ตอนที่ 51 — กลางวันท่ามกลางหิมะโปรย
เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านอาหารเล็ก ๆ
ดัง กริ๊ง… เบา ๆ
เมื่อคนินเปิดประตูให้พายณรีย์ก้าวเข้าไปข้างใน
ไออุ่นจากเครื่องทำความร้อนและกลิ่นโชยุ
หอมละมุนลอยคลุ้งอยู่ทั่วร้าน
ตัดกับความหนาวยะเยือกข้างนอก
ที่หิมะยังคงโปรยปรายอย่างไม่ขาดสาย
ร้านไม้เล็ก ๆ ในย่านเก่าของโตเกียวแห่งนี้
ดูสงบกว่าร้านอื่น ๆ โต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม
และเสียงเพลงญี่ปุ่นเบา ๆ คลอในพื้นหลัง
ทำให้บรรยากาศอบอวลด้วยความผ่อนคลาย
คนินเลือกมุมติดหน้าต่างให้เธอ
นั่งหันข้างให้แสงแดดอุ่น
ที่ส่องลอดผ่านหิมะตกด้านนอก
>“คุณพาย ลองราเมงร้านนี้ดูสิครับ
ร้านนี้เปิดมากว่าสามสิบปี...เขาว่ากันว่า
เป็นร้านโปรดของอาจารย์ญี่ปุ่น
รุ่นเก่าๆ หลายคนเลยนะครับ”
เสียงของคนินนุ่ม ทุ้ม
และแผ่วพอให้ได้ยินแค่สองคน
พายณรีย์พยักหน้าน้อย ๆ
> “งั้นขอฝากคุณคนินสั่งให้เลยค่ะ
..พายยังเลือกไม่ถูกเลย”
เธอพูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
ที่ทำให้หัวใจของคนตรงหน้า
เต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ไม่นานราเมงชามร้อน ๆ ก็ถูกยกมา
กลิ่นน้ำซุปเข้มข้นลอยแตะปลายจมูก
เสียงหิมะตกเบา ๆ ข้างนอกกลายเป็นเสียง
ประกอบฉากแสนละเมียดในมื้อกลางวันนั้น
ทั้งสองเริ่มกินโดยแทบไม่มีเสียงพูด
มีเพียงสายตาที่แอบเหลือบมองกันเป็นระยะ ๆ —
จนกระทั่งพายณรีย์
เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน
>“คุณคนิน… ปกติคุณพูดเรื่องงานเก่ง
แต่เรื่องส่วนตัว..ดูจะไม่ยอมเล่าเลยนะคะ”
เธอหัวเราะเบา ๆ พลางจ้องเขาอย่างตั้งใจ
>“งั้น..พายขอถามบ้างสิคะ..?
ครอบครัวคุณคนินเป็นยังไงบ้าง..?”
คนินเงยหน้าขึ้น ยิ้มอ่อนในแววตา
>“ครอบครัวผมอบอุ่นดีครับ พ่อแม่ยังอยู่ครบ…
ผมเป็นลูกชายคนที่สอง มีพี่ชายชื่อภคิน
เขาช่วยดูแลกิจการด้านออกแบบของครอบครัว”
เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลง
>“ผมเองเลือกทางที่ต่างออกมา..
หลังจากจบปริญญาโทใบที่สอง...
ผมก็เข้ามาวงการนักธุรกิจด้านก่อสร้างเต็มตัว
.. ตอนนี้อายุสามสิบสามแล้ว”
รอยยิ้มบางแตะมุมปากเขา
>“แต่ช่วงนี้ก็เริ่มคิดนะครับ...
ว่าคงถึงเวลา… ที่จะมีใครสักคนข้าง ๆ”
พายณรีย์ชะงักเล็กน้อย
มือที่ถือช้อนค้างอยู่กลางอากาศ
เสียงของเขาเรียบ แต่หนักแน่นพอ
จะทำให้ใจของเธอสะดุดเต้นแรงอย่างไม่ทันตั้งตัว
>“เออ..คุณคนินมีแฟนมาก่อนไหมคะ?”
เธอถามกลับเสียงเบา
พยายามรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ
>“หรือ..กำลังคุย ๆ กับใครบ้างไหมคะ?”
คนินหัวเราะเบา ๆ
>“เห่อ..ๆ ไม่เลยครับ
ที่ผ่านมา ผมมัวแต่โฟกัสที่งาน
จนไม่กล้ามองใครจริงจัง”
เขาเว้นช่วง แล้วเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยน
>“แต่บางครั้ง… แค่ได้อยู่ใกล้ใครบางคน
โลกมันก็เหมือนจะเบาลงโดยไม่ต้องพยายามเลย”
คำพูดนั้นเรียบง่าย
แต่ทำให้พายณรีย์รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเอง
เต้นผิดจังหวะ เธอเบือนหน้า
มองออกไปนอกหน้าต่าง
เห็นหิมะที่เริ่มเกาะขอบกระจก
ละลายเป็นหยดน้ำช้า ๆ
>“คุณคนินพูดเหมือนคนที่เจอคน ๆ นั้นแล้วนะคะ”
เธอพยายามพูดติดตลก
เพื่อกลบความรู้สึกที่กำลังแทรกซึมเข้ามาในใจ
>“บางทีก็อาจจะใช่ครับ…”
เขาตอบเบา ๆ แต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่เธอ —
ตรง ๆ ชัดเจน และอ่อนโยน
พายณรีย์รู้สึกถึงแรงบางอย่างในอก
ที่ทั้งอบอุ่นและอันตราย
เธอรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาแทบจะทันที
>“แล้วพี่ชายคุณล่ะคะ เขาแต่งงานแล้วหรือยัง?”
คนินหัวเราะอย่างรู้ทัน
>“เปลี่ยนเรื่องเร็วเลยนะครับ..”
แต่เขาก็ยอมตอบ
>“แต่งแล้วครับ มีลูกสาวหนึ่งคน น่ารักมาก
ผมเลยกลายเป็นคุณอาไปโดยปริยาย”
พายณรีย์ยิ้มกว้างขึ้น
> “งั้นคงอบอุ่นน่าดูเลยสิคะ..
บ้านที่มีเด็กเล็กเสียงหัวเราะคงไม่เงียบเหงาแน่ ๆ”
>“ใช่ครับ”
เขาพยักหน้าเบา ๆ
> “แต่บางครั้งพอกลับบ้าน..
แล้วเห็นพี่ชายมีคนรออยู่ข้าง ๆ ...
ผมก็เริ่มรู้สึกว่า…อยากมีแบบนั้นบ้าง”
เสียงเขาเรียบแต่จริงใจ
พายณรีย์ไม่ได้ตอบอะไร
เธอเพียงยกช้อนตักน้ำซุปขึ้นดื่ม
พลางพยายามไม่สบตา
แต่หัวใจกลับเต้นแรง
จนแทบได้ยินชัดในอกตัวเอง
เธอรู้ดี — ว่าความรู้สึกที่เริ่มเกิดขึ้นในใจ
มันไม่ควรจะมี..แต่มันก็ไม่อาจห้ามได้เลย...
--
ตอนที่ 52 — หิมะโปรยกลางใจ
ลมเย็นพัดผ่านตรอกเล็ก ๆ
ที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
เสียงรองเท้าบูทย่ำลงบนพื้นหิมะนุ่มดัง กรอบแกรบ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ทั้งพายณรีย์และคนินเดินเคียงกัน
โดยไม่มีบทสนทนาใดต่อจากมื้อกลางวัน
อากาศหนาวจัดจนลมหายใจของทั้งคู่
กลายเป็นไอสีขาวลอยละล่องเหนืออากาศ
แต่ในอกของใครบางคน
กลับรู้สึกอุ่นอย่างประหลาด
พายณรีย์เงยหน้ามองหิมะที่ร่วงลงจากฟ้า — เกล็ดเล็ก ๆ โปรยลงมา
เกาะที่ผมด้านข้างของเธอโดยไม่รู้ตัว
คนินเหลือบมอง
แล้วเผลอยื่นมือออกไปอย่างไม่ทันคิด
>“เดี๋ยวก่อนครับ… หิมะติดตรงนี้”
ปลายนิ้วของเขาแตะเบา ๆ ที่ปลายผมของเธอ แล้วปัดหิมะสีขาวให้หล่นลงอย่างแผ่วเบา
สัมผัสนั้นเบาจนแทบไม่รู้สึก
แต่กลับทำให้หัวใจของพายณรีย์สะดุดแรง
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาโดยไม่ตั้งใจ —
และในวินาทีนั้น
สายตาของทั้งสองก็สบกันอย่างจัง
หิมะยังคงโปรยลงมา แต่โลกเหมือนจะหยุดนิ่ง
ในแววตาของคนินมีประกายอ่อนโยน
ที่ยากจะละสายตาได้
และในดวงตาของพายณรีย์
สะท้อนทั้งความลังเลและความรู้สึก
ที่พยายามจะปฏิเสธ
หัวใจของเธอเต้นแรง —
จนต้องเบือนหน้าหนีแทบจะทันที
>“ขอบคุณค่ะ…”
เสียงของเธอเบา ราวกับกลัวว่า
เขาจะได้ยินความสั่นในน้ำเสียง
>“รีบกลับเถอะนะคะ เดี๋ยวจะหนาวไปมากกว่านี้”
คนินยิ้มบาง ๆ
>“ครับ”
แต่ในใจกลับรู้ดี ว่าความรู้สึกบางอย่าง
เริ่มขยับตัวขึ้นจากความเงียบ
ทั้งสองเดินต่อไปบนถนนสายเล็ก
ที่ปกคลุมด้วยหิมะหนานุ่ม
แสงไฟจากร้านราเมงด้านหลัง
เริ่มเลือนหายไปในระยะไกล
ก่อนที่ภาพของใครบางคนจะปรากฏตรงหน้า
ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้ม
ก้าวออกมาจากตรอกใกล้ ๆ
ใบหน้าคมคายที่พายณรีย์จำได้ทันที
— นาริตะ ชิโมโนะ
เขาเดินสวนเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสุภาพ
แต่แววตาแฝงแววแปลกใจ
เพราะภาพที่เห็นคืออาจารย์หญิงชาวไทย
ที่เคยรู้จักกันดี
กำลังยิ้มให้กับชายอีกคนหนึ่งอย่างอ่อนโยน
>“สวัสดีครับ… ไม่คิดว่าจะเจอคุณพายที่นี่”
นาริตะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แต่สายตาแอบสำรวจระหว่างเธอกับคนิน
>“คุณคนินใช่ไหมครับ?”
เขาหันมาทักอย่างสุภาพ
>“ ยินดีที่ได้เจออีกครั้งครับ”
คนินยกมือไหว้ตอบพร้อมยิ้มบาง
> “เช่นกันครับ คุณนาริตะ”
นาริตะหัวเราะในลำคอเบา ๆ
ก่อนหันกลับมามองพายณรีย์
>“คุณพายดูสดใสขึ้นมากนะครับ…
หรือว่า...กำลังมีความรักครั้งใหม่?”
เขาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงกึ่งแซวกึ่งทดสอบ
> “ทางมหาวิทยาลัยก็ช่างรู้ใจจริง..
ส่งอาจารย์สองคนมาพร้อมกัน ..
เหมือนตั้งใจให้ได้มาฮันนีมูนกลางหิมะ”
คำพูดนั้นเหมือนเข็มเล็ก ๆ แทงเข้าหัวใจพายณรีย์
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
เสียงตอบกลับเริ่มสั่นด้วยอารมณ์
>“..ขอโทษนะคะ..
คุณนาริตะคงเข้าใจผิดมากไปค่ะ
เรามาที่นี่เพื่อทำงาน ไม่ได้มาทำในสิ่งที่คุณพูด”
นาริตะยิ้มมุมปาก แต่ยังไม่ลดสายตาท้าทาย
>“งั้นหรือครับ? ...แต่จากมุมที่ผมเห็น…
ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่งานนะ”
พายณรีย์กำลังจะพูดต่อ
แต่ก่อนที่เธอจะทันเปิดปาก
เสียงของคนินก็ดังขึ้นแผ่วทุ้มแต่มั่นคง
>“อาจารย์พายณรีย์… อาจจะยังไม่ได้คิดอะไร”
เขาเอ่ยช้า ๆ พลางสบตานาริตะตรง ๆ
>“แต่สำหรับผม — เธอคือคนที่สำคัญจริง ๆ
...อย่างที่คุณคาดไว้..และผมไม่ปฏิเสธเลย”
คำพูดของเขาหนักแน่นพอ
ที่จะทำให้บรรยากาศรอบตัวนิ่งงัน
แม้แต่เกล็ดหิมะที่ร่วงลงบนเสื้อคลุม
ก็เหมือนจะหยุดกลางอากาศ
พายณรีย์หันขวับมามองคนิน
ดวงตาเบิกกว้าง ใจสั่นแรงจนแทบควบคุมไม่อยู่
ส่วนคนพูดกลับยังยิ้มเรียบ
ราวกับเพิ่งพูดเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน
นาริตะนิ่งไปครู่ ก่อนยกยิ้มบาง
> “งั้นหรือครับ….
..ดูเหมือนผมคงต้องเร่งตามให้ทันเสียแล้ว”
คนินก้มศีรษะเล็กน้อย
>"เราขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกันที่งานสัมมนา”
แล้วเขาก็หันมาพยักหน้าให้พายณรีย์อย่างสุภาพ
พายณรีย์ยังคงนิ่งอยู่กับที่ หัวใจสั่นระรัว
รอยอุ่นบางอย่างเกิดขึ้นในใจเธอ
— อบอุ่นจนกลัว...
เพราะเธอรู้ดีว่า จากนี้ไป…
คงไม่มีทางทำเป็นไม่รู้สึกได้อีกแล้ว