กายผูกกันด้วยคำมั่นสัญญา ทว่าไม่ใช่กับหัวใจที่ด้านชานั้นจะเริ่มโหยหาอิสรภาพ
“ขอบคุณสำหรับมื้อพิเศษแล้วก็ที่พามาดื่มต่อด้วยนะคะ รินชอบ... และประทับใจเป็นอย่างมากเลยค่ะ คิดว่ายังไงก็คงจะได้ทำงานร่วมกันไปอีกนานเลย อ๋อ นี่ของฝากจากคุณพ่อรินนะคะ เป็นการขอโทษที่ท่านไม่ได้มาด้วยตัวเองค่ะ”
คำขอบคุณเป็นกันเองของคู่ค้าสาวสวยทำเอาเลขาคนสนิทของท่านประธานเริ่มคิ้วกระตุกเข้าหากันอย่างห้ามไม่อยู่
แน่นอนว่ามันรวมไปถึงท่าทีนิ่ง ๆ ที่ไม่หือไม่อือหรือขยับเขยื้อนออกให้ห่างหญิงสาวที่ดูก็รู้ว่าตั้งใจเบียดเสียดกายเข้าไปใกล้เกินความจำเป็นขนาดที่ว่าจะสามารถนั่งเกยตักกันได้อยู่แล้ว
หากธนินไม่ไอกระแอมเพื่อเรียกความสนใจของคนทั้งคู่ให้เปลี่ยนมาที่ตนเองก็คงจะรู้สึกผิดกับบุคคลที่ป่านนี้คงจะรอเจ้านายของเขากลับบ้านในเวลาดึกดื่นอีกเช่นเคย รู้ว่าคนเป็นเจ้านายนั้นคงจะไม่ได้คิดอะไรกับลูกสาวคู่ค้าที่ตั้งใจทอดสะพานให้เต็มที่
และธนินก็ไม่คิดเหมือนกันว่าหล่อนจะไร้ยางอายจนเลือกกระทำเช่นนี้กับคนที่มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว เพราะแหวนที่สวมใส่บนเรียวนิ้วนั้นก็เด่นกระทบแสงไฟในร้านให้เห็นชัดเจน
‘เปรมปวีณ์’ ถ้านับตอนอยู่ในเวลางานแน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องเป็นเจ้านายธนินอยู่แล้ว ทว่าหากส่งลูกค้าที่วอแวอยู่ในตอนนี้เสร็จสิ้นเมื่อไหร่เขาสองคนก็เป็นแค่เพื่อนสนิทที่เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ไม่คิดว่าการใช้ชีวิตด้วยกันมาแทบจะทุกช่วงวัยนั้นจะต้องมาจบลงที่ต่างฝ่ายต่างต้องทำงานร่วมกัน
เนื่องด้วยเพื่อนเขาเจ้าระเบียบ นิ่งขรึม เสียจนมันตึงมือใครหลายคนจะเอาอยู่ ทำงานกับอีกฝ่ายได้ไม่นานก็เผ่นหนีหายกันไปหมดเป็นว่าเล่น ตอนนั้นเขาเองก็อยู่ในช่วงที่อยากจะหางานใหม่ทำด้วยเลยต้องมาจบที่ลองสมัครเป็นเลขาให้เพื่อนสนิท
เราทำงานเข้ากันได้แบบที่เรียนอยู่ต่างประเทศดีเกินคาด แม้บางครั้งจะอยากใช้กำลังเหมือนตอนวัยรุ่นมากกว่าหัวคิดก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เขาจึงเลือกทำหน้าที่ตรงนี้แทนที่จะไปหางานอื่นที่มันมีความเครียดน้อยกว่า
แล้วต้องมาปวดหัวเข้าไปอีก หลังจากที่ท่านประธานนั้นตัดสินใจแต่งงานกับดีไซน์เนอร์สาวสวยลูกหลานตระกูลผู้ดีเก่า ซึ่งเปรมปวีณ์ก็ดูจะประสาทแดกไปอีกขั้นในสายตาลูกน้องรวมถึงคนรอบกายที่ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกัน
ยิ่งธนินที่ตัวติดกับเพื่อนตลอดมีหรือจะไม่เคยเห็นถึงพฤติกรรมของอีกฝ่ายที่มีต่อภรรยาเด็ก
นี่ก็ลุ้นอยู่ว่าเสร็จจากงานนี้เจ้านายเขาจะตรงกลับบ้านหรือเป็นคอนโดส่วนตัวที่ใช้นอนบ่อย ๆ เพราะไม่อยากจะไปเหยียบเรือนหอเท่าไหร่
“คุณรินจะให้ผมเดินไปส่งที่รถเลยไหมครับ กลัวว่าถ้าดึกดื่นมากกว่านี้คุณจิรกิตต์รู้เข้าผมกับท่านประธานจะแย่เอา เพราะดูแล้วคงจะห่วงลูกสาวน่าดูเลย”
“จริงด้วยค่ะ รินมัวแต่สนใจพี่เปรม เอ่อ... คุณเปรมปวีณ์จนลืมดูเวลาเลยค่ะ งั้นรินต้องขอตัวกลับเลยนะคะ ขอบคุณสำหรับวันนี้อีกครั้งค่ะ แล้วก็ไม่รบกวนให้คุณเลขาต้องไปส่ง ไว้เอาเจอกันใหม่ตอนมีโอกาสนะคะ ไปนะคะคุณเปรมปวีณ์”
“ครับ”
ให้หลังลูกค้าสาวธนินที่ลุกขึ้นยืนเพื่อส่งหล่อนก็ถอนลมหายใจออกมาทันที ก่อนจะสบตากับเพื่อนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมพร้อมกับยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีอำพันขึ้นจิบอย่างไม่นึกจะใส่ใจในบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดเมื่อสักครู่นี้เลย
ถ้าเด็กคนนั้นได้มาเห็นล่ะก็ ไม่พ้นต้องน้ำตารื้นขึ้นมาให้เห็นอีกเป็นแน่
ผ่านมาจนทุกวันนี้แล้วธนินก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนสนิทจะใจร้ายไม่นึกไยดีภรรยาที่อายุน้อยกว่าไปถึงไหน จะว่าเป็นช่วงวัยของอายุอานามก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมดถ้าเปรมปวีณ์มันคิดจะเปิดใจ แต่ก็นั่นแหละมันเป็นเรื่องในครอบครัวของอีกฝ่าย ต่อให้จะสนิทกันมากขนาดไหนก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายชีวิตใครได้อยู่ดี
“จะรอให้หล่อนขึ้นไปนั่งบนตักก่อนหรือยังไงมึงถึงจะพูดปรามอะไรออกมาบ้าง”
“แล้วเธอทำหรือยัง”
“ไอ้เปรม มึงอย่ามาทำตัวทุเรศให้กูเห็น มึงแต่งงานกับน้องมาจะเข้าปีที่สามแล้วนะเว้ย ไม่รู้สึกอะไรกับเด็กมันเลยเหรอ”
ธนินนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเพื่อนดังเดิม อีกฝ่ายที่ยังถือแก้วเหล้าอยู่ทำเพียงปรายตามองเขาแล้วเอนเรือนกายสูงใหญ่พิงเก้าอี้ของร้านหรู ทอดนัยน์ตาลงไปเบื้องล่างที่มีเหล่านักท่องเที่ยวยามราตรีกำลังถูกมอบเมาด้วยกิเลสความอยาก
“ก็ในเมื่อไม่รักจะแคร์ทำไม”
“ไอ้เหี้ยเปรมปวีณ์ ปากมึงนะ”
“อย่ามาด่ากู เคยบอกไปแล้วว่าทนไม่ไหวเมื่อไหร่ก็แค่หย่ากัน” เขาทราบดีว่ามันไม่ได้ง่าย เนื่องจากมีเรื่องของวงศ์ตระกูลและคนที่จากไปแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก ทว่าเด็กคนนั้นก็แค่แก้วใสบริสุทธิ์บาง ๆ ซึ่งรอวันที่เขาเคาะไม่กี่ครั้งก็คงจะแตกละเอียดคามือ
รวมไปถึงรู้ว่าที่ภรรยานั้นอดทนกับความเดียวดายซึ่งเขาเป็นคนมอบมันให้เธอเองมาได้ถึงทุกวันนี้ก็คงจะรักเขามาตั้งแต่ต้น นั่นเป็นอะไรที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยสักนิด แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อเปรมปวีณ์ไม่ได้ขอให้เธอมารู้สึกกับตนเองตั้งแต่แรก ฉะนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่เธอจะต้องเจ็บปวดในความสัมพันธ์นี้
ก่อนดวงตาคมจะหันไปจับจ้องเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะที่มันกำลังสั่นจากปลายสายเรียกเข้า แม้ว่าจะไม่ได้บันทึกรายชื่อตามลำดับความสำคัญเอาไว้ แต่เขาก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นใครที่โทรเข้ามาหากันตั้งแต่ที่ยังคุยงานกับลูกค้าสาวไม่เสร็จ มือหนาเลือกวางแก้วลง ตั้งใจกดรับแค่ตามมารทายเท่านั้น
[พี่เปรม...]
“มีธุระอะไร เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าควรมีมารยาทในการต่อสายหาคนอื่น”
[ขอโทษค่ะ ชมพูก็แค่...]
“รีบว่าธุระของเธอมา แล้วฉันไปเป็นพี่เธอตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ”
[อ่า คุณเปรมจะกลับมาทานข้าวที่บ้านไหมคะ พอดีชมพูเตรียมดินเนอร์กับเค้กวันครบรอบเอาไว้ให้น่ะค่ะ ไม่ได้จะโทรตามเพราะกลัวว่าคุณเปรมลืมนะคะ แต่ชมพูเห็นว่ามันดึกมาก—]
“จะเอาคำตอบตรง ๆ เลยไหม จะได้ไม่เสียเวลา”
[ยังไงนะคะ]
“ฉันไม่ได้ลืม นั่นมันเพราะว่าฉันไม่เคยจำอะไรที่เกี่ยวกับเธอได้เลย”
[คุณ… ล้อชมพูเล่นอยู่แน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ]
“ฉันเชื่อว่าเธอรู้ดีอยู่แก่ใจที่สุดแล้ว ไหน ๆ มันก็มาขนาดนี้แล้ว ฉันอยากให้เธอพิจารณาดูจริงจัง ฝืนไปต่อก็มีแต่เธอที่เจ็บ”
[ขอร้องล่ะค่ะ ขอโอ—]
“ฉันอยากหย่า ได้ยินหรือเปล่า หนูคืนอิสระให้พี่ได้ไหมคะคนดี อย่าให้เรื่องมันต้องยุ่งยากวุ่นวายไปมากกว่านี้เลย”
ธนินที่ฟังอยู่อย่างเสียมารยาทนิ่งค้างและคงจะไม่ได้ต่างจากปลายสายสักเท่าไหร่ ประโยคของเพื่อนเมื่อสักครู่นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสามปีที่ผ่านมาเปรมปวีณ์คงจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับ ‘เพชรชมพู’ เลย
เพราะประโยคขอหย่ามันดูจะง่ายดายในการเอื้อนเอ่ยออกมาสำหรับเพื่อนเขาที่รอเวลาเสียเหลือเกิน
TBC.
แน่นอนว่าพระเอกมันไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นค่ะ (🚩🌲)
ทุกตัวละครมีความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
*จบดี ไม่มีนอกกายนอกใจ*
ฝากเพิ่มเข้าชั้น+คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
เดี๋ยวตอน 2 มาอย่างเร็ว 😉