“มึงว่าเด็กเร้ดนั่นไว้ใจพวกเราหรือยังวะไอ้ธน?” ชนกชนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับถามเพื่อนรักที่กำลังสาวพวงมาลัยเลี้ยวไปจอดรถหน้าตึกคณะศึกษาศาสตร์ตามที่สาวน้อยรุธิรานัดหมายไว้
“กูว่าน่าจะระดับหนึ่งแล้วละ พวกเราไม่ได้ดีจนใจหาย ไม่ได้ร้ายจนเด็กนั่นกลัว กูว่าพวกเราทำตามแผนได้ดีเลยทีเดียว” ธนบัตรตอบเพื่อนเสียงขรึมก่อนจะกวาดสายตามองหาร่างเล็กบอบบางของรุธิราแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดี ถ้าจัดการเรื่องคนของบ้านรวีไวย์เสร็จสิ้นเมื่อไหร่กูกับมึงจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจ...” ชนกชนพูดเสียงเศร้าในขณะที่ดวงตาคู่สวยหวานของเขาเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุธิราเดินลงมาจากตึกพร้อมเด็กสาวผมทองวัยไล่เลี่ยกัน
รุธิราเหมือนจะจำรถมาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้คันหรูสีขาวสวยของธนบัตรได้ เธอรีบโบกไม้โบกมือให้พวกเขาด้วยท่าทางร่าเริงพร้อมยิ้มตาหยีอย่างน่ารักก่อนจะวิ่งตรงดิ่งมาหาพวกเขาพร้อมเพื่อนสาวของเธอ
“มึงดูเร้ดสิ... ไม่รู้เลยว่ากำลังจะถูกหมาป่ากิน พวกเราทำใจกินเด็กนั่นที่ดูไม่ประสาต่อโลกได้เหรอวะไอ้ธน? จะว่าไปเด็กมันก็ไม่ได้ทำผิดอะไร” ชนกชนกดเลื่อนกระจกรถลงมาแล้วโบกมือทักทายตอบเธอพลางเอ่ยปากถามเพื่อนรัก
“อย่ามาทำเป็นใจอ่อนน่าไอ้ชิค แม่ของเราสองคนก็ไม่ประสาต่อโลก คนของบ้านรวีไวย์ยังทำกับแม่ของพวกเราได้ รอยัยแก่นิดาฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าหลานตัวน้อย ๆ ของตัวเองโดนหมาป่าเขมือบไปแล้วคงสนุกน่าดู... ขอแค่ให้ยัยแก่นั่นฟื้นแค่นั้น จะหมดเงินกี่ล้านกูก็ไม่สน ให้มันฟื้นขึ้นมาดูหลานสาวของมันที่เหลือแต่ซากที่พวกเราเคี้ยวกินแล้วคายทิ้งไว้” ธนบัตรตอบเพื่อนน้ำเสียงเย็นชาขณะที่หันหน้าไปโบกมือและยิ้มน้อย ๆ ให้กับรุธิราและเพื่อนของเธอที่วิ่งเข้ามาใกล้ตัวรถทุกที
“พี่ธนคะ! พี่ชิคคะ! เพื่อนหนูขอติดรถกลับด้วยได้ไหมคะ? พวกเราจะไปไหนกันคะ? ไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาลหรือเปล่า? เพราะถ้าไปทางนั้นก็ผ่านคอนโดของศศิพอดี” รุธิราที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาพวกเขาจนหน้าแดงปลั่งถาม เธอยิ้มละมุนพร้อมกับหอบหายใจน้อย ๆ ราวเด็กหญิงตัวเล็กที่วิ่งเข้าหาขนมเค้กก้อนโตอันเป็นของโปรด
“สวัสดีค่ะ พี่ธน พี่ชิค หนูชื่อศศิ เป็นเพื่อนสนิทของเร้ดค่ะ ขอกลับด้วยคนนะคะ” ศศิรีบชิงแนะนำตัวเองแล้วส่งยิ้มหวานให้สองหนุ่มหล่อบนรถ
หลังจากที่เพื่อนสาวเล่าให้ฟังว่ารู้จักสองหนุ่มหน้าตาดีจากการที่พวกเขาเข้ามาเป็นเจ้าของบ้านรวีไวย์แทนคุณย่ามันทำให้ศศิอยากทำความรู้จักกับว่าที่แฟนของเพื่อนมากขึ้นจนต้องตื๊อตามมาขอขึ้นรถด้วย
ศศิพบเจอหนุ่มหล่อหน้าตาดีมานักต่อนัก คู่ควงของเธอแต่ละคนก็นับว่าหล่อเหลาเอาการ แต่ถ้าพูดรวมถึงตั้งแต่รูปร่าง หน้าตา ฐานะและเสน่ห์ดึงดูด ยังไม่เคยมีใครเทียบรัศมีพี่ธนและพี่ชิคของรุธิราได้เลย
“เพื่อนของเร้ดจะไปลงตรงไหนล่ะ? วันนี้พวกเราไม่ได้ไปเยี่ยมคุณนิดานะ พี่บอกไปแล้วนะครับว่าวันนี้พวกเราต้องไปคุยกันหน่อย” ธนบัตรเอ่ยถาม แสร้งทำน้ำเสียงอ่อนโยนต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“แถวห้าแยกเลยมหา’ลัยไปหน่อยหนึ่งน่ะค่ะพี่ธน ได้ไหมคะ? ไปส่งหน่อยนะคะ” รุธิราเอ่ยเสียงออดอ้อน
ธนบัตรนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ สองสาวเลยฉีกยิ้มด้วยความดีใจแล้วกระโดดขึ้นรถทันที
“วันนี้หนุ่ม ๆ แถวนี้คงร้องไห้กันหลายรายแน่ ๆ เลยค่ะ” ศศิผู้ที่นั่งหลังชนกชนเอ่ยขึ้นขณะที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากหน้าคณะศึกษาศาสตร์
“หือ? ทำไมล่ะ?” ชนกชนเอี้ยวหน้าไปถามเธอ
“ก็หนูขึ้นรถหรูของหนุ่มหล่ออย่างพี่สองคน หนุ่มโสดครึ่งมหา’ลัยก็คงอกหักแล้วค่ะ ส่วนหนุ่มโสดที่เหลืออีกครึ่ง... คงจะร้องไห้เพราะยัยเร้ดกระโดดขึ้นรถพวกพี่มาด้วย” ศศิพูดเจื้อยแจ้วแล้วหันไปแซวเพื่อน
รุธิรามองค้อนเพื่อนสาววงใหญ่ก่อนจะแก้ตัวขึ้นมา
“พวกพี่ไม่ต้องไปฟังศศิค่ะ หนูอยู่มหา’ลัย ไม่เห็นจะเด่นเลย ถ้ามีคนมองอยู่บ้างก็เพราะเขามองแกต่างหากศศิ ย้อมผมทองขนาดนี้ใครเขาจะไม่มอง”
“เร้ดมีคนจีบเยอะเหรอครับศศิ?” พี่ธนถามขึ้นมาเสียงขรึม
“ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกค่ะ หนูโม้ให้ฟังดูเวอร์เข้าไว้ ก็แค่พวกเด็กคณะแพทย์ 3-4 คน บวกกับพวกเด็กวิศวะอีก 4-5 คน ที่เหลือก็มีเด็กเกษตรบ้าง เด็กศึกษาบ้าง แล้วก็...”
“พอเลยยัยศศิ! พี่ธน พี่ชิค ไม่ต้องไปฟังค่ะ ศศิพูดเรื่อยเปื่อย” รุธิราเอ็ดเพื่อนแล้วทำหน้าแดง รู้อยู่ว่าเพื่อนสาวอยากสนับสนุนให้เธอได้คู่กับหนึ่งในสองหนุ่มหล่อ
ก็ยัยศศิไม่รู้ว่าหนูไม่ได้แค่คู่... หนูได้คี่เลยแหละ ถ้ารู้แล้วคงไม่มานั่งขายหนูให้พวกพี่เขาแบบนี้หรอก
“เพื่อนของศศิคนนี้ดีนะคะพี่ธน พี่ชิค เห็นอะไรก็ยิ้มได้ไปหมด โกรธใครก็ไม่นาน ร้องไห้ก็แป๊บเดียว อยู่ด้วยแล้วรับรองโลกสดใสค่ะ ที่สำคัญ รับรองได้ไปไม่มีผิดหวัง ซิงร้อยเปอร์เซ็นต์ ปักตะไคร้ไม่ใช่แค่ฝนหยุดตกนะคะ แผ่นดินงี้แห้ง แตก ฝนแล้งทันทีเลยค่ะพี่”
“ยัยศศิ!” รุธิราตวาดเพื่อนเสียงแหว หน้าแดงเข้าไปใหญ่เพราะความอายที่เพื่อนเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น
“น่ารักอย่างหนูเร้ดเนี่ยนะครับไม่เคยมีใคร?” ธนบัตรที่ขับรถอยู่ถามแล้วเหลือบมองสาวน้อยรุธิราผ่านกระจกมองหลัง
“เร้ดเขารอคนที่ใช่ค่ะพี่ธน ว่าแต่... ไม่รู้ระหว่างพี่ธนและพี่ชิคคนไหนจะเป็นคนที่ใช่” ศศิแซวเพื่อนอย่างร่าเริงแต่กลับโดนรุธิราตีเพียะเข้าที่ต้นแขน
“หยุดเลยศศิ คุยเรื่องอื่นเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้พี่ ๆ ส่งแกลงตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลย” รุธิราขู่เพื่อน แต่ศศิหัวเราะร่วนแทนที่จะเกรงกลัว
สาวน้อยผมทองโฆษณาเพื่อนต่ออีกชุดใหญ่ตลอดทางที่นั่งบนรถ กว่าจะถึงจุดที่เธอต้องลงสองหนุ่มหล่อก็รู้เรื่องราวเกี่ยวกับรุธิราอีกหลายอย่าง และที่รู้แน่นอนที่สุดคือรุธิราไม่ใช่เด็กสาวเรียบร้อยเหมือนที่พวกเขาคิด เธอแค่เป็นเด็กที่มองสิ่งใดก็ตามเป็นบวกไปเสียหมดจนใคร ๆ อยากจะเอาเปรียบ
“ตอนเรียนม.ปลาย เร้ดโดนหาว่าขโมยกระเป๋าเงินเพื่อนค่ะ เพราะเร้ดไม่มีเงินเรียนพิเศษ ไม่กินหรู ไม่ใช้ของแพง คนเลยคิดว่าเร้ดจนและจ้องแต่จะขโมยเงินของคนอื่น เร้ดโกรธแทบตาย ด่ากราดทุกคนที่มารุมว่า สุดท้ายนางก็เททุกอย่างในกระเป๋านักเรียนของตัวเองลงบนโต๊ะ แถมยังจะถอดเสื้อผ้าออกให้คนอื่นค้นอีก ใจเด็ดน่าดู เห็นตัวเล็ก ๆ” ศศิเล่าอย่างออกรสออกชาติ
“แล้วสุดท้ายเป็นไงศศิ?” ชนกชนถามต่อด้วยความสนใจ
“ไม่เป็นไงหรอกค่ะ หนูก็แค่เทกระเป๋าให้พวกเขาดู ว่าหนูไม่ได้เอากระเป๋าเงินใครไป ให้พวกเขาตรวจดูบนตัวให้หมด พอพวกเขาไม่เจอหนูก็ด่ากลับอีกชุดหนึ่ง ก็แค่นั้น” รุธิราตอบแล้วยักไหล่อย่างน่ารัก
“หนูเร้ดเนี่ยนะครับด่าคน?” ธนบัตรถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ใช่ค่ะ ด่า แต่สุดท้ายก็บอกขอบคุณพวกนั้นด้วย ตลกจัง ด่าแล้วตบท้ายว่า ‘อย่างน้อยก็ขอบคุณนะที่สงสัย เขาจะได้รู้กันว่าฉันไม่ใช่คนขี้ขโมย’ แถมบอกด้วยว่าถ้าครั้งหน้ามาใส่ร้ายอีกจะแจ้งจับข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” ศศิเล่าย้อนอดีตแล้วหัวเราะอย่างรู้สึกขบขัน
“ก็มันน่าด่าไหมล่ะ? หนูไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยนะคะ ให้ด่าก็ด่าได้ ด่าแรงด้วย หรือพี่ธนอยากลองให้หนูด่าดูคะ?” รุธิราแกล้งถามพี่ธนที่ตอนนี้เริ่มชะลอรถจอดตรงจุดที่ศศิต้องการจะลงแล้ว
“ไม่ต้องหรอกครับ พี่กลัวเร้ดเหนื่อย เก็บแรงด่าไว้ทำอย่างอื่นดีกว่าครับเร้ด พี่จอดรถข้างหน้า เลยแยกไปนิดหนึ่งได้ใช่ไหมครับศศิ?” พี่ธนตอบรุธิราแล้วถามเพื่อนของเธอต่อทันที
“ได้ค่ะ บ้านของหนูอยู่ในซอยใกล้ ๆ แยกนั่นแหละค่ะ ไม่ต้องเข้าไปส่ง รถคันใหญ่ ซอยบ้านหนูเล็กนิดเดียว เข้าออกลำบาก” ศศิบอกหนุ่มแว่นรูปหล่อแล้วรีบคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบเล็กมาถือ เตรียมตัวลงจากรถที่กำลังชะลอความเร็ว
“ขอบใจนะน้องที่ช่วยเล่าเรื่องเร้ดให้พวกพี่ฟังเยอะแยะ ทำให้พวกพี่รู้จักเร้ดดีขึ้นด้วย” ชนกชนหันไปขอบคุณเด็กสาวที่กำลังก้าวลงรถหลังจากที่รถจอดสนิท
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่พวกพี่จะพาเร้ดไปไหนต่อคะ?” ศศิถามออกไปด้วยความอยากรู้ คำตอบที่ได้กลับมามันทำให้ศศิยิ้มแต่ทำให้หัวใจของสาวน้อยรุธิราเต้นรัวเร็ว
“พวกพี่ตกลงกันไว้น่ะครับว่าวันนี้ต้องชิม ‘ลาเต้’ ให้ได้ เพราะตอนนี้พวกพี่รู้แล้วว่าลาเต้ออกจะมัน ๆ หน่อย และไม่ขม แต่จะนมเยอะไหมต้องไปดูกันต่อครับ” ธนบัตรตอบเพื่อนสนิทของหนูเร้ดพร้อมรอยยิ้มร้ายที่มุมปาก