คนแปลกหน้า

1698 คำ
‘ผมแค่ทำตามที่คุณคำสั่ง ไม่ได้มอมคุณสักหน่อย’ เจมีไนน์คิด นอกจากเหล้าดีกรีแรง ๆ แล้วคนรับฟังก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนอกหักต้องการ จักรทัศน์พรั่งพรูความในใจวกไปวนมาสลับกับสั่งเครื่องดื่มไม่ขาด ความมึนเมาแผลงฤทธิ์จนสติเริ่มเลอะเลือน เจมีไนน์ยังควบคุมสถานการณ์ได้จึงเรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัย “คูณบาร์เทนเด้อ คูณ…แต่งงานแล้วเหย๋อออออ” แพทย์หนุ่มสังเกตุแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายมาได้สักพักแล้ว เจมีไนน์คลายยิ้มน้อยแล้วพยักหน้ารับด้วยความภูมิใจทำให้คนเมาอดแซวต่อไม่ได้ “ฮั่นแน่! ยิ้มขนาดนี้ ภรรยาคูณต้องเป็นคนสวยม๊ากแน่ ๆ” เมื่อเกินขีดจำกัดที่ร่างกายจะรับไหว แพทย์หนุ่มรู้สึกถึงไอร้อนวูบวาบใต้ผิวหนัง เปลือกตาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น ยังไม่ทันกระดกเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายให้หมดก็ฟุบหน้าลงบนเคาน์เตอร์แล้วเข้าสู่ภวังค์หลับลึกไปในทันใด ‘ห้าทุ่มสี่สิบห้านาที…สู้มือน่าดู’’ บาร์เทนเดอร์เอียงคอมอง “คุณรู้กฏดีว่าเราปล่อยให้ลูกค้าเมาหลับในร้านแบบนี้ไม่ได้ เราไม่มีบริการรถรับส่งหรือห้องพักวีไอพีให้พวกขาจรนะคุณเจมส์” ผู้จัดการเข้ามาตำหนิอย่างสุภาพ แม้จะเจมีไนน์เป็นคนสำคัญของทางร้านแต่ใช่จะทำอะไรตามใจชอบได้ทุกอย่าง “ไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวผมไปส่งเขาเอง” “นี่รู้จักกันเหรอ” “ไม่รู้จักครับ” “แล้วรู้เหรอว่าบ้านเขาอยู่ไหน” “เมื่อกี้เขาบอกให้ฟังครับ” “งั้นตามใจคุณนะ เดี๋ยวผมให้การ์ดมาช่วยพาตัวออกไป” ผู้จัดการพยัดเพยิดเรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้เข้ามาหิ้วปีกคนหมดสติ งานนี้ทิปก็ไม่ได้ หน้าที่ก็ไม่ใช่ งั้นบริการส่วนตัวสุดพิเศษงั้นหรือ? แล้วตัดสินใจจากอะไรรู้สึกถูกชะตาหรืออย่างอื่น ขณะอยู่ในลิฟต์เจมีไนน์ก็เอาแต่มองคนคอพับคออ่อนอย่างไม่ระวางตาจนหนึ่งในบอดีการ์ดสังเกตุเห็นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาประคองร่างปวกเปียกเข้าในรถรับจ้าง จุดหมายปลายทางคือคอนโดมิเนี่ยมหรูในตัวเมืองภูเก็ต ระหว่างทางเจมีไนน์ถือวิสาสะค้นตัวจนเจอโทรศัพท์ที่ต้องสแกนลายนิ้วมือและรหัสผ่าน ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงหันไปสนใจบัตรประจำตัวในกระเป๋าสตางค์แทน ดวงตาเรียวเบิกโตโพล่งด้วยความทึ่งเมื่อเห็นชื่อ – นามสกุลเด่นหราบัตรข้าราชการที่มีคำนำหน้าว่านายแพทย์ มันน่าประทับใจจนถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เลยทีเดียว ‘Good guy!’ เจมีไนน์ชื่นชม เผยยิ้มกว้างจนแก้มเป็นรอยบุ๋ม ทว่าความอยากรู้อยากเห็นยังไม่หยุดแค่นั้น เขาอ้างกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าตนเองเป็นคนไข้ของจักรทัศน์ หว่านเสน่ห์ใส่นิติบุคคลอีกสักหน่อย แค่นี้หนทางสู่พื้นที่ส่วนตัวของแพทย์หนุ่มก็โล่งโปร่งสบาย “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมช่วยจัดการอะไร ๆ ให้คุณหมอสักหน่อย ตามสบายนะครับ” รปภ. ขอปลีกตัวออกไปหลังช่วยกันประคองร่างหนักอึ้งให้นอนบนโซฟา ห้องเพดานสูงแบบสองชั้นสะอาดและเป็นระเบียบ มีชั้นวางสูงติดกับผนังด้านหนึ่งของห้องรับแขกอัดแน่นไปด้วยหนังสือและตำราการแพทย์ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดีเห็นจะเป็นรูปครอบครัวบนผนังอีกฝั่ง มันแสดงให้เห็นว่าจักรทัศน์กับพี่สาวถือกำเนิดและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยมถึงได้มีอนาคตสดใสเช่นนี้ เจมีไนน์ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกจึงปล่อยให้มันไหลออกมา ขณะไล่ดูรูปภาพเหล่านั้นมาจนถึงกรอบรูปแบบตั้งโต๊ะบานหนึ่งเป็นรูปจักรทัศน์กับผู้ชายรูปหล่อผมสีเทาหม่นที่ขี้เก๊กเกินเบอร์ คนที่ไม่รู้ก็นึกว่าจักรทัศน์เคยย้อมผม ส่วนคนที่รู้กลับไม่อยากเอ่ยถึง… ผู้มาเยือนถึงกับหลุดขำพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปรูปภาพบนผนังทั้งหมด รวมถึงหน้าตาของเจ้าของห้องด้วย “ยินดีที่ได้เจอนะ…เจคอป” เขาเอ่ยกับคนที่นอนไม่ได้สติก่อนจากไป ในที่สุดโชคชะตาก็อยู่ข้างสักที… หลายชั่วโมงต่อมาจักรทัศน์ลืมตาสู้แสงยามเที่ยงวันอย่างช้าที ขยับกายอย่างเชื่องช้ารวบรวมเรี่ยวแรงดึงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ปุบปับจนเจออาการปวดหัวรุนแรงเข้าเล่นงาน อ๊ากกกก ความปวดทุเลาลงแต่ยังรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เขานวดขมับเรียสติกลับคืน จากนั้นสารพัดข้อสงสัยก็ประเดประดังเข้ามาในหัวสมอง “กลับมาได้ไงวะ แล้วนี่…เราห่มผ้าด้วยเหรอ เราถอดรองเท้าได้ไงวะ แล้วนั่น…” มีขวดน้ำและแก้ววางเตรียมไว้ให้อีก จักรทัศน์ดื่มแบบรวดเดียวหมดและตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนต่ออีกสักหน่อย แม้สร่างเมาแล้วแต่แอลกอฮอล์ยังคงแผลงฤทธิ์ไม่หยุด จักรทัศน์ประคองตัวขึ้นบันไดอย่างยากลำบาก เห้ย!!! ร่างสูงหงายท้องลงมาศีรษะฟาดกับขั้นบันได ม่านตาสีน้ำตาลอ่อนหดตัว ตาหรี่ลงช้า ๆ จนมืดสนิทแล้วแน่นิ่งไปไม่รับรู้สิ่งใดอีกหลังจากนั้น เวลาเดียวกันนั้นห่างออกไป 1,600 กิโลเมตรที่อำเภอเมืองเชียงราย รถพยาบาลเปิดไฟฉุกเฉินแล่นออกจากร้านของฝากประจำย่าน มันเป็นภาพคุ้นตาของคนพื้นที่จึงไม่ค่อยมีใครออกมายืนเป็นไทยมุง ‘ไอ้ตาลขี้เซาอีกแล้วสินะ’ คำพูดติดตลกที่ไม่ใช่เรื่องตลกของอัยยาลิณณ์ ลูกสาวเจ้าของร้านป่วยเป็นโรคประหลาดทำให้มีภาวะหลับลึกชนิดที่ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น เคยทำสถิตินอนหลับยาวที่สุดคือ 7 วันเต็ม ทุกวันนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาจึงทำได้เพียงติดต่อโรงพยาบาลมารับตัวไปอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โชคยังดีที่งานนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะเป็นผู้ป่วยในโครงการวิจัยระบบประสาท “ความดัน สัญญาณชีพ อัตราการเต้นของหัวใจปกติ” บุคคลกรทางการแพทย์บันทึกตัวเลขบนจอแสดงผล ร่างบางนอนบนเตียงผู้ป่วยกับเครื่องพยุงชีพกับเครื่องวัดคลื่นสมองที่คล้ายหมวกครอบบนศีรษะดูผ่าน ๆ เหมือนซีรีโบลของ ศจ. เอ็กซ์ “คลื่นสมองแบบคนนอนหลับ ปกติดีทุกอย่าง” แพทย์หัวหน้าทีมวิจัยลงความเห็นในบันทึกก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ‘ขี้เซายังไงให้เหมือนคนป่วยระยะสุดท้าย แค่นั้นไม่พอยังมีวงจรปิดจับภาพตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอีก ตื่นมาก็มีคนจัดอาหารให้กินอีก ประธานาธิบดีสหรัฐก็สู้ความวีไอพีของไอ้ตาลไทยแลนด์ไม่ได้หรอก’ อัยยาลิณณ์เคยแซวตัวเองไว้เมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดของตัวเองในไฟล์ภาพวงจรปิด ทว่าการหลับลึกครั้งนี้จะต่างจากเดิมนิดหน่อย…? เธอฝันว่ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมแบบสองชั้นที่เรียบหรูดูดี ทิวทัศน์นอกระเเบียงที่เห็นเป็นเนินเขาห้อมล้อมด้วยตึกรามบ้านช่องอยู่ลิบ ๆ นอกจากจะดูไม่คุ้นตาแล้วทุกอย่างยังดูสมจริงชอบกล ทั้งไอแดด กลิ่นหอมจากน้ำมันอโรม่าที่อบอวลอยู่ในห้อง เสียงรถยนต์ที่อยู่ห่างออกไป รวมถึงป้ายโฆษณาต่าง ๆ ที่ระบุชื่อเมืองอย่างชัดเจนว่าเป็นภูเก็ต แต่ความฝันมันจะแฟนตาซีแค่ไหนก็ได้ แฟนตาซีจนอยากจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย ทว่า… “กรี๊ด! มีคนตายยู่ด้วยเหรอ สงสัยเพิ่งตายละมั้งยังไม่ขึ้นอืดเลย” อัยยาลิณณ์กรี๊ดลั่น ย่องเข้าหาร่างไร้ลมหายใจอย่างช้าที “เป็นที่ฝันแปลกจริง ๆ ฝันว่าได้มาเที่ยวภูเก็ต ฝันเห็นคนตายอีกต่างหาก…” พอชะโงกหน้าไปมองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย “พ่อคุณหน้าตาอย่างกะพระเอกซีรีส์ไม่น่าอายุสั้นเลย ดูสิ…ขนาดสู่ขิตแล้วยังหล่อขนาดนี้ อีกไม่นานก็คงขึ้นอืดน้ำเหลืองไหลดูไม่จืดเป็นแน่ หลับให้สบายนะ” เธอชี้จิ้มแก้มร่างไร้วิญญาณเบา ๆ อังนิ้วที่ปลายจมูกแล้วก้มแนบหูบนอกซ้าย “ตัวยังอุ่นอยู่เลยแหะ เดี๋ยวนะ…เขากำลังหายใจ แถมหัวใจยังเต้นอยู่ด้วย” น่าสงสัยแล้วว่าอยู่ในความฝันจริงหรือเปล่าเพราะทุกอย่างมันสมจริงเกินไปเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง จนกระทั่ง… อืมมมมม จักรทัศน์เปล่งเสียงจากลำคอแห้งผาก ขยับแขนขาพยายามออกแรงต้านอาการผีอำที่ทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก พอลืมตาขึ้นก็เจอกับดวงตาเฉียงแหลมเหมือนนกหงส์หยกจ้องกลับมา “เห้ยยยยยยยย” “กรี๊ดดดดดดดด” ต่างฝ่ายต่างหวีดร้องและผละร่างออกจากกัน “คุณ คุณเป็นใคร เข้ามาห้องผมได้ไงวะ!” แพทย์หนุ่มตะเกียกตะกายออกห่างคนแปลกหน้า อัยยาลิณณ์อ้าปากเหวอด้วยความตื่นตระหนกไม่แพ้กัน “คุณอยู่ในความฝันของฉันไม่ใช่เหรอหรือฉันไม่ได้กำลังฝันไป” พูดเอง เออเองและตอบเอง “ฝันเฝินอะไร พูดบ้าอะไรของคุณ คุณเป็นขโมยแน่ ๆ ผมจะไปเรียกยาม!” “เดี๋ยว!!! ฉันไม่ใช่ขโมยนะ ฟังเฮาอู้ก่อนเซ่!!!” แขกไม่ได้รับเชิญพยายามจะอธิบาย แต่เจ้าของห้องที่กำลังสติแตกดันใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไปนอกห้องเสียอย่างงั้น แต่เหมือนสวรรค์มาโปรดที่เจอ รปภ. กับนิติบุคคลและพี่สาวหน้าลิฟต์พอดิบพอดี ทุกคนกรูเข้าไปในห้องหลังจักรทัศน์บอกว่ามีคนบุกรุก “พวกผมหาจนทั่วแล้วนะครับ ไม่เห็นมีใครเลยครับ หมอตาฝาดไปหรือเปล่า” เป็นไปไม่ได้…ผู้หญิงคนนั้นยืนหัวโด่อยู่กลางห้องเลยต่างหาก แต่ไม่มีใครมองเห็นเธอสักคน “บ้าน่ะ! ผีไม่มีจริงสักหน่อย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม