กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ลอยตามตัวเขามา เธอขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่พอใจ “คุณดื่มมาเหรอ?”
“ใช่ เมา” เขาตอบเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความมั่นใจเหมือนทุกครั้ง “ขับรถกลับไม่ไหว”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน!” เธอโพล่งออกมา แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ เขาก็เดินตรงไปยังเตียงของเธออย่างไม่สนใจ
“เฮ้ คุณจะไปไหน! นั่นมันเตียงของฉัน!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ
เขาไม่ตอบ แต่ล้มตัวลงนอนอย่างหน้าตาเฉย มือยกขึ้นหนุนศีรษะราวกับกำลังอยู่ในที่ของตัวเอง เขาเหลือบมองเธอที่ยืนตัวแข็งอยู่กลางห้อง “เหนื่อย อย่ารบกวน”
นารากำมือแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธ “คุณลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! ฉันไม่อนุญาตให้คุณนอนที่นี่!”
แต่ก่อนที่เธอจะได้เข้าไปดึงเขาให้ออกไป เขากลับคว้าข้อมือเธอแล้วดึงเธอลงมาบนเตียงโดยไม่ทันตั้งตัว
“คุณอคิน!” เธอร้องเสียงหลง เมื่อร่างของเธอล้มลงไปบนเตียงข้างเขา และในชั่วพริบตา แขนแข็งแรงของเขาก็โอบรัดตัวเธอไว้แน่น
“อย่าดิ้น” เขาพูดเสียงต่ำ น้ำเสียงนั้นเย็นเฉียบและทรงพลังจนเธอรู้สึกเหมือนถูกสะกด
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!” เธอดิ้นสุดแรงพยายามหลุดออกจากอ้อมแขนของเขา แต่เขากลับกระชับแรงกอดแน่นขึ้น
“หยุด” เขาพูดช้าๆ แต่หนักแน่น ดวงตาคมกริบมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “ถ้าเธอยังดิ้น ฉันจะทำมากกว่ากอด”
คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง มองเขาด้วยความโกรธปนตกใจ “คุณมันเอาแต่ใจ! คุณคิดว่าตัวเองจะทำอะไรกับฉันก็ได้งั้นเหรอ?”
“ใช่” เขาตอบตรงๆ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “และฉันก็จะทำ… ถ้าจำเป็น”
อ้อมแขนแข็งแรงของอคินรัดร่างของนาราไว้แน่นจนเธอแทบขยับไม่ได้ ความใกล้ชิดที่บังคับให้เธอต้องแนบชิดกับร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกทั้งอึดอัดและสับสน หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความโกรธและแรงดิ้นรน
“ปล่อยฉันนะ! ไอ้คนบ้าเอาแต่ใจ!” เธอตะโกน แต่เสียงนั้นกลับฟังดูอ่อนแรงเมื่อเธอต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีพยายามดิ้นให้หลุด
เขาไม่พูดอะไร แต่แขนแข็งแรงนั้นกลับกระชับแน่นขึ้น น้ำหนักของร่างกายที่แนบกับเธอทำให้เธอเหมือนถูกกักขังในพื้นที่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นกายของเขา
“คุณอคิน! ตัวคุณมันหนักอย่างกับอะไรดี!” เธอโวยวายต่อ แต่เสียงของเธอเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ ลมหายใจที่แรงขึ้นจากความเหนื่อยและอ้อมกอดที่ไม่ยอมคลายทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังหมดแรง
“พอได้แล้วนารา” เขาเอ่ยเสียงต่ำ ราวกับกำลังสั่งให้เธอหยุด “เธอไม่มีทางดิ้นหลุดจากฉันได้ หยุดพยายามซะ”
เธอเม้มปากแน่น ไม่อยากยอมรับคำพูดของเขา แต่ความจริงคือเธอเริ่มเหนื่อยจนแขนขาไม่มีแรงต่อสู้ น้ำหนักของเขาที่กดเธอไว้ และสัมผัสที่อบอุ่นในอ้อมแขนนั้นทำให้เปลือกตาของเธอเริ่มหนักขึ้น
ในที่สุด เธอก็หยุดดิ้น พยายามหายใจลึกๆ ในช่องว่างเล็กๆ ที่พอจะทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระเล็กน้อย แต่ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้และความใกล้ชิดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้เริ่มก่อให้เกิดความรู้สึกที่เธอไม่อยากยอมรับ
“ถ้าฉันไม่ปล่อย...” เขากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหูของเธอ “เธอจะทำอะไรได้?”
เธอไม่ตอบ เพราะตอนนี้เสียงของเธอแทบจะหายไปกับแรงหอบหายใจที่หนักหน่วง เธอหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว พยายามจะไม่สนใจความอบอุ่นที่ไหลเวียนจากตัวเขามาสู่เธอ
ไม่นาน เสียงลมหายใจของเธอก็เริ่มสม่ำเสมอ และอ้อมแขนที่รัดเธอไว้แน่นนั้นก็เหมือนจะเปลี่ยนเป็นเกราะที่ปกป้องเธอแทน อคินมองเธอที่เผลอหลับไปในอ้อมกอดของเขา เขาไม่พูดอะไรอีก นอกจากค่อยๆ ผ่อนลมหายใจช้าๆ
"เธอไม่มีทางหนีจากฉันได้ นารา..." เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอนโดยที่ยังคงโอบเธอไว้แน่น ราวกับเธอเป็นสิ่งล้ำค่าที่เขาจะไม่ยอมปล่อยไป
นาราดิ้นพล่านในอ้อมแขนแข็งแรงของอคิน แม้แรงของเธอจะเริ่มลดลงเพราะความเหนื่อยล้า แต่ความโกรธยังคงพลุ่งพล่าน เธอหอบหายใจพลางโวยวายเสียงดัง
“ปล่อยฉันนะ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้! ไอ้คนเอาแต่ใจ!” เธอพยายามผลักเขาออกอีกครั้ง แต่แรงกอดนั้นกลับแน่นขึ้นจนเธอแทบหายใจไม่ออก
เขายิ้มบางๆ แต่แววตาคมกริบยังจ้องเธอด้วยความเด็ดขาด “ฉันบอกแล้วไง... เธอไม่มีทางหนีจากฉันไปได้”
คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนไฟโกรธในใจของเธอ นาราเงยหน้าขึ้นจ้องเขา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ “คุณนี่มันบ้า! เอาแต่พูดว่า ‘ฉันไม่มีทางหนีจากคุณได้’ คุณเป็นใครกับฉันมิทราบยะ!”
เสียงของเธอดังก้องในห้องที่เงียบงัน เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ มองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ราวกับคำถามของเธอได้ท้าทายอะไรบางอย่างในตัวเขา
“ฉันเป็นใครกับเธอ?” เขาทวนคำช้าๆ น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่งจนน่ากลัว
“ใช่! คุณเป็นใคร! คุณคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชีวิตฉันหรือไง!” นาราตะโกนกลับ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธและความสับสน
อคินไม่ตอบในทันที แต่เขาโน้มตัวลงมาใกล้จนใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นของเขาเป่ารดแก้มของเธอ ริมฝีปากของเขาเกือบแตะกับของเธอ แต่เขาหยุดไว้แค่นั้น
“ฉันคือคนที่เธอไม่มีวันหลุดพ้น” เขากระซิบ น้ำเสียงต่ำลึกแต่แฝงด้วยความเยือกเย็น “และถ้าเธอยังถามคำถามแบบนี้อีก... ฉันจะทำให้เธอจำได้ว่าเธอเป็นของใคร”
นาราตัวแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนวาบด้วยความโกรธปนความหวาดกลัว แต่เธอไม่ยอมหลบสายตา ดวงตาของเธอยังคงจ้องเขาอย่างท้าทาย “ฉันไม่ใช่ของใครทั้งนั้น!”
เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เสียงนั้นทั้งเยาะเย้ยและมั่นใจ “เราจะได้เห็นกัน”
จากนั้นเขาดึงเธอเข้ามาใกล้ อ้อมแขนแข็งแรงที่รัดร่างของเธอแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เธอพยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่แรงทั้งหมดของเธอเหมือนถูกดูดกลืนไปโดยอำนาจที่เขามีเหนือเธอ
สุดท้าย นาราได้แต่ปล่อยตัวเองให้อ่อนแรงลงในอ้อมกอดของเขา รู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง ขณะที่เขายังคงกอดเธอไว้แน่น ราวกับเธอเป็นสมบัติที่เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ใครแย่งชิงไปได้