ตอนที่ 56 — ความเงียบระหว่างเรา
แสงอาทิตย์อ่อน ๆ ของเช้าวันใหม่
ส่องลอดม่านบางในโถงทางเดินของโรงแรม
อากาศเย็นจนพ่นลมหายใจเห็นเป็นควันจาง ๆ
เสียงประตูห้องเปิดออกเบา ๆ
พายณรีย์ก้าวออกมาในเสื้อโค้ตสีครีมอ่อน
ผมยาวถูกรวบหลวม ๆ
ในมือถือแฟ้มเอกสารงานสัมมนาแน่น
ทันทีที่เธอก้าวพ้นธรณีประตูห้องนอน —
ก็เห็นคนินยืนอยู่ตรงห้องโถงด้านหน้า
เขาสวมสูทสีเข้ม ผ้าพันคอพาดอยู่รอบคอ
ดูเรียบง่ายแต่สุภาพ
เมื่อสายตาสองคู่สบกัน
คนินยิ้มบาง ๆ ทักทายเหมือนทุกเช้า
>“อรุณสวัสดิ์ครับ อาจารย์พาย... หลับสบายไหม”
พายณรีย์ชะงักนิด
ก่อนตอบสั้น ๆ โดยไม่สบตา
>“ค่ะ”
จากนั้นเธอก็ก้มหน้า เดินผ่านเขาไปเงียบ ๆ
ฝีเท้าของเธอเร่งจังหวะขึ้น
ราวกับอยากหนีจากพื้นที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด
คนินมองตามเธอพลางเม้มริมฝีปาก
สุดท้ายเขาก็ก้าวยาว ๆ เดินตามไปทัน
>“อาจารย์พาย... ผมขอโทษนะครับ”
>“...”
>“เมื่อคืน ผมอาจจะ...
แสดงความรู้สึกตรงไปหน่อย...
จนทำให้คุณไม่สบายใจ”
เสียงของเขาอ่อนโยน
แต่แฝงด้วยความลังเลอย่างชัดเจน
พายณรีย์หยุดเดินกะทันหัน
เธอหันกลับมาช้า ๆ ดวงตานิ่งสนิท
แต่ในแววนั้นเต็มไปด้วยความสับสน
>“อาจารย์คนินคะ...”
>“ครับ?”
>“อย่าทำให้เราสองคน...
ต้องเสียความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานเลยนะคะ”
น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล
แต่เย็นเฉียบพอจะทำให้หัวใจของเขาหล่นวูบ
ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วอึดใจ
มีเพียงเสียงลมหิมะ
ที่ปลิวมากระทบกระจกหน้าต่าง
คนินหลุบตามองพื้น
มุมปากของเขายกขึ้นนิดเดียว
แต่เป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดอย่างประหลาด
>“ครับ... ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจอีก”
พายณรีย์พยักหน้าช้า ๆ
ก่อนหมุนตัวเดินออกไป
เสียงส้นรองเท้าของเธอกระทบพื้นหินอ่อน
ก้องไปตามโถงทางเดิน
แต่สำหรับคนิน...
เสียงนั้นเหมือนห่างออกไปเรื่อย ๆ
เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม
จนกระทั่งเสียงเดินของเธอเงียบลง
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว
สายตาที่เคยมั่นคงกลับสั่นไหว
>“... มันคง..เร็วเกินไปจริง ๆ สินะ...”
___
ตอนที่ 57 — ความเงียบที่หนาวกว่าหิมะ
เสียงประกาศเบา ๆ
ดังในห้องสัมมนาใหญ่ของศูนย์ประชุม
กลุ่มอาจารย์จากหลายประเทศ
ทยอยเข้ามานั่งตามโต๊ะที่จัดไว้เป็นคู่ ๆ
พายณรีย์นั่งอยู่ตรงมุมด้านขวาของห้อง
เธอพยายามก้มหน้าตรวจเอกสารในมือ
เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่ในใจกลับยังเต้นแรงทุกครั้ง
ที่คิดถึงภาพเมื่อคืน...
ริมฝีปากอุ่นของใครบางคน
ที่ยังแผ่วอยู่ในความทรงจำ
เสียงเก้าอี้ขยับเบา ๆ ข้างตัว
>“ผม..นั่งตรงนี้ได้ไหมครับ?”
เสียงทุ้มนุ่มของคนินดังขึ้นอย่างสุภาพ
พายณรีย์เงยหน้าขึ้นช้า ๆ แล้วพยักหน้าเบา ๆ
>“เชิญค่ะ...”
เธอหลบตาทันที ปลายนิ้วจับปากกาจนแน่น
กลัวเหลือเกินว่าหากสบตากับเขาอีกครั้ง...
ใจจะเต้นจนคนทั้งห้องได้ยิน
ทั้งคู่ต่างจดบันทึก ฟังบรรยาย แลกเอกสารกัน
แต่ทุกครั้งที่มือของทั้งสองแตะกันโดยบังเอิญ
บรรยากาศรอบตัวกลับเหมือนเงียบลง
เสียงผู้บรรยายบนเวที
กลายเป็นเพียงเสียงพร่าเบาในพื้นหลัง
จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นจากมุมห้อง
>“คุณพายณรีย์ครับ... สวัสดีตอนเช้าวันใหม่ครับ”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความคุ้นเคย —
พายเงยหน้าขึ้นทันที
เห็นนาริตะเดินตรงมาหา
เขาสวมสูทสีเทาอ่อน
รอยยิ้มของเขาดูมั่นใจเหมือนเดิม
คนินเหลือบตาขึ้นมองนิ่ง ๆ
สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยน
แต่ในแววตากลับมีบางอย่างที่เงียบลึก
>“ดีใจจังครับ..
ผมไม่คิดว่าจะได้นั่งโต๊ะใกล้ ๆ กับคุณพายอีก”
>“ค่ะ... บังเอิญจังเลยนะคะ”
พายตอบเสียงเรียบ
นาริตะเหลือบตามองคนิน ก่อนยิ้มมุมปาก
>“เออ...อาจารย์คนิน
ดูแลคุณพายดีจริง ๆ นะครับ
เมื่อวานก็นั่งด้วยกัน วันนี้ก็มาด้วยกันอีก”
พายชะงัก นิ่งเงียบ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
>“ก็..เรามาในฐานะเพื่อนร่วมงานนี่ค่ะ”
คำว่า “เพื่อนร่วมงาน” ทำให้คนินนิ่งไป
เขายังคงยิ้มบาง ๆ
แต่ในอกกลับรู้สึกหนาวกว่าหิมะนอกหน้าต่าง
นาริตะหัวเราะเบา ๆ
>“เพื่อนร่วมงานเหรอครับ... ฟังดูอบอุ่นดีนะครับ”
บรรยากาศรอบตัวเงียบลงอย่างแปลกประหลาด
พายพยายามจดบันทึกต่อ มือสั่นเล็กน้อย
คนินมองเห็นทุกอย่าง แต่ไม่พูดอะไร
เขาเพียงยื่นแก้วน้ำให้เธอเบา ๆ
พายรับมันมาอย่างเกรงใจ โดยไม่กล้าสบตา
ท่ามกลางเสียงฝนหิมะข้างนอก
หัวใจของทั้งคู่กลับร้อนรุ่มเกินกว่าจะสงบได้
___
ตอนที่ 59 — ระหว่างหัวใจสองคน
บ่ายวันสุดท้ายของการสัมมนา
เสียงพูดคุยในห้องประชุมค่อย ๆ เบาบางลง
เหลือเพียงเสียงหัวเราะและเสียงเก้าอี้ขยับ
เมื่อแต่ละทีมทยอยเก็บเอกสาร
พายณรีย์วางปากกาลง สูดลมหายใจยาว
เหมือนอยากปล่อยความเหนื่อย
ตลอดหลายวันให้หลุดออกไป
แต่ยังไม่ทันได้พัก
เสียงเรียกชื่อเธอจากด้านหลัง ก็ดังขึ้นชัดเจน
>“พาย... เราคุยกันสักนิดไหม?”
นาริตะยืนอยู่ตรงนั้น —
ชุดสูทเข้ารูป สีหน้าเรียบ
แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความลังเลบางอย่าง
เขายื่นถ้วยกาแฟร้อนให้เธอ
>“ผมจำได้ว่าคุณชอบลาเต้แบบไม่ใส่น้ำตาล”
พายรับแก้วมาเพียงเพราะมารยาท
แต่สายตากลับมองไปทางอื่น
>“ขอบคุณค่ะ... แต่ฉันเลิกดื่มไปนานแล้ว”
นาริตะยิ้มเศร้า
>“ผมแค่อยากจะบอกว่า...
ผมเสียใจ ที่วันนั้นเลือกจะเดินหนีคุณ
และตอนนี้ผมรู้แล้ว .. ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ
มันไม่เคยหายไปเลย”
พายชะงัก
มือที่ถือแฟ้มเอกสารแน่นจนข้อนิ้วขาว
เธอส่ายหน้าเบา ๆ
>“คุณไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้น
นาริตะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว... มันจบไปนานแล้ว”
>“แต่ผมยังอยากเริ่มต้นใหม่”
น้ำเสียงของนาริตะหนักแน่นขึ้น
>“ผมเห็นคุณกับผู้ชายคนนั้น—
คุณคนิน..? เขาดูสนใจคุณมาก...
แต่เชื่อผมเถอะ...เขาไม่ได้จริงจังเท่าผมหรอก”
พายชะงัก เงยหน้ามองเขาด้วยสายตานิ่งสงบ
>“นาริตะ..คุณไม่มีสิทธิพูดถึงเขาแบบนั้น
เพราะไม่ว่าคุณคนินเขาคนจะเป็นยังไง..
จะคิดกับฉันแบบไหนก็ตาม....
ที่สำคัญที่สุดคือ เขา ‘เคารพ’ ฉัน”
เธอเน้นคำสุดท้ายจนชัด
นาริตะหน้าเจื่อนลง แต่ยังคงพยายาม
>“พาย... คุณกำลังหลอกตัวเองใช่ไหม ...? .
..เพราะจริง ๆ ระหว่างคุณกับเขา..มันไม่มีอะไร”
พายเม้มปากแน่น
ก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่แม้แต่ตัวเอง
ยังไม่แน่ใจว่าเป็นคำปกป้อง หรือคำยืนยันในใจ
>“... ฉันมีคนอยู่ข้าง ๆ แล้ว..
และฉันไม่ต้องการย้อนกลับไปเจ็บอีก”
เสียงของเธอสั่นน้อย ๆ
แต่แววตามีประกายชัดเจน
พายค่อย ๆ หันหลัง เดินตรงไปยังโต๊ะอีกมุมหนึ่ง
ที่คนินกำลังเก็บแฟ้มเอกสาร
คนินเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ —
สายตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความว้าวุ่น
เหมือนกำลังหนีบางสิ่ง
เธอเดินเข้าไปใกล้ ยืนข้างเขาอย่างตั้งใจ
>“คุณคนินคะ..
... เดี๋ยวเราไปทานข้าวเย็นกันนะคะ”
เธอพูดเสียงเรียบ
แต่ชัดเจนพอให้นาริตะที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ยิน
คนินชะงักมองหน้าเธอ
สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถาม
เขาไม่รู้ว่าเธอพูดด้วยความรู้สึกจริง
หรือเพียงเพื่อกันอีกคนออกไปจากชีวิต
>“ครับ...”
เขาตอบในที่สุด
เสียงทุ้มของเขานุ่มแต่แฝงด้วยความสับสน
ทั้งคู่เดินออกจากห้องพร้อมกัน
ท่ามกลางสายตาของนาริตะ
ที่ยืนมองตามอย่างขมขื่น
___
ข้างนอกหิมะเริ่มตกหนัก
แต่ในใจของคนิน
กลับรู้สึกหนาวกว่าอากาศรอบตัวเสียอีก
เขาไม่แน่ใจเลยว่า...
สิ่งที่พายณรีย์แสดงออกนั้น คือ
“ความรู้สึกจริง”หรือเพียง “เกราะกำบัง”
จากคนรักเก่าที่เธอไม่อยากเผชิญหน้า