถามอีก ขอโทษนะที่กวนใจแป้ง” เขาพูดแค่นั้นก็เงียบไปตลอดทาง หญิงสาวมองเขาอย่างเสียใจ เพราะคิดว่าคงทำให้เขาโกรธเสียแล้ว
“แป้งขอโทษ...” กล่าวเสียงแผ่วแล้วก้มมองมือตนเองอีกครั้ง พลันน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม...
จอมทัพเบนรถยนต์เข้าข้างทาง แล้วหันไปรั้งร่างบางเข้ามาหาตน ทั้งสองสบตากันนิ่ง ต่างรับรู้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไประหว่างกันและกัน แล้วชายหนุ่มก็ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นโดยไม่ปัดป้องหรือขัดขืน
เขารั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดของตน หญิงสาวตอบรับด้วยการซบหน้ากับอกกว้างของพี่เขย ในขณะที่เขาเองก็ซบหน้ากับกลุ่มผมหนานุ่ม สูดดมความหอมกรุ่น แล้วลูบแผ่นหลังแผ่วเบาราวปลอบประโลม...
ไม่มีใครพูดอะไร นอกจากซึมซับความอบอุ่นและอ่อนหวานนั้นไว้ให้ได้มากที่สุด นานแสนนานในความรู้สึกของกันและกัน แต่แล้วในที่สุดทั้งคู่ก็ต้องกลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง จอมทัพค่อยๆ ดันร่างบางออก เขาสบตาคู่งามแล้วเลื่อนมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว ใบหน้าคมคายเคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้างาม กระทั่งจมูกชนจมูก แต่ก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้น ปภาพินท์ก็เป็นฝ่ายผละใบหน้าหนีแล้วดันตัวออกห่าง ขยับกายนั่งตรง ก้มหน้านิ่ง ในขณะที่จอมทัพนิ่งงันอยู่ในท่าเดิม...
“เรากลับกันเถอะค่ะ แป้งไม่อยากให้พี่ปูนต้องเป็นห่วง”
ชื่อของภรรยาทำให้หัวใจของจอมทัพกระตุก สติที่ล่องลอยคืนกลับมาทันควัน พร้อมความรู้สึกผิดที่มีต่อเมียรัก เขาเกือบล่วงเกินน้องสาวเมีย เกือบทำเรื่องเลวร้ายเพราะปล่อยให้จิตใจอยู่ใต้การควบคุมของอารมณ์เร้นลึก...
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร เขาหันกลับ ลูบหน้าตนเอง รวบรวมสมาธิแล้วพารถยนต์ออกไปจากที่นั่น ไม่นานทั้งสองก็เดินทางกลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป