1219 คำ
๗ หลังจากต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานกว่าสามเดือน ปภาวดีก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ในที่สุด “ถึงบ้านเราแล้วค่ะพี่ปูน” ปภาพินท์บอกพี่สาวขณะขนของลงจากรถยนต์ โดยมีวรรณาตามลงมาติดๆ จอมทัพเดินอ้อมมาอีกด้านแล้วอุ้มภรรยาตรงไปยังประตูบ้านที่ ปภาพินท์ก้าวไปเปิดรอเอาไว้แล้ว “นั่งตรงนี้ก่อนไหม หรือจะขึ้นห้องเลย” จอมทัพถามภรรยา พลางสบตาคู่งามที่สดใสขึ้นกว่าเมื่อเดือนก่อน “นั่งข้างล่างก่อนดีกว่าค่ะ” จอมทัพจึงวางร่างภรรยาลงบนโซฟาเบดทันที วรรณาก้าวเข้ามานั่งข้างสะใภ้ ครู่หนึ่งร่างบางก็เดินออกมาพร้อมน้ำส้มและขนมที่หัดทำเองหลังออกจากโรงพยาบาล ปภาวดีเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ แม้จิตใจลึกๆ ยังหดหู่ พลางเหลือบตามองดูท่อนขาของน้องสาวที่โผล่พ้นมาจากกระโปรงทรงพลีทชุดนักศึกษา จึงกระเซ้าอีกฝ่ายเบาๆ ว่า “ขาคนละสีเลยนะแป้ง” ปภาพินท์ก้มลงมองขาตัวเองพลางหัวเราะขัน “ใช่ค่ะ เพื่อนๆ ล้อแป้งกันใหญ่ แต่อีกเดี๋ยวสีก็เสมอกัน พี่ปูนลองกินขนมที่แป้งทำหน่อยสิคะ แป้งทำสุดฝีมือเลยนะ แม่คะลองสิคะ พี่จอมพอก่อนเถอะ เดี๋ยวก็อ้วนหรอก” ไม่วายค้อนพี่เขยที่เกือบจะเอื้อมมือมาหยิบขนม “พี่จอมกินเก่งขึ้นทุกวันเลยค่ะแม่ แป้งน่ะกินไม่ทันเลย อีกหน่อยคงอ้วนเป็นหมู” ได้ทีสาวน้อยก็หันไปฟ้องมารดาของชายหนุ่ม ฝ่ายนั้นกลับหัวเราะเบาๆ เห็นจริงว่าช่วงหลังบุตรชายมีเนื้อมีหนังเพิ่มมากขึ้น อาจเป็นเพราะตั้งแต่ป่วยเขาก็ไม่ได้ออกกำลังกาย ปภาวดียิ้มขันในขณะที่สามีนิ่วหน้าพลางเอ่ย “โอ๊ย อย่างพี่ไม่อ้วนง่ายๆ หรอก เดี๋ยวพอออกกำลังกายได้เต็มที่ก็กลับมาเฟิร์มเหมือนเดิมแล้ว แป้งนั่นแหละระวังจะอ้วนนะ เห็นกินเอาๆ” เขาโต้กลับ ก่อนจะหันไปพูดกับภรรยาว่า “แต่แป้งก็ทำอาหารเก่งขึ้นเยอะแล้วนะปูน” เขาบีบมือนุ่มเบาๆ หญิงสาวมองน้องสาวยิ้มๆ พลางบอก “จริง พี่ชอบชี้สเค้กที่แป้งทำ อร่อยมาก” ปภาพินท์ยิ้มแป้นเมื่อพี่สาวเอ่ยชม “ขอบใจแป้งมากนะ ที่คอยดูแลเรื่องในบ้านให้พี่” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราต้องช่วยกันสิคะ เมื่อก่อนพี่ปูนทำให้แป้งทุกอย่าง ตอนนี้แป้งก็ทำบ้างเพื่อแบ่งเบาภาระพี่ปูนกับพี่จอมยังไงล่ะคะ” “น้องสาวพี่น่ารักที่สุด ว่าแต่เรียนเป็นไงบ้าง” เปลี่ยนเรื่องคุยเสีย เพราะเมื่อเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ทีไร จิตใจของหล่อนมีแต่หดหู่ “ดีค่ะ สนุกดี เพื่อนเยอะเลยค่ะ” ปภาพินท์ตอบ พลางเลื่อนขนมให้วรรณา พอฝ่ายนั้นลองชิมแล้วพยักหน้าแสดงออกว่าอร่อยหญิงสาวก็ยิ้มหวาน “ดีแล้ว ตั้งใจเรียนนะแป้ง” น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาและแฝงความหมายไว้หลายต่อหลายอย่าง ทำให้คนฟังต้องมองหล่อนเป็นตาเดียว ปภาพินท์จึงขยับเข้าไปใกล้แล้วจับมืออีกฝ่ายเอาไว้พลางยิ้ม สบตาแล้วบอกให้มั่นใจว่า “พี่ปูนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แป้งจะตั้งใจในทุกๆ เรื่อง จะไม่ให้พี่ปูนต้องเป็นห่วงอะไรเลย ขอให้มั่นใจว่าน้องสาวของพี่ปูนคนนี้จะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” ปภาวดีน้ำตาคลอ บีบมือน้องสาวเบาๆ ทำเอาคนที่มองอยู่ถึงกับน้ำตาคลอไปด้วย... “ขอบใจจ้ะ ขอบใจมาก” ปภาวดีสูดลมหายใจยาว แล้วมองไปยังสามีกับมารดาพร้อมรอยยิ้มเบาใจ ด้วยความเชื่อที่ว่า ปภาพินท์จะไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม... วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ทั้งปภาพินท์และจอมทัพช่วยกันดูแล ปภาวดีเป็นอย่างดี วันหยุดชายหนุ่มจะพาภรรยาไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ โดยมีปภาพินท์ติดตามไปด้วยเสมอ บิดามารดาก็หมั่นมาเยี่ยมเยือนบ่อยครั้ง ทันทีที่ว่างเขาจะคอยทำกายภาพบำบัดให้ภรรยาแทนพยาบาลที่จ้างมาดูแลด้วยตนเองเสมอ ไม่ยอมปล่อยให้ภรรยาต้องเหี่ยวเฉาหรือจมอยู่กับความคิดหม่นเศร้า บางครั้งก็ผลัดเปลี่ยนกันกับปภาพินท์ที่ช่วงหลังเริ่มไม่ว่างนัก เพราะทั้งเรียนและกิจกรรม ทว่าหญิงสาวก็ไม่เคยบกพร่องเรื่องการช่วยงานภายในบ้าน เช่นเดียวกับวันนี้ที่เป็นวันหยุด ปภาพินท์นั่งทำงานที่อาจารย์สั่งอยู่บนโซฟาใกล้ๆ กับพี่สาวที่กำลังนั่งดูทีวี ปภาวดีมองน้องสาวด้วยสายตาครุ่นคิด ปีนี้ ปภาพินท์เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สามแล้ว อีกแค่ปีเดียวก็จะจบ เมื่อจบก็คงต้องออกไปทำงาน หญิงสาวลอบผ่อนลมหายใจยาวขณะเอนศีรษะกับพนักพิง คิดถึงตนเองแล้วเศร้าใจ พลางหลุบตามองท่อนขาที่ยังขยับเขยื้อนไม่ได้ด้วยความเจ็บช้ำ อยากทำใจให้ได้แต่ยิ่งนานไปกลับยิ่งหมดหวัง มิหนำซ้ำยังอยู่เป็นภาระให้กับสามีและน้องสาว ปภาวดีมองไปยังสามีที่เดินหายเข้าไปอีกห้องหนึ่ง พักหลังเขาหอบงานกลับมาทำที่บ้านเป็นประจำ ยิ่งเห็นเขาเหนื่อย ก็ยิ่งละอายใจ หลายครั้งที่คิดว่าทำไมหล่อนไม่ตายไปเสีย ดีกว่ารอดแล้วกลายเป็นภาระของน้องสาวและสามีแบบนี้... อาการเหม่อลอยของปภาวดีทำให้ปภาพินท์ขมวดคิ้ว หญิงสาววางปากกาในมือมองพี่สาวด้วยความหนักใจ ระยะหลังมานี้ปภาวดีพูดน้อยลง และดูซึมเศร้าจนน่าวิตก “พี่ปูนคะ คิดอะไรอยู่หรือเปล่า มีอะไรไม่สบายใจเล่าให้แป้งฟังได้นะคะ” เมื่อคนถูกเรียกรู้สึกตัวจึงผ่อนลมหายใจเฮือก ยิ้มหมองๆ ให้น้องสาว “พี่รู้สึกเป็นตัวถ่วง จอมต้องทำงานหนักเพิ่ม แป้งก็แทบไม่ได้หยุดพัก ความจริงพี่น่าจะตายๆ ไปให้รู้เรื่องรู้ราว จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้ใครเดือดร้อน” คนที่อัดอั้นตันใจมาเนิ่นนานน้ำตาไหล ทำเอา ปภาพินท์ต้องรีบขยับเข้าไปใกล้แล้วกอดพี่สาวแน่น พอดีกับที่ร่างสูงของจอมทัพกำลังก้าวเข้ามาจึงชะงักเท้าเพียงประตูเท่านั้น “ไม่เอาค่ะอย่าร้อง อย่าคิดมากด้วย ทุกอย่างที่แป้งทำ แป้งเต็มใจ และเชื่อว่าพี่จอมเองก็เต็มใจและมีความสุขที่ได้ทำทุกอย่างเพื่อพี่ปูน” ปภาวดีซบไหล่น้องสาว สะอึกสะอื้นตัวโยน “แป้งรู้ไหม ว่าพี่ฝันถึงลูกตลอด เขามาหาพี่ พี่ได้กอดได้จูบเขาแค่ในความฝัน แต่ความจริงพี่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...” “ยังเหลือสิปูน ยังเหลือผมและก็แป้งไง” จอมทัพก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าคนทั้งสอง เขาสบตาภรรยาที่ร้องไห้ด้วยสายตาอ่อนโยนและรักใคร่ไม่เปลี่ยน “ผมรักคุณนะปูน” เขาสบตาภรรยา แล้วสบตา ปภาพินท์ ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พวกเรารักคุณ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม