มือเล็กยกก่ายหน้าผากในห้องนอนของตัวเอง แม้มาร์คัสจะพูดแบบนั้นแต่ญานินก็ไม่ได้ทำตามที่อีกฝ่ายบอก และเขาก็ไม่ได้บังคับ เธอเพียงนวดผ่อนคลายให้เขาและทำเป็นไม่เห็นว่ามือหนากำลังรูดรั้งส่วนใหญ่โตจนกระทั่งได้ยินเสียงคำรามต่ำพร้อมกับของเหลวที่พุ่งออกจากรูเล็ก ๆ
ฉ่า...
“บ้าไปแล้วยัยนิน”
มือเล็กตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพราะภาพนั้นมันติดตาจนเธอเริ่มรู้สึกบางอย่างขึ้นมาเหมือนกัน
สองขาเรียวหนีบเข้าหากันแน่น เพราะเธอดันรู้สึกคันยุบยิบจนอดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วเรียวเกลี่ยไปตามร่องชื้น
“อื้อ” ยามที่ปลายนิ้วไล่ผ่านจุดกระสันความร้อนวาบก็แล่นพล่านไปทั้งร่างแต่นั่นไม่เท่ากับความเสียดเสียวที่เธอได้รับจากก้านนิ้วยาวของเขา
เพราะนิ้วของมาร์คัสน่ะทั้งใหญ่ ทั้งร้อน...
“อ๊ะ”
เพียงคิดภาพที่นิ้วหนาสอดเข้าออกร่องรักความเสียวซ่านก็เข้าโจมตีจนกลั้นเสียงหวานไม่ได้ ไหนจะเสียงครางต่ำและภาพท่อนเนื้อน่าเกรงขามที่เพิ่งได้เห็นมาอีก
ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น...
ดวงหน้าหวานเห่อร้อน เธอถกกระโปรงชุดนอนที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ไว้ที่หน้าท้อง เผยให้เห็นดอกไม้สาวเปียกแฉะราวกับเพิ่งถูกรดน้ำมา
ทั้งที่เคยทำงานในที่อโคจรมาก่อนแต่เธอไม่เคยมีอารมณ์จนต้องมาช่วยตัวเองแบบนี้เลยสักครั้ง แต่ได้เจอกับมาร์คัสไม่กี่วันกลับทำให้ญานินกลายเป็นคนหมกมุ่นได้ขนาดนี้
ขาเรียวอ้าออกกว้างกว่าเดิม จากแค่เพียงเกลี่ยลูบภายนอกก็ค่อย ๆ สอดนิ้วเข้ามาในช่องทางอ่อนนุ่ม แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอจนต้องเพิ่มเข้าไปอีกนิ้ว
“อื้ม”
เธอเพิ่มจำนวนนิ้วจนรู้สึกถึงความคับแน่นและแรงรัดตุบ ๆ ทั้งที่มาร์คัสสอดเข้ามาแค่นิ้วเดียวก็แน่นขนัดมากแล้ว นิ้วเรียวสอดเข้าออกเชื่องช้า มืออีกข้างก็กอบกุมหน้าอกอย่างไม่รู้ตัว
เสียงหวานครางแผ่วเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาในส่วนอ่อนไหว เปลือกตาสีมุกปิดลงพลันจินตนาการภาพลามกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับผู้เป็นเจ้านายอย่างหน้าไม่อาย
“อะ เสียวจัง อื้อ นายท่าน อื้อ”
ภาพตรงหน้าพร่าเบลอจนเธอรู้สึกวูบวาบไปหมด ดวงตาคู่สวยฉ่ำปรือ ปากอิ่มครวญคราง ก้านนิ้วเรียวเข้าออกส่วนอ่อนไหวลึกขึ้น...เร็วขึ้น...
กระทั่ง...
“อ๊า !!”
ร่างเล็กแอ่นเกร็งจนหลังไม่ติดเตียงพร้อมกับปลดปล่อยของเหลวออกมาจนเลอะต้นขา ในห้องมืดมีเพียงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงจากความเหนื่อย หางตาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ผ่านผ้าม่านผืนบาง แต่เพราะเลยเวลานอนมามากแล้ว เธอจึงทนความง่วงไม่ไหวแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
...
ก๊อก ๆ
“นิน นิน”
เฮือก !
ร่างเล็กสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก มือเรียวรีบควานหาโทรศัพท์มาดูและก็ต้องตกใจเพราะนี่เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว ซึ่งถือว่าสายมากสำหรับการเป็นสาวใช้ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ญานินจึงตาลีตาเหลือกไปเปิดประตู
“นายท่านเรียก อะไรกันเพิ่งตื่นเหรอ”
“ขอโทษจ้ะพี่บัว” บัวคือสาวใช้ที่สนิทกับญานินมากที่สุด เธอเข้ามาทำงานที่นี่เพราะถูกขายมาเพื่อใช้หนี้พนันที่ทางบ้านก่อขึ้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอก รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปหานายท่านเถอะ พี่จะออกไปรับหน้าให้ก่อน”
“ขอบคุณนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”
หลังจากที่บัวเดินออกไปญานินก็ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงห้านาทีก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบไปหาเจ้านายที่ห้องทานอาหาร
ป้าแก้วปรายตามองผู้ที่เอ็นดูเสมือนหลานในไส้อย่างตำหนิทั้งที่อยู่ต่อหน้านายท่านกลับยังทำตัวเป็นไม้ดีดกะโหลก
มาร์คัสชำเลืองมองคนมาใหม่โดยที่ไม่พูดอะไร ใบหน้าแดงก่ำและเม็ดเหงื่อที่ผุดซึมออกมาเป็นหลักฐานชั้นดีว่าอีกฝ่ายรีบร้อนมากแค่ไหน
เขาทานอาหารด้วยท่วงท่าสง่างามสมกับที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี และใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมือหนาก็ซับริมฝีปากเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าอาหารมื้อนี้สิ้นสุดลงแล้ว
“ตามฉันไปที่ห้องทำงาน”
“ค่ะ นายท่าน” ธิดาที่ยืนอยู่ตำแหน่งใกล้ชายหนุ่มที่สุดตอบอย่างกระตือรือร้น แต่กลับถูกหักหน้าด้วยประโยคต่อมา
“ไม่ใช่เธอ แต่เป็นเธอ”
สิ้นเสียงญานินก็ได้รับสายตาไม่พอใจจากธิดา แต่เธอก็ทำเพียงก้มหน้าก้มตาและเดินตามร่างสูงไปที่ห้องทำงานของเขา
โครกก
ไม่ทันจะได้ปิดประตูบานสวยเสียงท้องเธอก็ร้องโครกครากอย่างน่าอาย
“หิวเหรอ”
“ปะ...เปล่าจ้ะ เอ่อ...ก็นิดหนึ่งจ้ะ”
“ที่ครัวไม่มีข้าวให้กินเหรอ”
“มีจ้ะ”
“แล้วทำไมไม่กิน”
“คือหนูตื่นสาย” ญานินยังคงเป็นเด็กไร้เดียงสา เธอพูดความจริงไปโดยลืมว่าตัวเองอาจถูกต่อว่า แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรจนเป็นเธอที่เงยหน้ามองเขา
“เอาของว่างมาให้ฉัน” มาร์คัสบอกความต้องการผ่านโทรศัพท์ที่เอาไว้ใช้ภายใน เขาปรายตามองหญิงสาวแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “อื้ม เอาพวกขนมมาด้วย”
ไม่กี่นาทีต่อมาสาวใช้ก็ถือถาดขนมหลากหลายชนิดเข้ามา ส่วนสาเหตุก็เพราะผู้เป็นนายไม่เคยรับประทานขนมเลยสักครั้งจึงเอามารวม ๆ ให้นายท่านเลือก
“รับไปสิ”
“หนูทานได้หรือจ๊ะ”
“ทำไมจะไม่ได้”
“ก็...” ป้าแก้วบอกตั้งแต่เข้ามาที่นี่แรก ๆ แล้วว่าอาหารสำหรับเจ้านายสาวใช้อย่างเราไม่มีสิทธิ์กิน มาร์คัสมองสีหน้าเคร่งเครียดอย่างนั้นก็ถอนหายใจ
“กินเข้าไป จะได้หยุดเสียงท้องนั่นเสียที”
มาร์คัสพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เพราะอีกฝ่ายมีหน้าตาและเสียงที่ดุดันอยู่แล้วจึงทำให้ญานินเข้าใจไปว่ากำลังถูกดุเพราะรำคาญเสียงท้องร้องของเธอ
มือเล็กเอื้อมไปหยิบคุกกี้ชิ้นใหญ่ก่อนจะกัดมันเข้าปาก กลิ่นหมอของเนยและสัมผัสละมุนลิ้นทำดวงตาที่กำลังสั่นระริกเปลี่ยนเป็นแวววับในชั่วพริบตา มาร์คัสที่มองการกระทำอยู่ทั้งหมดก็ส่ายหน้าเบา ๆ ชั่วแวบหนึ่งที่เขาคิดว่าเด็กคนนี้ช่างน่าเอ็นดู
“ชอบมากเหรอ”
“จ้ะ อร่อยมาก” ญานินแทะกินคำเล็ก ๆ เพราะกลัวว่าของอร่อยจะหมดเร็ว และเหมือนว่ามาร์คัสจะเข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงทำอย่างนั้น
“กินเถอะ ถ้าหมดฉันจะให้คนเอามาให้อีก”
“จริงเหรอจ๊ะ”
“อื้ม แล้วก็ไปนั่งกินดี ๆ”
“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะนายท่าน” ญานินกระพุ่มมือไหว้ทั้งยังยิ้มแฉ่งให้ผู้เป็นนายก่อนจะเดินไปนั่งที่พื้นข้างโซฟา
“ขึ้นไปนั่งด้านบน”
“แต่ว่า-”
“ดื้อเหรอ”
คำนี้อีกแล้ว...
ไม่รู้ว่าญานินหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่าเพราะแค่ได้ยินคำนี้ภาพคืนวันนั้นก็ผุดเข้ามาในสมองจนดวงหน้าหวานเห่อร้อน
ร่างเล็กขึ้นไปนั่งที่โซฟานุ่มสบายด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเพราะไม่เคยชิน กระทั่งคุกกี้หลายชิ้นในจานหมดลง
“ชอบมากเลยเหรอ”
“จ้ะ แต่หนูอิ่มแล้วไม่ต้องเอาขึ้นมาอีกหรอกจ้ะ เอ่อ...นายท่านให้หนูนวดเลยไหมจ๊ะ”
“อื้ม มาสิ”
“จะ...จ้ะ” ญานินเดินอ้อมไปด้านหลังเหมือนเดิม เธอนวดลาดไหล่กว้างที่แข็งปั่กเพราะกล้ามเนื้ออย่างตั้งอกตั้งใจ และเมื่อทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบญานินก็ยิ่งประหม่า
“ใจคอจะบีบนวดอยู่แค่ตรงนั้นหรือไง”
“อะ”
“นิ้วเธอเล็กมาก” มาร์คัสไม่พูดเปล่าเขายังจับปลายนิ้วเรียวไว้เบา ๆ
“จะ...จ้ะ นายท่านปล่อยก่อน” ญานินชักมือตัวเองกลับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่อีกคนยังคงรั้งมันไว้
“ต้องเอาเข้าไปถึงสามนิ้วเลยสินะ
“นะ...นายท่านพูดเรื่องอะไร” หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ราวกับคนมีชนักติดหลังและกำลังจะถูกจับได้
“ฉันแค่จะเอาน้ำมันนวดไปคืน”
“!!!” เงามืดที่เธอเห็นผ่านม่านเมื่อคืนคือเรื่องจริงสินะ อีกทั้งคนที่เห็นยังเป็นเจ้าของชื่อที่เธอครวญครางเพื่อปลดปล่อยอารมณ์อีกต่างหาก
“นะ...หนู”
“เธอน่ะ อยากมาเป็นเด็กเลี้ยงของฉันไหม”
“ดะ...เด็กเลี้ยงเหรอจ๊ะ”
“อืม ไหน ๆ ก็คิดเรื่องพรรคนั้นกับฉันอยู่แล้วนี่”
“…” ญานินช้อนตามองอีกคนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เธอคิดเรื่องลามกกับเขาก็จริงแต่ญานินไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับข้อเสนอแบบนี้
“เธอจะได้กินทุกอย่างที่อยากกิน ได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ และจะให้เงินใช้รายเดือนแยกอีกต่างหาก”
“...” ญานินเม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิด ที่อีกฝ่ายพูดไม่ต่างจากการทำลายศักดิ์ศรีเธอเลยสักนิด แต่ถ้าไม่ตอบตกลงก็กลัวว่าตนจะไม่มีที่ซุกหัวนอน
มาร์คัสมองใบหน้าที่กำลังคิดหนักทั้งที่เก็บเอาร่างกายเขาไปช่วยตัวเองอย่างนั้นก็ถอนหายใจ
“ฉันต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ จะกลับมาในอีกสามวันและหวังว่าวันนั้นจะได้คำตอบที่น่าพอใจจากเธอ”