ในทัศนคติของส้มแผ่นนั้นผีมีแค่ในนิยายและต้องเป็นนิยายวายเท่านั้น พ่อหมอสุดล่ำกับผีกล้ามแน่นส่วนผีผู้หญิงนั้นไม่มีจริงต่อให้มีจริงเธอก็ไม่เคยเห็นและต่อให้เคยเห็นก็ไม่มีจริงอยู่ดี นั่นคือแนวคิดก่อนหน้านี้ก่อนที่จะได้มาเข้าค่ายอาสาที่วัดป่าแห่งนี้
สาวหน้ากลมแก้มป่องกำลังยกสองมือขึ้นปิดตาแต่ก็ยังเหลือช่องว่างระหว่างนิ้วเพื่อไว้มองเหตุการณ์สองอย่าง
อย่างแรกศาลาเรือนไม้ที่เธอและเพื่อนๆใช้พักอาศัยในค่ำคืนนี้กำลังถูกคุกคามด้วยบางอย่างบางอย่างที่มุ่งร้ายและหาที่มาไม่ได้ มันเป็นศาลายกพื้นสูงที่มีเพียงโถงกว้างๆเพียงห้องเดียว พื้นเป็นไม้แผ่นที่สามารถมองลอดช่องลงใต้ถุนได้ และทุกด้านจะมีผนังไม้ที่มีหน้าต่างถี่ยิบเปิดได้รอบทิศทาง ส่วนด้านนอกจะมีระเบียงสามด้านคือด้านหน้าและด้านซ้ายและขวา
ในขณะนี้ตีสองสิบเจ็ดนาทีมีบางอย่างกำลังเดินวนรอบอยู่ด้านนอกมันเริ่มเดินจากระเบียงด้านหน้า
แกรกกกกกกก
ครืดดดดดดดดดด
แกรกกกกกกก
ครืดดดดดดดดดดดด
เสียงการเดินของมันเป็นเช่นนี้เหมือนมันกำลังลากอะไรบางอย่างไปทุกย่างก้าว มันเริ่มเดินจากระเบียงด้านหน้าวนมาด้านซ้ายและในบางจังหวะจะมีเสียงขูดเล็บกับหน้าต่างเป็นทางยาวไปด้วย จากนั้นก็....ด้านหลังซึ่งด้านนี้แหละที่ทำเอาทุกคนหวาดผวาเพราะมันไม่มีพื้นแต่นั่นยังไม่ใช่ที่สุด เพราะเมื่อมันวนมามาถึงฝั่งขวาซึ่งเป็นฝั่งที่เธอนั่ง
ข้าขอหนึ่งคน
เสียงแหบแตกซ่านที่เหมือนคนแก่ของมันจะพูดแบบนี้และมันจะพูดตรงกับที่เธอเพียงคนเดียวและซึ่งพอจบประโยคก็จะตามมาด้วยเสียงหมาหอนดังจากรอบทิศทาง จากนั้นก็เดินผ่านไปแล้ววนรอบมาใหม่ซึ่งหนนี้เป็นรอบที่สิบแล้ว
จนตอนนี้เพื่อนร่วมคณะของเธอต่างย้ายหนีปล่อยให้เธอนั่งตัวสั่นอยู่ทางผนังด้านขวากับปูเป้เพื่อนตายที่ไม่ยอมทิ้งเธอไว้ลำพัง นั่นคือเหตุการณ์ประหลาดอย่างที่หนึ่ง
ส่วนอย่างที่สองนั้น........
เมื่อสักครู่ในขณะที่มันกำลังแทรกนิ้วอันแห้งเหี่ยวหุ้มกระดูกแง้มประตูหน้าเพื่อจะเข้ามา อยู่ๆไฟทุกดวงก็ดับสนิทและตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปั้ง จากนั้นก็สว่างตามเดิมพร้อมเสียงกรีดร้องของทุกคนที่ร้องออกมาอย่างตกใจต่อการปรากฏตัวของบางอย่าง
ชายร่างสูงผมยาวประบ่าใบหน้าหวานและหล่อเหลาเขาสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำที่มีกระดาษแปะที่กลางหลังว่าเสื้อตัวนี้สีชมพู ร่างสูงนั้นยืนอยู่กลางห้องอย่างหาที่มาไม่ได้และไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทางด้านหลังเขามีชายหนุ่มสุดล่ำผมหยักโศกเสยไปด้านหลัง คนนี้อยู่ในท่าฮีโร่แลนด์ดิ้งคือเข่าข้างหนึ่งติดพื้นส่วนอีกข้างตั้งชันในมือข้างหนึ่งถือกระดานชนวนไว้ด้วย
คนร่างสูงหันมามองเธอนิดนึงแล้วยักคิ้วให้ส่วนอีกคนที่ล่ำกว่าพูดสั้นๆพร้อมยิ้มกว้าง
"พวกพี่มาช่วยแล้ว"
ตากลมของส้มแผ่นมองเคะร่างสูงกับเมะกล้ามแน่นของเธอด้วยความดีใจถึงแม้จะไม่รู้ว่าคู่จิ้นทั้งสองคนโผล่มาที่นี่ได้ไงทั้งที่มันห่างจากร้านหนังสือร่วมหกร้อยกิโล
แต่เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเธอรอดแล้ว
.......................................................
ก่อนหน้านั้นห้าวัน
มันเป็นวันแรกที่ส้มแผ่นได้เริ่มทำงานที่ร้านแม่หยาบุ๊ค บรรยากาศช่วงเช้าของร้านจะค่อนข้างเงียบเหงา คนตัวเล็กหน้ากลมเลือกหนังสือขึ้นมาชุดนึงเอามาวางเรียงบนโต๊ะไม้ที่อยู่ใกล้กับเค้าท์เตอร์ เธอเลือกขึ้นมาหนึ่งเล่มปิดใบหน้าจนเห็นได้เพียงดวงตากลมที่สดใส
"พี่พราย"
เงียบไร้เสียงตอบรับ พรายหน้าหวานที่นั่งอยู่เค้าท์เตอร์ฝั่งตรงข้ามเปิดหนังสืออ่านหน้าถัดไปอย่างไม่ใส่ใจ
"ไอ้พราย"
เช่นเดิมร่างสูงหน้าหวานยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างเฉยเมยถึงแม้เธอจะยกระดับคำพูดขึ้นแล้ว
"ไอ้ สั...
"นี่!!! ไอ้ตัวเล็กจะลามปามไปแล้วนะเฮ้ย"
ถ้าจะมีอะไรในโลกนี้ที่สามารถสร้างความหงุดหงิดให้พ่อหมอพรายจนเสียลุคคนเย็นชาได้ก็คงต้องเป็นส้มแผ่นตากลมแน่นอน
"แฮะ ๆ ก็หนูเรียกแล้วพี่ไม่ตอบ"
"มีไร"
"คือ.....คือ...."
"เร็ว....."
"คือพี่กับพี่จอหม่องเคยคิดจะมีลูกด้วยกันป่ะ"
และเมื่อเธอเห็นตาคมออกฟ้าที่เคยเย็นชามีแววขุ่นเคืองด้วยความเดือดดาล นางจึงรีบอธิบายเพิ่มเติมออกมา
"โอ โอ...โอเมก้าน่ะพี่ พี่เป็นโอเมก้าผู้ชายท้องได้ไง ถ้าพี่สองคนมีลูกด้วยกันหนูว่าลูกพี่ต้องน่ารักแน่นอน"
"อีแผ่น"
คราวนี้เขาโมโหจริงถึงกับวางหนังลงโต๊ะเสียงดังแต่คนหน้ากลมนั้นหาได้สะทกสะท้าน ตาที่เคยกลมนั้นตอนนี้เปลี่ยนเป็นยิ้มแบบสระอิ นางรู้ดีว่าเวลาทำตาแบบนี้พี่พรายจะโมโหน้อยลง
"แฮะๆ หนูล้อเล่น คือจริงๆหนูมีเรื่องจะขออนุญาต"
"เออ"
ดวงตาสระอิได้ผลพรายหน้าหวานหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
"คือหนูต้องไปค่ายอาสา อันที่จริงไปวันพรุ่งนี้หนูลืมบอกพวกพี่น่ะ"
และเหมือนจะเป็นทีของคนเย็นชาหน้าหวานบ้างเขายกมือขึ้นมาปัดผมไปถัดหูแล้วพูดออกมาอย่างร้ายกาจโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ
"ก็ไปดิ มีหรือไม่มีเราร้านนี้ก็อยู่ได้ เราไม่ได้สำคัญขนาดนั้นที่จริงพี่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าร้านจะจ้างเราไว้ทำไม"
ตากลมสดใสของส้มแผ่นกระพริบตาถี่ๆเมื่อได้ยินประโยคนี้ นางกำลังประมวลผลถึงความหมายอันแท้จริงด้วยอาการดีเลย์เล็กน้อยและเมื่อเข้าใจก็ลุกขึ้นยืนสองมือยันกับโต๊ะชะโงกหน้ามองเขาไม่พอใจ
"พี่หมายความว่าไง"
คนหน้าหวานแสนเย็นชานั้นไม่ตอบแต่พลิกหนังสืออ่านหน้าถัดไปแทน
"นิสัย
หนูขอให้พี่ท้องไม่มีพ่อ"
ประโยคนี้ได้ผลพรายเย็นชาปิดหนังสือทันที และแล้วการทำงานวันแรกของส้มแผ่นก็ทำให้คนหน้าหวานสุดเย็นชาถึงกับฟิวขาดได้เขาลุกขึ้นยืนพร้อมวางหนังสือลงกับโต๊ะจนเสียงดังซึ่งจะเรียกว่าวางก็ไม่ถูกนักเพราะมันรุนแรงกว่านั้น
"กูท้องไม่ได้โว้ยยยยยย"
"ได้ทำไมจะไม่ได้ นิยายเขียนจากเรื่องจริงทั้งนั้น ไอ้ ไอ้ สั.. พราย"
"โห....ตัวเล็กวอนเองนะ"
เขาทำท่าจะปีนข้ามเค้าท์เตอร์เข้าไปเอาเรื่องส่วนสาวตัวเล็กหน้ากลมเตรียมที่จะเขวี้ยงนิยายชายชายที่อยู่ในมือเป็นการตอบโต้
"โอ้ย ๆ อะไรกันเนี่ย พราย ส้มแผ่น"
"ก็พี่พรายน่ะเขาบอกว่าหนูไม่มีประโยชน์"
"พี่พูดตอนไหนห๊ะตัวเล็ก"
"ทุก!! ตอน"
เธอตอบกลับมาเสียงดังด้วยอาการกอดอกแล้วหันหน้าหนีจนผมม้าสะบัด
"อ่า อ่า ใจเย็นๆกัน แล้วส้มแผ่นจะไปค่ายอาสากี่วัน"
"ห้าวันค่ะพี่จอหม่อง"
"ทีไหน"
"วัดป่าหลวงปู่แผ่วที่หนองคายค่ะ"
และสิ่งแรกที่จอหม่องหนุ่มล่ำทำทันทีหลังจากทราบสถานที่คือการเหลือบมองนาฬิกาพร้อมกับบวกลบคูณหารคำนวนฤกษ์ยาม จากนั้นก็ขมวดคิ้วส่ายหน้าอยู่คนเดียวแล้วหันไปสบตากับพรายหน้าหวานเพื่อส่งสัญญาณว่าไม่ดี
ด้านคนเย็นชามองทางพนักงานผมม้าที่กำลังอยู่ในอาการงอนเหมือนครุ่นคิดบางอย่างจากนั้นก็เปิดหนังสืออ่านตามเดิมไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
บรรยากาศการทำงานในร้านวันแรกของส้มแผ่นเป็นไปด้วยอาการมึนตึงทั้งส้มแผ่นและหมอพรายไม่ได้พูดกันอีกแม้แต่ประโยคเดียว จนกระทั่งเวลาได้ล่วงเลยไปถึงสองทุ่มกว่า ในขณะที่ส้มแผ่นออกจากร้านเพื่อกลับบ้านก็มีเสียงกระหืดกระหอบเหมือนคนวิ่งตามมา
"ส้ม ส้ม"
เสียงทุ้มของจอหม่องร้องเรียกมาทางด้านหลังเมื่อเธอหันกลับมาเขาก็หยุดวิ่ง
เธอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเตรียมจะถามกลับแต่ยังไม่ทันพูด หนุ่มล่ำก็ยื่นบางอย่างให้กับเธอมันเป็นสร้อยเชือกร่มสีดำที่ห้อยตุ๊กตาเด็กตัวเล็กๆไว้สองตัว
"พรายฝากมาให้"
"หา พี่พรายเนี่ยนะ"
"อือ พรายนี่แหละมันบอกว่าให้เราพกติดตัวไว้อย่างน้อยห้าวันแล้วหลังจากนั้นจะเอาไปทิ้งที่ไหนก็ตามใจ"
"ทำไมหนูต้องพกไว้ด้วยล่ะ"
หน้ากลมนั้นสะบัดหน้าเหมือนอาการงอนจะยังไม่ทุเลา
"เอาน่า...ถือว่าพี่ขอร้องด้วยอีกคน พกติดตัวไว้นะ"
จอหม่องพูดด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมยัดสิ่งนั้นไว้ในมือเธอก่อนจะกล่าวย้ำคำเดิมมาอีกหลายๆครั้ง ถึงเธอรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างแต่ก็สวมคอไว้แต่โดยดี