8
“พอกูบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการขอโทษ มึงก็ล่อเอาร้านแพงเลยนะ ไอ้ออย”
“แน่นอน! มึงคิดว่ากูจะเลือกร้านถูก ๆ เพราะเกรงใจมึงเหรอ? ไม่มีทางจ้ะ” ภายในร้านอาหารเกาหลีย่านสยาม เสียงบทสนทนาระหว่างจุ๊บจิ๊บและออยก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ หลังพวกเขากำลังนั่งรออาหารกันอยู่
“มา… ตอนนี้มึงเล่าเรื่องของมึงให้กูฟังได้แล้ว” เมื่อพนักงานนำเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเป็นอย่างแรกแล้ว ออยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น เพราะเธออยากจะฟังเรื่องราวจากจุ๊บจิ๊บเหลือเกิน
“ก็รอให้พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟก่อนไม่ได้หรือไง ตอนนี้เครื่องเคียงก็ยังไม่มาเลยเนี่ย”
“แล้วทำไมเราต้องรอล่ะ มึงก็เล่าตอนนี้เลยสิ จะเป็นอะไรไป”
“….”
“รีบเล่ามาได้แล้ว เพราะกูอยากรู้เรื่องของเพื่อนสนิทแทบแย่แล้วเนี่ย” ออยเร่งเร้าต่อ ทำเอาจุ๊บจิ๊บได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มเล่าเรื่องแต่งของตัวเองที่เตรียมมาตั้งแต่บ้านให้เธอฟัง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาเลือกที่จะโกหกเพื่อน และไม่ยอมเล่าความจริงให้ออยฟังว่าตัวเองกำลังอยู่กินกับผี นั่นก็เพราะเขากลัวออยจะเข้ามาขัดขวาง ประกอบกับจุ๊บจิ๊บไม่อยากให้คนนอกมารับรู้เรื่องนี้เยอะขนาดนั้น เพราะเรื่องพวกนี้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเจนกับคุณนายเอื้อง
“พบรักกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เหมือนในนิยายเลยว่ะ แต่จะว่าไปแล้วสามีมึงก็รุกแรงอยู่นะเนี่ย” เมื่อเล่าเรื่องแต่งให้ออยฟังเรียบร้อยแล้ว ออยก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเพ้อฝัน หลังจุ๊บจิ๊บได้เล่าไปว่าเขากับคุณเจนเจอกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
“จริง ๆ พี่เจนก็ไม่ได้รุกแรงหรอก แต่ถ้าตอนนั้นเขาไม่กล้าเข้ามาขอเบอร์ ก็คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วอะ” จุ๊บจิ๊บตอบเพื่อนสนิทเสียงแผ่ว พลางคีบสามชั้นย่างเข้าปาก
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เพิ่งรู้จักกันแค่เดือนเดียวมึงก็ยอมย้ายเข้าไปอยู่กับเขาแล้วเหรอ? แล้วตอนนั้นมึงก็เคยบอกกูว่าจะมีการย้ายออกด้วย มันหมายความว่ายังไงวะ?” ออยถามต่ออย่างนึกสงสัย ซึ่งคำถามของเธอนั้นก็ทำเอาจุ๊บจิ๊บถึงกับกุมขมับ เพราะเขาไม่คิดว่าเพื่อนจะความจำดีถึงขนาดนี้
“ก็…เผื่อกูได้งานไง เพราะบริษัทที่กูจะยื่นไป มันก็อยู่ห่างจากบ้านคุณเจนเยอะอยู่นะ ถ้าจะให้ไปกลับทุกวันก็คงไม่ไหวหรอก” จุ๊บจิ๊บตอบกลับไปอีกครั้ง โดยเขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะตอบทุกอย่างด้วยท่าทีธรรมชาติ
“แบบนี้นี่เอง แต่ยังไงกับคนนี้ก็ขอให้นาน ๆ นะมึง กูอยากให้มึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง เรื่องไหนที่ไม่ดีก็ทิ้ง ๆ มันไปนะ”
“อ—อ๋อ ขอบคุณ” เมื่อเห็นเพื่อนอวยพรกลับมาเช่นนั้น จุ๊บจิ๊บก็ตอบกลับไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเบาหวิว หลังในตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกผิดกับออยแล้ว
เมื่อทานอาหารมื้อเที่ยงเสร็จ จุ๊บจิ๊บกับออยก็ได้พากันเดินย้อนวันวานที่สยามต่อ ซึ่งตั้งแต่ที่จุ๊บจิ๊บเรียนจบมา เขาก็ไม่ค่อยได้มาเดินสยามเท่าไรนัก ยกเว้นตอนที่เขามีธุระแถวนี้
“นี่ร้านนี้ยังอยู่อีกเหรอวะ จะเป็นสิบปีแล้วมั้งเนี่ย” ขณะที่กำลังเดินผ่านร้านอาหารจีนเพื่อไปร้านเสื้อผ้าด้วยกัน เสียงของออยก็ดังขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้จุ๊บจิ๊บต้องผละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ และหันไปมองร้านที่เธอกำลังพูดถึง
“ร้านเขาอาจจะอร่อยมั้ง” จุ๊บจิ๊บแสดงความคิดเห็น
“มึง แต่ร้านที่พนักงานชอบพูดจาไม่ดีกับลูกค้า มันก็ไม่ควรจะอยู่นานปะวะ”
“มึงอย่าไปว่าเขาสิ”
“ก็มันจริงนี่…. ถ้ายังขายดีทั้งที่พนักงานมารยาทแย่แบบนี้อยู่ เขาก็จะไม่รู้จักปรับปรุงพนักงานของตัวเองสักทีสิ เพราะถือว่ายังไงลูกค้าก็ต้องตามง้อเขาอยู่ดี” ออยเอ่ยอย่างใส่อารมณ์ ก่อนที่เธอจะผลักประตูเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าสำหรับวัยรุ่นต่อ
โดยร้านเสื้อผ้าที่พวกเขาชอบแวะมาตอนที่ได้เข้ามาสยามนั้น มันก็เป็นร้านที่มีหลาย ๆ แบรนด์นำสินค้าของตัวเองมาฝากขาย และนอกจากเสื้อผ้าแล้วก็ยังมีสินค้าประเภทอื่นให้ช็อปด้วย ทั้งกระเป๋า รองเท้าหรือเทียนหอม
“มึงว่ากลิ่นนี้เป็นไง สดชื่นปะ?” ระหว่างที่จุ๊บจิ๊บกำลังยืนอยู่หน้าโซนเทียนหอม เขาก็หันไปถามความเห็นจากเพื่อนด้วย หลังจุ๊บจิ๊บนึกอยากจะได้เทียนหอมกลับไปสักชิ้น เพราะถ้าเขาได้มันไปจุดตอนที่กำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างจากุซซี่ มันก็คงจะฟินอยู่ไม่น้อย
“กูรู้สึกว่ากลิ่นมันฉุนอะ”
“เหรอวะ แต่กูว่ามันก็สดชื่นออกนะ กลิ่นเลมอนเนี่ย”
“งั้นถ้ามึงอยากซื้อก็ซื้อเลยสิจุ๊บจิ๊บ เพราะตอนนี้ใจมึงก็อยากได้กลับบ้านแล้วเนี่ย จะถามความเห็นจากกูเพื่อ”
“อ้าว…รู้ทันกันอีกนะ ฮ่า ๆ” จุ๊บจิ๊บเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ โดยในหลังจากนั้นเขาและออยก็แวะเดินไปดูสินค้าที่โซนอื่นก่อน เผื่อพวกเขาจะได้ของอย่างอื่นติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
“จุ๊บจิ๊บ กูว่าเรารีบออกไปจากร้านนี้กันเถอะว่ะ บรรยากาศไม่ค่อยน่าอยู่แล้ว” หลังเดินต่อไปได้ไม่นานนัก ออยที่เดินนำจุ๊บจิ๊บไปก่อนก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำเอาจุ๊บจิ๊บที่กำลังเดินตามหลังเพื่อนติด ๆ ได้แต่ทำหน้างง
“ทำไมล่ะ” จุ๊บจิ๊บถามเพื่อน
“ก็บรรยากาศมันไม่น่าอยู่ยังไงเล่า”
“ฮะ?” จุ๊บจิ๊บทำหน้างงอีกครั้ง และในจังหวะเดียวกันนั้นสายตาของเขาก็ได้ไปสบประสานกับลูกค้าอีกคนพอดี โดยนั่นก็ทำให้จุ๊บจิ๊บเข้าใจแล้วว่าเพื่อนของตัวเองกำลังหมายถึงใคร
เพราะเธอคงกำลังหมายถึงแฟนเก่าของเขาที่บังเอิญเจอกันในร้านนี้พอดี
“แค่ทนอยู่ในร้านนี้แป๊บเดียว คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” จุ๊บจิ๊บบอกเพื่อน ขณะที่เขาก็กำลังสบตากับแฟนเก่าไปด้วย ซึ่งจุ๊บจิ๊บก็ไม่ได้มีความรู้สึกโหยหาหรือคิดถึงแฟนเก่าแต่อย่างใด เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอีกฝ่ายมันจบกันไม่ค่อยดีนัก
“ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบซื้อ รีบเสร็จก็แล้วกัน” ออยว่า พลางดึงข้อมือของจุ๊บจิ๊บให้เดินไปยังฝั่งหนึ่งพร้อมกับเธอ โดยในระหว่างนั้นแฟนเก่าของเขาก็คอยมองตามตาไม่กะพริบ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการมองตาม
“น่าหงุดหงิดชะมัด ทำไมเราต้องมาเจอไอ้เวรนั่นวันนี้ด้วยวะ” หลังเดินออกมาจากร้านพร้อมกับถุงสินค้าจำนวนหนึ่ง เสียงของออยก็ดังขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“….”
“จุ๊บจิ๊บนี่มึงโอเคปะเนี่ย แล้วอย่าบอกนะว่ามึงคิดถึงมันน่ะ!”
“จะบ้าเหรอ ตอนนั้นมันทำตัวแย่ใส่กูขนาดนั้น แล้วจะให้กูคิดถึงมันได้ยังไง” เมื่อตั้งสติได้ จุ๊บจิ๊บก็รีบปฏิเสธเพื่อนโดยพลัน เพราะออยกำลังคิดอะไรไม่เข้าท่า
“งั้นก็ดีแล้ว ห้ามไปคิดถึงมันนะมึง…และอีกอย่างตอนนี้มึงก็ไม่ได้โสดแล้วด้วย อย่าลืมนะ”
“ก็จริงของมึง” จุ๊บจิ๊บพึมพำเสียงแผ่วแล้วพูดต่อ เพื่อเปลี่ยนบทสนทนาให้มันดูน่าฟังกว่านี้ “กูว่าตอนนี้เราเลิกพูดถึงแฟนเก่ากูเถอะ เพราะกูไม่อยากฟังเลยว่ะ แล้วเดี๋ยวเราไปหากินขนมแก้เซ็งกันไหม?”
“ก็เอาสิ ได้กินขนมหวานสักชิ้นก็น่าจะอารมณ์ดีขึ้น”
เมื่อตกลงกับออยได้แล้ว จุ๊บจิ๊บและเพื่อนสนิทก็ได้พากันเอาของไปไว้ที่รถ ล้วค่อยไปหาร้านขนมหวานนั่งกินกันต่อ โดยเขาก็ใช้เวลากับเพื่อนสนิทตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น จุ๊บจิ๊บถึงค่อยกลับมาที่บ้านอีกครั้ง
“เฮ้อ เหนื่อย” หลังวางถุงเทียนหอมลงบนโต๊ะหน้าโซฟาเรียบร้อยแล้ว จุ๊บจิ๊บก็พึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรงเพื่อพักให้หายเหนื่อย ซึ่งในหลังจากนั้นเพียงไม่นานนักเขาก็รับรู้ได้ว่ามีคนกำลังทิ้งตัวนั่งลงข้างกัน
“อ้าว นี่มันยังเป็นตอนกลางวันอยู่นะพี่เจน พี่เจนออกมาได้ไงอะ” จุ๊บจิ๊บหันไปถามคนข้างกายด้วยความฉงน
“จุ๊บจิ๊บ… ตอนนี้มันจะหนึ่งทุ่มแล้วนะ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว”
“จริงด้วยแฮะ จิ๊บก็ลืมไปว่าตัวเองออกมาจากสยามตอนห้าโมงกว่า” ว่าจบ จุ๊บจิ๊บก็ถอนหายใจออกมาอีกระลอก
“ทำไมวันนี้ถึงดูเหนื่อย ๆ จัง” คุณเจนถามขึ้น
“มันก็เป็นแบบนี้ทุกทีแหละครับ เวลาที่จิ๊บออกไปข้างนอกทีไร จิ๊บรู้สึกว่ามันใช้พลังงานเยอะมากเลย แถมวันนี้ได้ออกไปเจออะไรที่น่าหงุดหงิดอีก…มันยิ่งเหนื่อยเข้าไปใหญ่” จุ๊บจิ๊บเอ่ย ซึ่งนั่นก็ทำให้คุณเจนถึงกับเอียงคอเล็กน้อย ด้วยความสงสัย
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่เรื่องจุกจิกที่ค่อนข้างกวนใจจิ๊บน่ะ” เพราะรู้ว่าคุณเจนอยากรู้ นั่นจึงทำให้จุ๊บจิ๊บรีบพูดต่อ โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องถาม
“ถ้าอย่างนั้น มันพอมีอะไรที่เจนสามารถทำให้จุ๊บจิ๊บรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”
“พี่เจนอยากช่วยจุ๊บจิ๊บเหรอครับ” คราวนี้จุ๊บจิ๊บถามอย่างสนใจ
“ก็ถ้ามันไม่เกินความสามารถเจน แล้วมันทำให้จุ๊บจิ๊บรู้สึกดีขึ้น เจนก็โอเคนะ”
“น่ารัก”
“….”
“จิ๊บขอบคุณในความหวังดีนะครับ แต่จิ๊บไม่ต้องการให้พี่เจนช่วยอะไรหรอก เพราะจิ๊บเยียวยาตัวเองได้” จุ๊บจิ๊บพูดทั้งรอยยิ้ม ก่อนที่ในหลังจากนั้นเขาจะเดินไปเปิดตู้เย็น เพื่อดื่มน้ำเปล่าให้ตัวเองสดชื่น
โดยหลังจากที่จุ๊บจิ๊บได้พักตัวเองให้หายเหนื่อยแล้ว เขาก็จัดการลงมือทำอาหารเย็นของตัวเองต่อ ซึ่งจุ๊บจิ๊บก็เลือกทำอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวไข่เจียวกินเป็นมื้อเย็น
“แล้วนี่จุ๊บจิ๊บซื้ออะไรมาเหรอ?” ขณะที่คุณเจนนั่งอยู่ที่โซฟา และจุ๊บจิ๊บก็กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่โต๊ะ อีกฝ่ายก็ถามขึ้น
“อ้อ ถุงนั้นเป็นเทียนหอมครับ จิ๊บตั้งใจจะเอามาจุดตอนที่กำลังแช่ตัวน่ะ” จุ๊บจิ๊บหันไปตอบเจ้าของบ้าน ก่อนที่เขาจะชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ “พอพูดถึงเรื่องแช่ตัวแล้ว จิ๊บก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้เลย”
“….”
“พี่เจนเคยแกล้งจิ๊บตอนที่อยู่ในห้องน้ำไหมครับ วันนั้นที่จุ๊บจิ๊บกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างน่ะ” จุ๊บจิ๊บถามผีหนุ่ม หลังภาพเหตุการณ์ตอนที่มีเสียงเคาะที่หน้าประตูห้องน้ำ และคำพูดของเขาที่ชวนให้พี่เจนมาแช่ตัวด้วยกันได้ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
“ตอนนั้นจิ๊บเห็นหรือไง?” คราวนี้คุณเจนถามกลับมาทั้งรอยยิ้ม
“ไม่เห็นครับ จิ๊บมองไม่เห็น แต่จิ๊บรู้สึกได้ว่าน้ำในอ่างกระเพื่อม”
“….”
“พี่เจนไม่ตอบแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าเป็นเรื่องจริงสินะครับ พี่เจนเนี่ยไม่แฟร์เลยอะ ชอบเอาเปรียบจุ๊บจิ๊บอยู่เรื่อย เพราะจิ๊บเองก็อยากเห็นพี่เจนตอนโป๊เหมือนกันนะ!” จุ๊บจิ๊บพูดต่อทั้งคิ้วขมวด เมื่อเขารู้สึกว่าพี่เจนกำลังใช้ความสามารถพิเศษของเจ้าตัวในการที่เป็นผีเอาเปรียบกัน
“ก็ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกันสักหน่อย” คุณเจนตอบกลับมา
“แล้วเราจะไม่รู้จักกันได้ยังไงครับ ในเมื่อวันที่จุ๊บจิ๊บเข้ามาในบ้านหลังนี้เป็นครั้งแรก จิ๊บแนะนำตัวเองแล้วว่าเป็นเมียของพี่ แล้วพี่เจนก็รับรู้แล้วด้วย” จุ๊บจิ๊บเถียงกลับไป และนั่นก็ทำให้คุณเจนยักไหล่ตอบกลับมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว จุ๊บจิ๊บก็จัดการล้างจานตามข้อตกลงที่เขาทำไว้กับคุณเจน ซึ่งเมื่อเขาเคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้ว จุ๊บจิ๊บก็ได้หอบหิ้วถุงเทียนหอมขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านต่อ เพื่อที่เขาจะได้อาบน้ำและเตรียมเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะในวันพรุ่งนี้เขามีอะไรหลายอย่างให้ต้องทำ ทั้งเริ่มติวภาษาอังกฤษเพื่อไปสอบวัดระดับภาษา และต้องเริ่มเตรียมเอกสารที่จะต้องใช้สมัครในบริษัทของคุณเจนแล้ว
“อะไรเนี่ย มันเป็นบ้าหรือไง” ระหว่างที่จุ๊บจิ๊บกำลังนอนกอดคุณเจน พร้อมเล่นโทรศัพท์ของตัวเองไปด้วย เขาก็ได้พูดขึ้นเบา ๆ เมื่อจุ๊บจิ๊บเห็นการแจ้งเตือนบางอย่าง ซึ่งมันก็ทำให้จุ๊บจิ๊บรู้สึกอารมณ์เสียอีกครั้ง
“นั่นใคร?” คุณเจนที่มองโทรศัพท์ของจุ๊บจิ๊บอยู่เช่นกัน ถามขึ้น
“คนนิสัยไม่ดีครับ… คนนิสัยไม่ดีที่พยายามป้วนเปี้ยนจุ๊บจิ๊บ” จุ๊บจิ๊บตอบกลับไป โดยในระหว่างนั้นเขาก็ได้นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาไม่รู้ว่าควรจะกดตอบรับหรือกดบล็อกไปดี หลังแฟนเก่าของเขามีการส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา ทั้งที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเป็นคนบล็อกจุ๊บจิ๊บไปก่อน
ซึ่งการกดบล็อกนั้น มันควรจะเป็นจุ๊บจิ๊บต่างหาก
“แล้วคนนิสัยไม่ดีที่จุ๊บจิ๊บบอก มีสถานะอะไรกับจุ๊บจิ๊บ?” คุณเจนถามต่อ ซึ่งนั่นก็ทำให้จุ๊บจิ๊บค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เพื่อสบตากับคุณเจน และในหลังจากนั้นเขาก็ได้ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เขาเป็นแฟนเก่าครับ เป็นแฟนเก่าที่คบกันมาได้สามปีแล้ว แต่สุดท้าย…เขาก็นอกใจจุ๊บจิ๊บไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเพื่อนร่วมงาน”
“ถ้าอย่างนั้นก็กดบล็อกไปเลย ไม่ต้องลังเลหรอก” คุณเจนตอบกลับมาทันที
“….”
“ถ้าตอนนี้ชีวิตจิ๊บมันโอเคแล้ว ไม่ได้โหยหาเขา ไม่ได้รู้สึกอยากกลับไปคบอีก งั้นเจนว่าก็กดบล็อกไปเถอะ อย่าปล่อยให้เขาเข้ามาทำลายสภาพแวดล้อมที่มันดีอยู่แล้วเลย”
“พี่เจนดูเป็นคนชัดเจนและเด็ดขาดกับทุกอย่างจังเลยครับ” จุ๊บจิ๊บเอ่ยตามที่ตัวเองคิด ก่อนที่เขาจะกดปฏิเสธคำขอจากแฟนเก่า และผละตัวออกจากอ้อมกอดของคุณเจน เพื่อไปหยิบอะไรบางอย่างมาให้คุณเจนดู เพราะจุ๊บจิ๊บเองก็ลืมถามเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“พอดีจิ๊บเห็นมันตกอยู่ที่ใต้เตียง แล้วรูปนี้พี่เจนถ่ายคู่กับใครเหรอครับ?” หลังยื่นภาพโพลารอยด์ไปให้คุณเจนดูแล้ว จุ๊บจิ๊บก็ถามขึ้นทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้คุณเจนขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังจ้องมองรูปภาพนั้นตาไม่กะพริบ
“นั่นสิ นี่ใครกัน” คุณเจนพึมพำเสียงแผ่ว
“….”
“เจนจำไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่เจนรู้สึกว่าตัวเองเกลียดผู้ชายคนนี้มาก”
“เกลียดมากเลยเหรอครับ?” จุ๊บจิ๊บถาม
“ใช่ครับ เกลียดมาก เพราะเจนรู้สึกถึงแรงเกลียดชังของรูปนี้ …แต่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันนะ” คุณเจนพึมพำต่อ