บทที่ 3 ความลับ

1434 คำ
อิตาลี กริ่งๆๆๆ เสียงกริ่งของจักรยานคันเล็ก กำลังเคลื่อนตัวเลียบไปตามชายหาดบนเลนถนนที่ไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน เพราะเป็นช่วงเช้าตรู่ของวัน พระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาจากท้องทะเลกว้าง 'เจ้าเอย' หันมองพร้อมกับรอยยิ้ม วันนี้ก็เป็นวันดีๆ อีกเช่นเคย เสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนดังขึ้น เธอมองหน้าจอพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง “ว่าไงคะพี่อิง” (แม่กำลังไปหาแก พี่พึ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง) น้ำเสียงของเจ้าอิงดูร้อนรน “ห๊ะ!! แม่มาตั้งแต่ตอนไหนคะ” เจ้าเอยหยุดฝีเท้าที่กำลังถีบจักรยาน (ไปเมื่อวานนี้ตอนตีสี่ ตอนนี้ก็น่าจะถึงแล้ว แกต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยตอนนี้เลย) “ไม่ทันแล้วค่ะ แม่อยู่หน้าบ้าน” เจ้าอิงหันมองมารดาที่ยืนรอเธออยู่หน้าบ้าน พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวเอยโทรหาพี่อีกที” (เดี๋ยวก่อน เอย…) หญิงสาวกดวางสายพี่สาวทันที ก่อนที่เธอนั้นจะจูงจักรยานเดินตรงไปหามารดา ใบหน้าสวยไม่ได้ดีใจแม้แต่น้อย เธอกลับมองผู้ให้กำเนิดด้วยสายตาที่เป็นกังวล “เอย…” คุณหญิงเอื้อมจันทร์อ้าแขนรับลูกสาว ด้วยความคิดถึง “ดูผอมลงไปเยอะมาก ไหนบอกว่าอยู่ดีกินดี ทำไมถึงได้ผอมแบบนี้” เธอมองสำรวจลูกสาว “แม่มาหาเอยทำไมไม่โทรบอกคะ เอยจะได้ไปรับ” “ถ้าแม่บอกแก แกก็ต้องหาข้ออ้างไม่ว่างอีกนะสิ ไม่ได้เจอกันสี่ปี ก็ยังสวยเหมือนเดิมเลย แล้วไปไหนมาเช้าขนาดนี้ อยู่บ้านไม่เคยเห็นตื่นเช้าแบบนี้สักวัน” “ไปซื้อของค่ะ พอดีเอยไปซื้อปลาสดๆ ที่เขาจับที่ท่าเรือนะคะ” “เข้าบ้านเถอะ แม่ยืนจนปวดไปทั้งขาแล้วเนี่ย” คุณหญิงเอื้อมจันทร์เดินเข้ามาภายในบ้าน เสมือนว่าเธอนั้นเป็นเจ้าของ ก็ไม่แปลกที่มารดาจะคุ้นเคย เพราะที่พักแห่งนี้แม่ของเธอเป็นคนจัดหาให้เองกับมือ “ม๊ามี๊” เสียงเรียกเล็กๆ ดังออกมาจากด้านใน สายตาของคุณหญิงเอื้อมจันทร์หันมองไปทางต้นเสียงทันที “ลูกใคร? แกไม่ได้อยู่คนเดียวเหรอ” คำถามถูกตั้งเอาไว้ได้เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที หญิงสาวชาวอิตาลีอยู่ๆ ก็โผล่ออกมาจากห้องยืนอยู่ด้านหลังของเด็กชาย “คือ…” “แกพาเพื่อนมาอยู่ด้วยก็ไม่บอกแม่นะ ตกใจหมด” เธอหันมองใบหน้าของเด็กชายที่ไม่มีความเป็นชาวยุโรปแต่อย่างใด กลับมีใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนกับลูกสาวของเธอ “ม๊ามี๊” เด็กชายร้องเรียก พร้อมกลับเดินเข้ามาสวมกอดที่ขาแล้วหันมองคนแปลกหน้าที่มาเยือนใหม่ด้วยความกลัว เจ้าเอยอุ้มเด็กชายขึ้นมาแนบอก “เด็กคนนี้เป็นอะไรกับแก?” “แม่คะ ฟังเอยอธิบายก่อนนะคะ” เจ้าเอยสูดลมหายใจเข้าออก ก่อนที่เธอนั้นจะหันไปบอกพี่เลี้ยงให้พาเด็กชายเข้าห้องไปก่อน “บอกแม่มา นี่หมายความว่าอะไร แกมีลูกเหรอ พ่อเด็กล่ะ นี่แกกล้าปิดบังแม่เชียวเหรอยัยเอย” น้ำเสียงแผดดังจนเจ้าเอยต้องยกมือขึ้นมาปิดหู เธอรู้ว่าตอนนี้มารดากำลังโกรธเธอมากแค่ไหน เพราะเหตุผลนี้เธอถึงไม่กล้าบอกแม่ว่าเธอนั้นมีลูกชายวัยสามขวบ เธอกลัว..กลัวสีหน้าและคำพูดของแม่ในตอนนี้ และวันนี้เธอที่เลี่ยงมันมานานก็ได้มาถึง แต่จะทำเช่นไรได้ เธอคงไม่สามารถปิดบังแม่เอาไว้ได้อีกแล้ว “แม่คะ นั้นลูกของเอยเอง เขาไม่มีพ่อ เอยเลี้ยงเขาคนเดียว” เธอก้มหน้ารับผิดกับมารดา “หึ..ดี!! แกมันปีกกล้าขาแข็ง เรื่องใหญ่ขนาดนี้แกกล้าปิดแม่ได้ยังไง บอกมา! พ่อของเด็กมันเป็นใคร ถ้าแกไม่บอก แกคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” “แม่!! เอยขอร้องอย่างยุ่งกับพี่อิง เอยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก ไม่รู้จริงๆ ค่ะ” เธอน้ำตาคลอออกมา “วันนั้น…แม่ว่าจะปล่อยผ่านไปแล้วแท้ๆ ไอ้นั่นใช่ไหม คนที่มันนอนอยู่บนเตียงกับแกวันนั้น ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือไงให้จัดการตัวเองให้ดี ไม่ใช่ปล่อยท้องแบบนี้” “เอยรู้ค่ะว่าตัวเองผิด เอยทานยาคลุมฉุกเฉินแล้ว แต่เขาก็ยังมาเกิดกับเอย แม่จะให้เอยทำยังไงคะ ถ้าเอยบอกแม่ตอนนั้นแม่จะยังให้เขาเกิดมาไหม เอยขอร้องนะคะ” “แกจะมาขอร้องอะไร แกควรไปขอร้องพ่อของลูกแกให้มารับผิดชอบกับสิ่งที่มันทำ ไม่ใช่ให้มันลอยหน้าลอยตามัวผู้หญิงไปวันๆ แบบนั้น” เอื้อมจันทร์แผดเสียงดังออกมาอีกครั้ง “แม่คะ เอยขอ…เอยไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว เอยเลี้ยงลูกคนเดียวได้ค่ะ เอยจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต จะไม่กลับไทยไปทำให้แม่ขายหน้าหรอกค่ะ นะคะ..อย่าให้เอยไปข้องเกี่ยวกับเขาอีกเลย” “ไม่ได้!! แกจะยอมเสียเปรียบแบบนี้หรือไง เวลาทำมันก็ทำกับแก เวลานี้มันก็ควรมีส่วนรับผิดชอบ แม่จะทำให้มันรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างสาสม เก็บของ!! กลับ!!” “แม่คะ เอยกลับตอนนี้ไม่ได้ เอยมีงานต้องทำ เอยมีอาชีพที่มั่นคงแล้วนะคะ” “แม่บอกให้กลับ ถ้าแกไม่กลับก็ตัดแม่ตัดลูกกันตอนนี้!!” “แม่!!” เจ้าเอยร้องไห้ออกมา ทำไมแม่ไม่เข้าใจเธอสักนิด ชีวิตของเธอตอนนี้ก็ดีมากแล้ว แม้ชีวิตของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจะลำบาก แต่มันก็เป็นตอนที่พี่เลี้ยงเด็กลาพักเพียงเท่านั้น “จองตั๋วเครื่องบินให้ฉันสามใบ” คุณหญิงเอื้อมจันทร์ต่อสายหาเลขาทันที “เอาไฟล์ด่วนที่สุดตอนนี้เลย” เธอกรอกเสียงไปตามสายอีกครั้ง “แม่คะ เอยไม่อยากกลับค่ะ เอยอยากอยู่แบบนี้ไม่ได้เหรอคะ” เธอขอร้องมารดาอีกครั้ง “ไม่ได้ หลานของแม่ต้องมีพ่อ แกรีบเก็บข้าวของ เอาแค่จำเป็นพอ เราจะเดินทางกลับไทยตอนนี้” “......” เจ้าเอยเดินเข้ามาในห้อง เธอมองใบหน้าลูกชายพร้อมกับสวมกอดเอาไว้แนบอกแล้วร้องไห้ พี่เลี้ยงดูตกใจแต่สุดท้ายเจ้าเอยก็เลือกที่จะทำตามคำสั่งของคนเป็นแม่ “แกกล้าจริงๆ ที่กลับไทยตอนนั้นเพราะแกท้องใช่ไหมถึงได้ไม่กลับไปหาแม่ ก็ควรรู้นะว่าหัวอกคนเป็นแม่เป็นยังไง” “ขอโทษค่ะ เอยรู้ว่าตัวเองผิด เอยกลัวว่าแม่จะเป็นแบบนี้” “ทำไมแกไม่อยากให้เขารับผิดชอบลูกของแก การเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้ง่าย อีกหน่อยลูกก็โตค่าใช้จ่ายยิ่งเพิ่มขึ้น วันนี้แกยังไหว แต่วันข้างหน้าแกจะทำยังไง แม่ปล่อยผ่านไม่ได้หรอก” “แม่คงเสียใจที่เอยเป็นแบบนี้” “ใช่ฉันเสียใจ แกกับยัยอิงไม่เคยทำให้ฉันสบายใจสักครั้ง ไม่เหมือนน้องของแก” มารดาเอ่ยคำคำนี้ตั้งแต่ที่น้องเกิด จนเธอรู้สึกว่า “เพียงใจ” เป็นจุดสีดำในใจของเธอกับพี่สาว “ใช่ค่ะ เอยเทียบไม่ได้กับเพียงใจ เธอเป็นเด็กดี น่ารัก แต่ก็ยังท้องตอนเรียน ไปทำแท้งแม่ไม่รู้จนตกเลือดไม่ใช่หรือไงคะ” เธอตอกกลับด้วยความอัดอั้นใจ สาเหตุหนึ่งที่เธอไม่กล้าเอาเด็กออก คงเป็นประสบการณ์ที่ได้เจอกับคนใกล้ตัว “เอย!! แกเลิกต่อปากต่อคำกับแม่สักที แม่รู้ว่าแกไม่พอใจที่แม่พูดแบบนี้ แต่มันก็คือความจริง ตอนนี้น้องแต่งงานมีครอบครัวที่ดีไปแล้ว เหลือแต่แกกับพี่สาวเท่านั้น ที่ทำให้แม่เป็นห่วงแบบนี้” “แม่เป็นห่วงหนู หรือว่าเป็นห่วงหน้าตาในวงสังคมของแม่กันคะ เอยบอกแม่ไปแล้ว ว่าจะไม่กลับไทย เอยจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต” “หน้าตาในสังคม แม่สร้างมาเองกับมือ กว่าจะมีวันนี้ได้…ช่างมันเถอะ ถึงบ้านแล้วแกก็อยู่เงียบๆ ที่บ้านก่อนแล้วกัน เรื่องอื่นแม่จะจัดการเอง อย่างสร้างปัญหาให้แม่ไปมากกว่านี้” “ค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม