๕
เวลาเดียวกัน ทะนงกลับไปที่ห้องพักฟื้นของบุตรชาย เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบว่าฝ่ายนั้นนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ และมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เป็นยังไงบ้างลูก”
คนถูกถามหันกลับมามองบิดา ทว่านัยน์ตาของเขาแดงก่ำ เขาสูญเสียลูกและเกือบสูญเสียภรรยา ที่สำคัญไปกว่านั้น หล่อนไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีกแล้ว...
“ผมไม่เป็นไรครับพ่อ แต่ปูน...”น้ำเสียงของจอมทัพสั่นเครือ ทำให้บิดาต้องวางมือบนไหล่แล้วบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“มันต้องมีทางออกสิ” ท่านกล่าว ทว่าฝ่ายลูกชายส่ายหน้า
“ทางไหนล่ะครับ หมอก็บอกอยู่ว่าปูนจะมีลูกอีกไม่ได้แล้ว หมอตัดมดลูกปูนออกไปแล้ว”
อุบัติเหตุที่รุนแรง ทำให้อวัยวะสำคัญของปภาวดีต้องถูกตัดออกไป และผลที่ตามมาคือหล่อนเสียเด็กในท้องและไม่สามารถมีลูกได้ตลอดชีวิต หากหญิงสาวรับรู้ หล่อนจะมีชีวิตอยู่อย่างไร เพราะปภาวดีตั้งใจสร้างครอบครัวสมบูรณ์กับเขา หล่อนมักพูดเสมอว่าอยากมีลูกสักสามคน และเมื่อหล่อนตั้งครรภ์ เขาและหล่อนก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่อีกชีวิตกำลังอุบัติขึ้นในอีกเก้าเดือนข้างหน้า ทว่าเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรับรู้ทั้งเขาและหล่อนกลับต้องพบกับความสูญเสียที่ไม่มีวันเรียกกลับคืนมาได้อีกตลอดชีวิต...
“จอม...” ทะนงไม่รู้จะปลอบใจลูกเช่นไร
“ผมจะบอกปูนได้ยังไง ผมไม่กล้าบอกเธอเรื่องนี้ ถ้าปูนรู้ว่ามีลูกอีกไม่ได้แล้ว เธอต้องเสียใจมาก”
“แต่ถึงจะมีลูกไม่ได้ ก็ยังเหลือชีวิตทั้งชีวิตนะลูก มีสามีภรรยาอีกหลายคู่ที่อยู่ด้วยกันโดยไม่มีลูก ชีวิตครอบครัวก็สามารถสมบูรณ์แบบได้เหมือนกัน มันอยู่ที่ว่าลูกและปูนจะยอมรับได้มากแค่ไหน ทางเดียวต่อจากนี้คือสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งนะ ก้าวต่อไปข้างหน้าให้ได้ บางทีในยุคนี้สมัยนี้ การไม่มีลูกก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีกว่าการมีลูกแล้วเลี้ยงออกมาได้ไม่ดีนัก หรือไปทำตัวเกเรให้ต้องปวดหัวอีก”
ท่านเอ่ยปลอบใจ และคิดว่าปภาวดีเองก็จะยอมรับได้ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป
ค่ำวาน ปภาวดีเริ่มรู้สึกตัว ทว่าหญิงสาวลืมตาขึ้นมาได้ไม่กี่นาทีก็หลับลงไปอีก กระทั่งผ่านมาอีกหนึ่งวัน หญิงสาวจึงรู้สึกตัวเต็มที่ในช่วงสาย...
หญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วต้องนิ่วหน้า และเมื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาหญิงสาวก็เบิกตาโพลง...
“จอม! แป้ง!” เสียงร้องเรียกของหญิงสาวทำให้จอมทัพเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ชายหนุ่มผุดลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาอย่างรวดเร็ว
“ปูน! ปูนผมอยู่นี่”
ชายหนุ่มลูบแก้มภรรยาแผ่วเบา พลางก้มลงจูบหน้าผากมนอย่างรักใคร่และห่วงใยสุดซึ้ง
“ปูนปลอดภัยแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว” เขากระซิบ
“จอมเป็นยังไงบ้าง แล้วแป้งล่ะ แป้งอยู่ไหน” หญิงสาวน้ำตาไหล ภาพเหตุการณ์วันนั้นทำให้หล่อนใจหาย คิดถึงทีไรก็เสียวปลาบที่ใจ
“แป้งปลอดภัยดีจ้ะ แต่พักอยู่อีกห้องหนึ่ง หมอยังไม่อนุญาตให้ลุกจากเตียง”
“ทำไม แป้งเป็นหนักหรือ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามแหบพร่า ทว่าหน้าตาตื่นด้วยความเป็นห่วงน้องสาว ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ เพราะไม่หนักเท่าคนตรงหน้าแน่นอน
“ไม่หนักมากหรอกปูน ปูนสิที่หนักกว่าใครๆ” ชายหนุ่มสบตาภรรยา รู้สึกปวดแน่นที่ลำคอ อยากจะร้องไห้เพราะสงสารหล่อน แต่ที่ทำได้คือยิ้มและยิ้ม...“ปูนไม่ต้องเป็นห่วงแป้งกับผมนะ เราสองคนสบายดี ปูนต่างหากที่ต้องพักผ่อนมากๆ”
ปภาวดียิ้มเซียวๆ ให้สามี รู้สึกเจ็บปวดจนกระดุกกระดิกไม่ได้
“ปูนคิดว่าจะไม่รอดเสียแล้ว ดีใจที่คุณกับแป้งปลอดภัย”
พูดจบ หญิงสาวก็นิ่งอึ้งเมื่อคิดถึงลูกในท้อง
“ลูก! ลูกเราล่ะคะจอม แกเป็นยังไงบ้าง โอ๊ย...”
รู้สึกเจ็บระบมไปทั้งหน้าท้อง พลางน้ำตาเอ่อ สบตาสามีอย่างคาดคั้นระคนหวาดกลัว และเมื่อสบตาที่หม่นแสงของเขา หญิงสาวก็น้ำตาเอ่อ
“จอม...” น้ำเสียงหวานสั่นพลิ้ว เกิดความกลัวสุดขีด
“เราเสียเขาไปแล้วปูน”
คำตอบที่ได้รับราวกับฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวใจ หญิงสาวน้ำตาไหลพรากราวกับก๊อกน้ำที่แตกซ่าน จอมทัพขยับเข้าไปใกล้แล้วใช้อีกแขนที่ปกติโอบกอดภรรยาเอาไว้หลวมๆ
“ไม่เป็นไรที่รัก ไม่เป็นไร”
“จอม...ฮือ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไม”
จอมทัพน้ำตาซึม เขาโทษว่าเป็นความผิดของรถบรรทุกคันนั้น แต่การเสียชีวิตคาที่ของคนขับทำให้เขาพูดไม่ออก แม้จะมีการรับผิดชอบเต็มที่จากประกันชีวิตและบริษัทของผู้ที่ขับรถบรรทุกคันนั้นแล้ว แต่ไม่มีอะไรมาชดเชยความสูญเสียที่เขาและปภาวดีได้รับ
“เราจะเริ่มต้นใหม่นะปูน ตอนนี้ขอแค่อย่าคิดมาก เรื่องอุบัติเหตุเขารับผิดชอบเราเต็มที่ ส่วนคนขับตายคาที่”
เขาพูดแค่นั้นก็เงียบเสียง ทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง ก่อนจะเม้มปากแน่น ยังคงแค้นเคืองในใจ เพราะหากรถคันนั้นไม่เสียหลักข้ามฟากมาชนรถยนต์ของตนและจอมทัพ ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้
จอมทัพมองท่อนขาทั้งสองข้างที่ถูกโยงกับเชือก ไม่ใช่แค่ขาหัก แต่กระดูเชิงกรานและท่อนขายังแตก หญิงสาวได้รับการผ่าตัดและใส่เหล็กดาม และคงไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ต้องผ่าตัด หล่อนคงเจ็บปวดมากทีเดียว
“ปูน เจ็บขามากไหม ปวดหรือเปล่า” เขาวางมือแตะท่อนขาที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ปภาวดีหลุบตาลงมองขาตนเองทั้งน้ำตา ก่อนจะนิ่วหน้าพลางบอก
“เจ็บท้อง มันเจ็บข้างใน ปวดหลังมากค่ะ แต่ขา...ปูนรู้สึกชาๆ แทบไม่รู้สึกเจ็บเลย ขาปูนหักใช่ไหมคะ” หญิงสาวใจหายวาบ มองเชือกที่โยงไว้กับราวเหล็กซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ จากสภาพหล่อนควรเจ็บปวดจนร้องออกมาสิ หญิงสาวได้แต่นึกแปลกใจ บางทีอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาก็ได้
“คงเพราะฤทธิ์ยาชาใช่ไหมคะ นี่ปูนหลับไปนานไหม”
คำตอบของภรรยาทำให้จอมทัพมีสีหน้าเผือดซีดทันที เป็นไปไม่ได้ที่ภรรยาจะไม่รู้สึกอะไรเลย ต้องมีอะไรผิดปกติ มันต้องไม่ใช่แบบนี้
“จอม เป็นอะไรคะ ปูนถามว่าปูนหลับไปนานเท่าไร”
จอมทัพกลืนก้อนแข็งๆ ลงอย่างยากเย็น ไม่อยากคิดร้ายไปล่วงหน้า แต่เขาควรไปพบแพทย์...
“ก็สามวันเต็ม”
คนฟังใจกระตุก พลางเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“สามวัน!” หญิงสาวหลุบตามองท่อนขาของตนเอง ก่อนเอ่ยถามสามี “ปูนเป็นอะไรบ้างคะ ได้โปรดบอกมาให้หมดเถอะ ปูนจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง”
ชายหนุ่มหลุบตาลง เงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะสบตาแล้วบอกอาการทั้งหมด หญิงสาวฟังแล้วแทบช็อก หล่อนมีลูกอีกไม่ได้แล้ว...
หลังจากที่ภรรยาร้องไห้จนหลับลงไป ชายหนุ่มจึงขอพบแพทย์อีกครั้ง แล้วเล่าอาการของภรรยาให้ฟัง ฝ่ายนั้นมีสีหน้าหนักใจเพราะเมื่อได้ดูแผ่นฟิล์มการเอกซเรย์ของ ปภาวดีอย่างละเอียดเขาก็พบความผิดปกติบางอย่าง
“ทางเราจะเอกซเรย์กระดูกสันหลังของภรรยาคุณอีกครั้งเมื่อเธอการดีขึ้น”
“แล้วทำไมภรรยาผมถึงไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งที่ปกติต้องเจ็บปวดที่ขามากกว่าที่อื่นด้วยซ้ำ แต่ทำไม หมอ เธอจะเป็นอัมพาตหรือเปล่าครับ”
นายแพทย์คนเดิมนิ่งไปครู่ ก่อนเอ่ยออกมาว่า
“แล้วทางเราจะตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง แต่ต้องรอให้คนไข้ฟื้นตัวอีกสักนิด อีกอย่างการเกิดอุบัติเหตุหนักๆ ก็ทำให้เส้นประสาทได้รับความเสียหาย แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าอยู่ในระดับไหน อาจไม่ถึงกับเป็นอัมพาต”
“แต่เธอไม่รู้สึกอะไร หมอได้ยินไหมครับว่าเมียผมเธอไม่รู้สึกอะไรเลย!!”
จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ โกรธหมอที่ทำราวกับว่าภรรยาของเขาไม่เป็นอะไร ทั้งที่อาการของหล่อนก็บ่งชัดอยู่แล้วว่าผิดปกติ!
“เอาละครับคุณจอมทัพ หมอรับปากว่าจะตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง และดูแลอย่างสุดความสามารถ ขอให้คุณใจเย็น”
เพียงเท่านั้น จอมทัพก็ลุกขึ้นยืน เขาสบตาหมอ แล้วเอ่ยคำขอบคุณแผ่วเบา ก่อนออกจากห้อง ชายหนุ่มกลับมาถึงห้องพักของภรรยา เขามองผ่านช่องกระจกเข้าไปภายใน ได้แต่ข่มกลั้นน้ำตาและความปวดร้าว ก่อนจะผลักประตูแล้วพยายามทำตัวให้สดใสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้...