เพทายยกมือขึ้นมานวดขมับของตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันปวดตุบๆ จนต้องขอพาราจากนวัตรมาทานถึงสองเม็ด เขาจะเริ่มจากตรงไหนดี เมื่อรู้ที่อยู่ของเจ้าเอยในเวลาหลังจากสองชั่วโมง
เธอไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ แต่ที่อยู่ที่ได้มามันไม่แน่ชัดว่าเธอจะหยุดอยู่ที่ใด เพราะข่าวคราวล่าสุดเธอนั่งเครื่องบินไปภูเก็ต แต่ยังไม่ทราบว่าเธอนั้นจะพักอยู่ที่ใด
“จัดตารางงานให้ฉันหน่อย ยกเลิกงานหนึ่งอาทิตย์ไปก่อน ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวจะบอกอีกที นายจะต้องไปด้วย ไปเตรียมกระเป๋าเดินทางจองตั๋วเครื่องบินไฟล์ด่วน”
“ครับ”
“อ้อ อย่าลืมโทรหาไอ้ขุน บอกให้มันส่งคนมาให้สักสี่คน” เพทายหมุนเก้าอี้ทำงานของตัวเองกลับมาหานวัตรอีกครั้ง
“ได้ครับ” นวัตรตอบรับ คล้อยหลังที่เลขาหนุ่มเดินออกจากห้องได้ไม่นาน ประตูห้องทำงานของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ?” เขาเงยหน้าจากแฟ้มงาน ถามบิดาที่เดินหน้าตึงเข้ามาภายในห้อง เขาก็พอรู้ว่าเพราะเหตุใดพ่อถึงได้มีสีหน้าเช่นนี้ “ผมต้องรีบเคลียร์งาน เพื่อที่จะได้ไปตามหาหลานกับลูกสะใภ้พ่อนะครับ ถ้าจะมาบ่นให้ผมเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ผมกลับมาแล้วค่อยบ่นนะครับ”
“รู้ตัวเองดีสินะ!! ตอนนี้อยากตีแกให้ก้นลายสักที มีอย่างที่ไหน ทำผู้หญิงท้องแล้วจะไม่รับผิดชอบรู้ไปถึงไหนขายขี้หน้าไปถึงนั้น” อดุลเดชเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่
“ที่จริงครอบครัวของเธอต้องตามนะครับ ถ้าผมไม่เห็นว่าแม่ขอร้องผมคงไม่ไปตามหรอกครับ ลูกผลแล้วไง ก็ไม่อยากให้รับผิดชอบ แต่ดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะอยากให้ผมรับผิดชอบเธอมากกว่า”
“ถ้าแกเข้าใจถึงหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ แกจะไม่มีทางพูดแบบนี้ พ่อกับแม่อยากเห็นชีวิตของลูกสุขสบายกันทั้งนั้น คุณหญิงเอื้อมจันทร์เธอทำถูกแล้ว ถ้าเป็นพ่อก็คงต้องทำแบบนี้ คงไม่ปล่อยให้ผู้ชายเจ้าชู้อยากแก ลอยไปลอยมามีความสุข ทั้งที่ลูกสาวของตัวเองต้องมาลำบากเลี้ยงลูกคนเดียวหรอก”
“ผมไม่อยากแต่งงาน”
“แกไม่แต่งก็ได้”
“จริงเหรอครับ” เพทายเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่เขาจะลุกเดินตรงมานั่งข้างๆ บิดา
“แต่แกต้องเสียหุ้นบริษัท พร้อมมรดกครึ่งหนึ่งที่พ่อมีให้กับลูกของแก แต่พ่อก็ไม่ขัดนะมีหลานให้หลานก็ดีกว่าไม่มีจะให้ใคร เอาไว้ให้แกก็คงใช้ไม่หมดหรอก”
“หึ..ผมลูกพ่อนะครับ แม่ก็อีกคนไม่เห็นใจผมบ้างเลย”
“การแต่งงาน มันอาจไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายสำหรับแกเสมอไป ต้องเปิดใจให้กว้างๆ ผู้ชายมีเมียหลายคน ก็ไม่เท่ามีเมียคนเดียวที่รักเรา เวลาตกทุกข์ได้ยากก็ไม่ทิ้งเราไปไหน มีแค่คนเดียวมันดีกว่ามีหลายคนที่คอยเอาแต่เกาะแกกินไปวันๆ ถามจริงเถอะ เสียดายเงินที่แกเอาไปเปย์สาวๆ พวกนั้นบ้างไหม”
“อย่างกลับพ่อไม่เคยเป็นเหมือนผม” เขาบ่นขึ้น
“พ่อเคยเป็นแบบแกไง ถึงได้รู้ว่า…สุดท้ายคนที่อยู่กับเราและรักเราจริงๆ คือแม่ของแก มันอาจจะดูตื่นเต้น ดูมีความสุข แต่มันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด…แกต้องหาคำตอบเอง”
“เอ้า ผมอุตส่าห์ฟัง ไงให้ผมหาคำตอบเอง” เพทายแย้งขึ้น
“พ่อตอบแทนแกไม่ได้ ความต้องการของคนเราไม่เหมือนกัน พ่อต้องการแม่ แล้วแกต้องการอะไรล่ะ นอกจากสิ่งที่อยู่ในกำมือแล้ว”
“สิ่งที่ผมต้องการก็คือ…การที่ผมได้มีสาวๆ ทุกคืนไม่ซ้ำคนไงครับ” เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “พ่อทำไมทำหน้าแบบนั้น นี่มันคือความต้องการของผมนะครับ”
“เอาเถอะ พูดไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง ลูกใครวะ กูกับแม่มึงก็ไม่ได้โง่นะ แล้วมันได้ใครมา” อดุลเดชบ่นเสียงเบาแต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ได้ยินชัดเต็มสองรูหู
“พ่อไม่ต้องห่วงผมหรอก เรื่องหลานกับลูกสะใภ้ผมจะทำให้เต็มที่ เท่าที่จะทำได้”
“แกห้ามไปข่มขู่น้องนะ เข้าใจไหม ค่อยๆ คุยกัน ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็โทรมาหาพ่อกับแม่”
“ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องผมฉุดอย่างเดียวครับ” เพทายยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วใส่บิดา “โอ๊ย ผมเจ็บนะครับ” เมื่อลูกชายพูดจบ กำปั้นของพ่อก็ทุบลงมาที่ศีรษะของชายหนุ่มในทันที
“ความเจ็บนี้อาจทำให้แกมีสติขึ้นมาหน่อย จะทำอะไรก็คิดให้มากๆ อย่าลืมว่าแกมีลูก เด็กแค่สามขวบอย่าทำให้เขาจำสิ่งไม่ดีของแกเชียวนะ”
“ครับๆ ผมเข้าใจแล้ว”
“รีบๆ ไป เดี๋ยวงานที่กองอยู่บนโต๊ะจะให้คนมาจัดการเอง” เขาเอ่ยปากไล่บุตรชาย พร้อมเดินออกจากห้องไป ในใจมีความหวังมากมายที่จะพบหลานชายของตัวเองให้เร็วที่สุด
สนามบินภูเก็ต
“ที่อยู่ของคุณเอยมาแล้วครับ” นวัตรส่งข้อมูลที่ตัวเองได้ เข้าไปในโทรศัพท์ของเจ้านายหนุ่ม
เพทายขยับแว่นตากันแดดราคาแพงขึ้นมาสวมใส่ทันที เมื่อเขาเดินออกมา ขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ด้านนอก
“ไปตามที่อยู่นั้นเลย” ชายหนุ่มมีผู้ติดตามเพิ่มมาอีกสีชีวิต เป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำและยังน่ากลัว ตอนนี้เขาเหมือนกับเจ้าพ่อไม่มีผิด
รถยนต์สีดำคันใหญ่ วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าชายหาดแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองไม่มากนัก บ้านหลังเล็กสีขาวที่ดูเป็นส่วนตัว และยังปลอดผู้คนเดินผ่านไปมาตั้งอยู่ติดกับทะเล
“คุณชายให้ผมพาตัวเธอมาเลยไหมครับ”
“ไม่ต้องรออยู่ที่รถ เดี๋ยวเธอก็ตกใจ ไปกันเยอะแบบนี้” เพทายเดินตามทางเท้าเข้ามายังบริเวณบ้าน
สายลมเย็นพัดพากลิ่นอายธรรมชาติ ทำให้เขาเผลอสูดดมเข้าเต็มปอด และทำให้ฝีเท้าที่ก้าวไปด้านหน้าอย่างมั่นคงต้องหยุดลงไปชั่วขณะ เสียงเด็กกำลังร้องไห้ และยังมีเสียงหญิงสาวอีกคนที่กำลังปลอบให้เสียงนั้นหายไป
“ไม่ร้องนะเด็กดีของมี๊ เดี๋ยวก็หายนะคนเก่ง” เจ้าเอยปลอบลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน รอยส์ร้องไห้งอแงเพราะเขารู้สึกไม่สบายตัว พร้อมกับตัวร้อนมากกว่าเมื่อวาน “อีกเดี๋ยวแม่อิงก็จะมาแล้วลูก อดทนอีกนิดเราก็จะได้ไปหาหมอแล้ว”
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูบ้านทำให้เจ้าเอยยิ้มกว้างออกมา เพราะคิดว่าเป็นพี่สาวที่กำลังไปหารถมาให้เธอกับลูกเพื่อที่จะได้พารอยส์ไปหาหมอ
ชายร่างสูงปรากฏตัวขึ้น แขนทั้งสองข้างที่กำลังอุ้มลูกชายเอาไว้แนบอก อยู่ๆ แรงกายก็หดหายไปเสียดื้อๆ เจ้าเอยก้าวถอยหลังไปหลายก้าวไม่คิดว่าจะมาเจอกับเพทายในที่แบบนี้
“ไง! ทำไมไม่หนีออกนอกประเทศ” เขายืนเอามือเท้าสะเอว พร้อมกับจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังตกใจกลัว พร้อมกับมองดูลูกชายที่กำลังร้องไห้งอแง “ผมมารับคุณกลับ”
“ฉันไม่กลับ คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่อยากแต่งงาน”
“คุณต้องกลับ ตอนนี้เลย ผมไม่มีเวลาว่าง อย่าให้ผมต้องใช้กำลัง กลับไปกับผมดีๆ เถอะ” เพทายย่างกายเข้าใกล้หญิงสาวตรงหน้า ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาหาเธอ กลิ่นแป้งเด็กหอมๆ ทำให้เขาเผลอตัวสูดดม
“คุณอยากแต่งงานกับฉันหรือไง ถึงได้มาตามฉันกลับ”
“ใช่ กลับแล้ว คุณค่อยมาคุยรายละเอียดการแต่งงานกันอีกที รถรออยู่ข้างนอกไปเถอะ แม่ของคุณรออยู่ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวผมโทรหาแม่คุณเอง”
“ไม่! ฉันจะรอพี่สาวฉันก่อน” เจ้าเอยพูดพร้อมกับปลอบลูกชาย “ไม่ร้องนะคะ โอ๋ๆๆๆ” เธอใช้มือตบลงที่หลังสลับลูบอย่างอ่อนโยน
“เป็นอะไร ทำไมร้องไห้ไม่หยุด หรือไม่สบาย” เพทายเอื้อมมือไปแตะที่ตัวของเด็กชาย ก่อนที่เขาจะพบว่า ลูกชายตัวร้อนเหมือนไฟ “คุณบ้าหรือเปล่า รู้ว่าลูกไม่สบายยังหนีมาแบบนี้อีก จะช้าอยู่ทำไม ไปโรงพยาบาลสิ” เขาเอื้อมมือไปหาเด็กชายพร้อมกับอุ้มเอาไว้แนบอก เดินตรงมาที่รถยนต์ที่จอดรออยู่
เจ้าเอยร้องตามด้วยความร้อนใจ ถึงจะเป็นเช่นนั้น เธอกลับคว้าเอาสิ่งของที่จำเป็นติดมือมาขึ้นรถ