“ชั้นเรียนฝึกภาคปฏิบัติวันนี้ ใครยังไม่พร้อมอย่าเพิ่งลงมือผ่า อย่าให้ความเครียดหรืออารมณ์รบกวนความแม่นยำของมือ” เสียงอาจารย์ดังขึ้นในห้องเรียนฝึกผ่าศพของมหาวิทยาลัยเวชธารา
แต่ดาหวันไม่ได้ยินสักคำ เธอยืนอยู่หน้าศพบนเตียงเหล็ก สวมถุงมือยาง ผ้ากันเปื้อนและใบหน้าเย็นชาชนิดที่เพื่อนข้างๆ ยังเหลือบมองด้วยความกลัวนิดๆ
ใบมีดผ่าตัดในมือสะท้อนแสงไฟนีออน ก่อนที่เธอจะลงมือผ่าอย่างแม่นยำและเกรี้ยวกราด
“ขออนุญาตค่ะอาจารย์…ผ่าเลยนะคะ”
ปลายมีดเฉือนผ่านชั้นผิวหนังเหมือนกำลังระบายอารมณ์ มือเธอหนักกว่าทุกครั้ง และในหัวก็มีภาพใบหน้าเจ้าหนี้จอมจู้จี้แทรกเข้ามาอย่างไม่ขาดตอน
“นี่เพื่อคุณนะคะ…คุณเจ้าหนี้สูงวัย” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตากลมโตจิกมองชิ้นส่วนอวัยวะราวกับมันมีชีวิต
“ดา…นั่นศพนะ ไม่ใช่แฟนเก่าแก” จีนเพื่อนสนิทของเธอที่อยู่ข้างๆ เหลือบมองแล้วกระซิบเบาๆ
ดาหวันไม่ตอบ เธอกำลังคิดถึงอีกคนที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าฟิวส์แฟนเก่าหลายเท่า
หลังคาบเรียนสิ้นสุด ยังไม่ทันห้านาทีหลังจากวางมีด เสียงแจ้งเตือนมือถือก็ดังขึ้นทันที
หน้าจอขึ้นชื่อผู้ส่งว่า "คุณเจ้าหนี้สูงวัย"
“มาทำความสะอาดห้องครัว ด่วน!!!”
'โอ๊ยยยย นี่ฉันเป็นลูกหนี้หรือนางทาสยุค 2025 กันแน่!' เธอบ่นลั่นในใจ หอบสังขารตัวเองจากมหาวิทยาลัยกลับคอนโดทันที พร้อมถุงใส่ไม้ถูพื้น ผ้าถูมือและน้ำยากลิ่นลาเวนเดอร์ที่เธอซื้อเองเพราะกลิ่นของเจ้าหนี้แม่งแรงเกินคนจริงๆ
-อีกด้าน-
ห้องประชุมบนชั้น 38 ของเฟิงหลานกรุ๊ป เต็มไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของเครืออสังหาฯจากสามประเทศ ไฟเพดานสลัวนิดๆ เสียงพรีเซนต์โครงการลงทุนจากญี่ปุ่นดังไปถึงท้ายห้อง
แต่มีเพียงชายคนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจตัวเลขบนหน้าจอ
ไคหลงนั่งพิงพนักเก้าอี้หนังแท้ แขนข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ อีกข้างวางแท็บเล็ตที่เปิดระบบกล้องวงจรปิดแบบเข้ารหัส กล้องตัวที่เขาซูมอยู่ไม่ใช่กล้องหน้าคอนโด แต่คือกล้องจากชั้นฝึกผ่าศพของมหาวิทยาลัยเวชธารา ที่เพิ่งติดตั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน
บนหน้าจอปรากฏภาพ “ดาหวัน” กำลังใส่ถุงมือยาง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยสมาธิจนน่าประหลาด มีดผ่าตัดในมือเธอเฉือนผ่านผิวหนังศพอย่างมั่นคง แต่แรงและเร็วเกินกว่าที่เธอเคยทำ
มุมกล้องจับเฉพาะใบหน้าเธอในระยะใกล้ ริมฝีปากขยับเบาๆ ราวกับกำลังพูดอะไรสักอย่างกับตัวเอง แม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่เขาอ่านปากเธอได้
“เพื่อคุณนะคะ...คุณเจ้าหนี้สูงวัย”
มุมปากไคหลงกระตุกขึ้นน้อยๆ แบบที่ไม่มีใครในองค์กรเคยเห็น เขาหลุดหัวเราะเบาๆในลำคอ เสียงนั้นหลุดพ้นออกมาจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าระเบียบจัดและไร้อารมณ์
ภายในห้องประชุมเงียบกริบ ทุกสายตาหันมาทางเขาเป็นตาเดียว เสิ่นจวิ้นที่นั่งข้างๆชะโงกหน้ามาดูแท็บเล็ตแล้วกระตุกคิ้ว
“มึงนี่มัน...ไม่ใช่แค่ตามหนี้แล้วล่ะ ไอ่ไค”
“มึงกำลังหลงยัยเด็กหมอคนนั้นชัดๆ”
ไคหลงไม่ตอบ เขาเพียงแค่กดส่งข้อความในมือถือไปหาคนที่อยู่ในกล้อง
[สาวชุดแดง] : มาทำความสะอาดห้องครัว ด่วน!!!
ก่อนจะปิดแท็บเล็ต ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเฉยๆแต่กลับดูเยือกเย็น เดินออกจากห้องประชุมไปโดยไม่พูดคำใด
อินทิราสวีทส์
เธอเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องเงียบกริบแต่กลิ่นกาแฟหอมอ่อนๆ และกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาก็ลอยมาแตะจมูก ซึ่งแปลว่า…เขาอยู่
ดาหวันก้มหน้าก้มตาเก็บของบนเคาน์เตอร์ครัว กล่องชาเรียงผิดองศามีดวางเบี้ยวจากมุมเดิม เธอพยายามจัดให้เป๊ะ แม้ในใจอยากเขวี้ยงมันลงพื้นแล้วบอกว่า "เก็บเองสิคะคุณมาเฟีย!"
ทว่ายังไม่ทันหันกลับ มือของเธอสะบัดไปโดนแก้วน้ำที่วางอยู่ปลายชั้น
มันล้มช้าๆหมุนกลางอากาศ และ...
หมับ!
มือใหญ่คว้าข้อมือของเธอไว้ในเสี้ยววินาทีก่อนที่แก้วจะตก มือของเขาเย็น แต่นุ่มพอให้เธอหยุดหายใจแวบหนึ่ง
'เขาเข้ามาตอนไหน? ยืนอยู่ข้างหลังฉันตลอดเหรอ?'
“อย่าทำข้าวของฉันพัง…หรือแม้แต่ตัวเธอเอง” น้ำเสียงเขาเรียบเฉย แต่ดังก้องในใจเธอเหมือนระฆังวัด
ใบหน้าหวานหันไปช้าๆสบตากับดวงตาเข้มลึก ที่ไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกใดๆ แต่สายตานั้นทำไมเหมือนกำลังจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเธออยู่ลึกๆ?
คนตัวสูงผละมือออกทันทีเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น พลางเดินไปนั่งอ่านหนังสือต่อเงียบๆ ราวกับฉากเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตา
.
.
ลิฟต์หน้าห้องเพนต์เฮาส์เงียบราวกับไม่มีใครใช้มานาน ดาหวันยืนอยู่ตรงนั้น เหงื่อซึมตามไรผมถึงจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำทั้งตึก เธอก็ยังรู้สึกเหมือนโดนไอน้ำอุ่นๆจากคนที่เพิ่งพูดใกล้ตัวเธอไล่ไปรอบๆห้อง
มือของเธอกดปุ่มลิฟต์อย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นตุ้บๆอย่างไร้ทิศทางในหัวเอาแต่พร่ำว่า กลับห้อง กลับห้อง กลับห้อง...
เสียงฝีเท้าจากด้านหลังเบาๆ แล้วประโยคที่เอ่ยขึ้นมาก็เย็นนิ่ง จนความร้อนในอกเธอพุ่งกลับมาเป็นไฟทันที
“พรุ่งนี้ หกโมงเช้า…มาทำงานต่อ” เสียงเขาต่ำชิดแผ่นหลัง ราวกับกระซิบทั้งที่ไม่ได้เข้ามาใกล้เลย
ใบหน้าหวานหันกลับ สีหน้าของไคหลงเรียบนิ่งเหมือนเดิม เขาไม่ได้สบตาเธอด้วยซ้ำเอาแต่มองเอกสารในมือราวกับพูดกับอากาศ แต่คำว่า “มาทำงานต่อ” มันสะกิดใจเธอมากกว่าที่คิด
“งานของเธอเพิ่งเริ่ม ดาหวัน” เสียงของเขาเอ่ยชื่อเธอชัดเจน
ดาหวันถอนหายใจ หันกลับไปกดลิฟต์ซ้ำอีกครั้ง เพราะมือไม้สั่นจนลืมไปว่ากดไปแล้ว ถึงหัวใจสั่น แต่ปากยังแกร่งเหมือนเดิม
“นี่…ฉันเริ่มทำงานหนักเกินเงินเดือนแล้วด้วย”
“ขอขึ้นค่าแรงได้ไหมคุณเจ้าหนี้สูงวัย?” เธอหันไปเลิกคิ้วใส่
“ไว้ให้ฉันเห็นผลงานเธอก่อน…ค่อยคิดเรื่องค่าตอบแทน”
คำพูดนั้นฟังดูเหมือนคำสั่ง แต่ดาหวันได้ยินเหมือนคำล้อและที่น่ากลัวคือ…เธอไม่ได้อยากเถียงกลับอย่างเคย
ติ๊ง!
เสียงของลิฟต์ดังขึ้น ประตูเปิดออกพร้อมลมเย็นที่พัดผ่าน คนตัวเล็กกว่าก้าวเข้าไปยืนหันหน้าเข้าหาเขา ก่อนที่ประตูจะค่อยๆปิด
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ยืนมองเธอจนกระทั่งแผ่นประตูปิดลงอย่างเงียบงัน
ภายในลิฟต์ ดาหวันยกมือทาบอกตัวเองเพราะจังหวะหัวใจมันดังเกินไปจนเธอแทบได้ยินชัดกว่าลิฟต์เพลงบรรเลง
“บ้าเอ๊ย…นี่ฉันเริ่มติดหนี้ หรือเริ่มติดใจวะเนี่ย…” เธอสบถกับตัวเองแต่ลึกๆ ก็ไม่มีคำตอบ
หอพักแพทย์หญิง ตึกศิริบวร
ติ๊ด!
คีย์การ์ดเข้าห้องของตัวเองที่หอพักนักศึกษา แสงไฟสีอุ่นๆ เปิดขึ้นอัตโนมัติ
ดาหวันทิ้งถุงใส่ไม้ถูพื้นไว้ข้างประตูทันทีโดยไม่สนว่ามันจะล้ม มือเล็กโยนกุญแจไว้บนโต๊ะ วางโทรศัพท์มือถือไว้บนชั้น ถอดเสื้อยืดตัวโคร่งออกอย่างหมดแรง ในหัวเธอไม่มีอะไรเลย นอกจากคำว่า “เหนื่อย”
เหนื่อยกาย...
เหนื่อยใจ...
แถมเหนื่อยกับคุณเจ้าหนี้สูงวัยอีก!
เสียงฝักบัวดังขึ้นในห้องน้ำ น้ำอุ่นไหลผ่านผิวไล่ความเหนื่อยล้าลงท่อระบายน้ำ เธอแหงนหน้ารับสายน้ำอยู่พักใหญ่ ปล่อยให้ใจสงบเท่าที่จะสงบได้
“ก็แค่...หนี้สินใช่ไหม?”
“อีกหน่อยก็หมด เดี๋ยวมันก็ผ่านไป…”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผ้าขนหนูคลุมตัวเธอหลวมๆ ผมยังเปียกหมาดๆ ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำพร้อมจะทิ้งตัวลงเตียง
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นบนโต๊ะ
ใบหน้าหวานหันไปมอง ถอนหายใจยาวอย่างคนที่พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร
[เจ้าหนี้สูงวัย] : “อย่ามาสาย”
เพียงแค่นั้น ไม่มีอีโมจิ ไม่มีคำว่า “ครับ” หรือ “ครับผม” ต่อท้าย
มีแต่ความเป็น “ไคหลง” เต็มร้อย
“นี่เขานอนไหม หรือนอกจากเป็นมาเฟียแล้วยังเป็นแวมไพร์อีก?”
ดาหวันกัดฟันแน่น แทบจะเขวี้ยงมือถือใส่หมอน แต่แล้วสุดท้ายก็หายใจลึก เปิดแอปธนาคารบนหน้าจอ
ยอดเงินคงเหลือ 580,490.52 บาท
นิ้วเธอเลื่อนดูข้อมูลการเคลื่อนไหว บัญชีนี้เธอแทบจะไม่เคยแตะ มันคือเงินที่เธอเก็บสะสมไว้ เงินรางวัลแข่งขันวิชาการทุนเล็กๆ เงินออมจากสอนพิเศษ และเศษเงินที่พ่อแม่ให้เป็นครั้งคราว
นัยน์ตากลมมองตัวเลขนิ่งๆ ใจหนึ่งอยากกดโอนไปโปะหนี้แม่งให้หมดๆ แต่อีกใจก็รู้…มันยังไม่พออยู่ดีและถ้าทำแบบนั้น นั่นเท่ากับเธอต้องเริ่มจากศูนย์ทันที
"ถ้าโทรไปบอกพ่อ มีหวังชีวิตอิสระของนักศึกษาแพทย์ต้องจบลงแน่" เธอพึมพำเสียงเศร้า นิ้วเรียวกดปิดแอปพลิเคชัน ปล่อยร่างตัวเองทิ้งลงบนเตียง ผ้าขนหนูหลุดไปทางหนึ่ง ผ้าห่มกองอีกทาง
ไม่สนอะไรแล้ว…
“อย่ามาสาย...ห่าเอ๊ย!”
คำสุดท้ายหลุดเบาๆ ก่อนที่เธอจะหลับไป หัวใจเต้นช้าแต่มันยังไม่สงบ
เพราะแม้ในความฝัน...เสียงของ “เจ้าหนี้สูงวัย” ก็ยังดังก้องอยู่ในหัวเธอไม่หยุด