๘
คืนหนึ่งในอีกสามเดือนต่อมาก่อนนอนหลับ ปภาวดีนั่งดูนิตยสารสำหรับแม่และเด็ก หล่อนดูมันทุกคืนจนจอมทัพต้องเอ่ยถาม
“มีอะไรดีเห็นปูนดูทุกคืนเลย” เขาเอ่ยหลังจากขึ้นเตียงนอนสอดตัวเข้าไปภายใต้ผ้าห่มเรียบร้อย คนที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้รูปภาพหนูน้อยทั้งหญิงชายชะงัก รอยยิ้มที่เกลื่อนใบหน้าเมื่อครู่ก็ค่อยๆ จางลง
“ก็... ไม่มีอะไรค่ะ ปูนแค่ชอบ ดูรูปภาพเด็กพวกนี้แล้วมีความสุขก็เท่านั้น” หญิงสาวตอบทว่าไม่ยอมสบตาเขา ทำให้ผู้เป็นสามีต้องนิ่วหน้าด้วยความสงสัย เขารู้หล่อนอยากมีลูก แต่มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจพลางบอก
“นอนเถอะปูน ดึกแล้ว”
ปภาวดีนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะปิดหนังสือแล้ววางลง จอมทัพผ่อนร่างภรรยาลงนอนเรียบร้อย ห่มผ้าให้แล้วตะแคงกายนอนกอดหญิงสาว โดยไม่ลืมจูบแก้มนุ่มแผ่วเบา แล้วมองคนที่หลับตาลงด้วยความรู้สึกอ่อนล้า บางครั้งเขามีความรู้สึกทางเพศเฉกเช่นชายหนุ่มทั่วไป ทว่าจำต้องเก็บกดเอาไว้เพราะภรรยาไม่อาจให้เขาได้ ไม่ใช่เขาและหล่อนไม่พยายาม ทว่าหล่อนไม่มีอารมณ์ร่วม เขาจึงต้องหักดิบโดยไม่แตะต้องหล่อนมากไปกว่าที่ทำเมื่อครู่ เขาหันมาทุ่มเทให้กับงานเพื่อที่จะไม่ให้นึกคิดถึงเรื่องนั้น และมันก็ใช้ได้ผลดี เขาทำงานจนลืมไปว่าธรรมชาติของร่างกายเคยเรียกร้องเรื่องบนเตียง...
วันต่อมาปภาพินท์ก้าวออกมาจากห้องของพี่สาว ใบหน้าหวานเคร่งเครียด ทำให้จอมทัพที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ต้องเอ่ยถาม
“เป็นอะไรแป้ง ทำไมวันนี้ทำหน้าเครียด แล้วปูนล่ะยังไม่ออกมาอีกหรือ” วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทั้งเขาและ ปภาพินท์จะช่วยกันดูแลปภาวดีกันเอง ส่วนจันทร์ถึงศุกร์เป็นหน้าที่ของพยาบาลพิเศษ...
“พี่ปูนไม่ยอมออกมาจากห้องค่ะ” คำตอบของคนที่นั่งลงตรงข้ามทำให้ชายหนุ่มต้องส่ายหัว
“พักนี้ปูนหงุดหงิดประจำ พี่ไม่รู้จะทำยังไง ชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป วันๆ เอาแต่ดูรูปภาพเด็กๆ”
ปภาพินท์เงยหน้าขึ้นมองพี่เขย แล้วหลุบตาลงมองมือตนเองทันที รู้สึกร้อนวูบวาบที่ผิวแก้มเมื่อคิดถึงคำขอร้องของพี่สาว...
‘แป้ง พี่อยากมีลูก’
เมื่อพี่สาวเอ่ยเช่นนั้น ปภาพินท์ก็ต้องผ่อนลมหายใจ ทว่าเมื่อสบนัยน์ตาหมองเศร้าก็ทำให้หญิงสาวเกิดความสงสาร
‘แป้งรู้ค่ะ แป้งเข้าใจ แต่พี่ปูนต้องทำใจนะคะ’
คำตอบของปภาพินท์ทำให้ปภาวดีน้ำตาคลอ พลางบอก
‘พี่มันคนบาปหรือไง ชีวิตถึงเป็นแบบนี้ แป้งช่วยพี่ได้ไหม’
จู่ๆ อีกฝ่ายก็มองด้วยสายตามีความหวัง ทำให้ ปภาพินท์ต้องถามด้วยความแปลกใจ
‘ช่วยเรื่องอะไรคะ ถ้าช่วยได้แป้งจะช่วยทันที’
เมื่อตอบเช่นนั้นปภาวดีก็ยิ้มกว้าง เกิดความหวังเต็มเปี่ยม
‘พี่รู้ว่าที่พี่จะพูดนี้มันฟังดูเห็นแก่ตัว แต่แป้งจ๋า พี่เหมือนคนที่ตายทั้งเป็น อย่างเดียวที่จะทำให้พี่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คือลูก...’
‘แล้วพี่ปูนจะมีได้ยังไงคะในเมื่อ...’
ปภาพินท์นิ่งงันเพียงแค่นั้น เมื่อสบตาวาววามของพี่สาว พลันใบหน้างามก็แดงก่ำแล้วรีบส่ายหน้าเบาๆ
‘ไม่ค่ะ เรื่องนี้แป้งช่วยไม่ได้ แป้ง...’
‘อย่าเพิ่งปฏิเสธพี่สิแป้ง’
‘แต่พี่ปูนกำลังจะขอเรื่องที่แป้งช่วยไม่ได้’
คำตอบนั้นทำเอาปภาวดีหน้าซีดลง หลังจากนั้นต่างคนจึงต่างเงียบไปนาน จนกระทั่งปภาวดีเอ่ยขึ้นมาว่า
‘ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ผิดเอง ที่ขนาดนี้แล้วยังไม่เจียมตัวเจียมใจ เป็นภาระของใครต่อใครไม่พอ ยังจะขอเรื่องที่ทำได้ยากอีก พี่นี่มันช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ’
พูดจบปภาวดีก็ร้องไห้ แล้วหมุนล้อรถเข็นตรงไปยังห้อง
ภาพนั้นทำให้ปภาพินท์นึกได้ว่าพี่สาวของตนต้องหัวใจแตกสลายมานานแค่ไหน แล้วเหตุใดหล่อนจึงปฏิเสธคนที่มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้
ผู้หญิงที่เคยเพียบพร้อมทุกอย่างเช่นปภาวดี ต้องมากลายเป็นคนพิการ ต้องสูญเสียลูก สูญเสียหน้าที่การงานที่รัก และตอนนี้ยังมาสูญเสียกำลังใจ หล่อนจะทำร้ายจิตใจพี่สาวคนเดียวได้ลงคอเชียวหรือ...
หญิงสาวมองตามหลังพี่สาว ริมฝีปากกัดแน่น ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
‘เรื่องนี้ถึงแป้งตกลงก็คงไม่มีประโยชน์ ถ้าพี่จอมไม่เห็นด้วย’
คำตอบของน้องสาวทำให้คนหัวใจแตกสลายซ้ำสองชะงัก ก่อนจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
‘พี่จะพูดกับจอมเอง แล้วแป้งไม่ต้องกลัวว่าเอ่อ จะต้องทำอะไรแบบนั้น...’
คำพูดของพี่สาวทำให้ปภาพินท์แก้มแดง ปภาวดีเองก็ละอายใจที่ร้องขอเรื่องที่ยากเย็นแบบนี้ไป
‘พี่จะให้หมอใช้วิธีผสมเทียม ขอแค่แป้งยอมเป็นแม่อุ้มบุญให้กับพี่เท่านั้น นะแป้งนะ พี่ขอร้อง’
ปภาพินท์ถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงเรื่องที่พูดกับพี่สาว ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นได้คุยกับคนตรงหน้าแล้วหรือไม่
“แป้งรู้ไหมว่าปูนเป็นอะไร” จอมทัพเอ่ยถาม นัยน์ตาที่มองมาคล้ายคาดคั้น ทำเอาปภาพินท์รู้สึกอึดอัด
“เอ่อ คือ...” หญิงสาวอึกอัก แต่ยังไม่ทันตอบเสียงหวานๆ ของปภาวดีก็ร้องเรียกสามีมาจากในห้อง
“จอม... จอมคะ”
ทั้งสองหันไปตามเสียงเรียก จอมทัพผ่อนลมหายใจแล้วลุกขึ้นเต็มความสูง เขายิ้มให้น้องสาวภรรยาแวบหนึ่งก่อนจะก้าวตรงไปยังห้องนอน ทำเอาคนตัวบางต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางคิดสภาพตนที่ต้องอุ้มท้องขึ้นมาก็ให้รู้สึกแปลกๆ
“ว่าไงปูน ทำไมไม่ออกไปข้างนอก” เขานั่งข้างภรรยา สบตาคู่งามเป็นคำถาม หญิงสาวยิ้มให้พลางจับมือเขาแล้วบอก
“ปูนมีเรื่องอยากจะคุยกับจอม”
นัยน์ตาสดใสและน้ำเสียงที่ฟังดูกระตือรือร้นทำให้จอมทัพอดยิ้มไม่ได้ เพราะนานมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นภรรยามีท่าทางราวกับกำลังดีใจอะไรสักอย่างเช่นนี้
“ได้สิ มีอะไรอย่างนั้นเหรอ แต่ให้เดาคงเป็นเรื่องดีมากแน่ๆ ไม่งั้นปูนของผมคงไม่ทำหน้าตาเหมือนอย่างกับว่าถูกล็อตเตอร์รีรางวัลที่หนึ่งอย่างนั้น”
คนถูกกระเซ้ายิ้มหวาน พลางยกมือขึ้นลูบแผงอก สามีเบาๆ
“ดีกว่านั้นอีก”
คนฟังนิ่วหน้า รู้สึกแปลกๆ กับท่าทางเอาอกเอาใจของภรรยา
“มีอะไรกันแน่เนี่ยหืม...” เขาโอบไหล่นุ่มของหญิงสาวเข้ามาชิด เกิดความรู้สึกต้องการในตัวหล่อนขึ้นมาทันทีที่หญิงสาวออเซาะ แต่เมื่อคิดถึงสภาพที่เป็นอยู่เขาก็ต้องคิดถึงเรื่องสยดสยองเพื่อดับฝันของตนเองลงเสีย พลางคิดว่าเขาจะทนกับความต้องการที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยแบบนี้ไปได้อีกนานสักเท่าใดกัน...
“คือ... ปูนจะมีลูกค่ะ”
คำตอบของภรรยาทำเอาอารมณ์อ่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนต้องชะงักลงฉับพลัน เขานิ่งอึ้งและสบตาหญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจ
“ปูน... คุณพูดเล่นใช่ไหม”
คนในอ้อมแขนยิ้มหวาน แล้วส่ายหน้าเบาๆ
“ใครว่าปูนพูดเล่น พูดจริงต่างหากล่ะคะ”
จอมทัพดันร่างภรรยาออกห่าง ใบหน้าเริ่มเครียดลงทันที พลางคิดในใจว่าทำไมภรรยาจึงทำใจไม่ได้เสียที มิหนำซ้ำยังฟั่นเฟือนถึงขั้นคิดว่าตนเองจะมีลูกได้
“ปูน ฟังผมนะ เรามีลูกไม่ได้อีกแล้ว คุณมีลูกไม่ได้...”
“แต่แป้งมีได้ค่ะ!”