ตอนที่ 28- มหาวิทยาลัย / ห้องพักอาจารย์ — บ่ายวันถัดจากกลับจากญี่ปุ่น

1691 คำ
ตอนที่ 28- มหาวิทยาลัย / ห้องพักอาจารย์ — บ่ายวันถัดจากกลับจากญี่ปุ่น อากาศยามบ่ายอบอ้าว จนเงาของต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่เรียงรายหน้าคณะ ทอดลงมาบนพื้นปูนเป็นริ้ว ๆ สีเทา พายเดินเข้ามาในตึกอาจารย์ด้วยใบหน้าอ่อนล้า แต่ยังมีรอยยิ้มบาง ๆ จากการได้พักผ่อน ในมือเธอถือแฟ้มงาน ที่เตรียมไว้สำหรับประชุมบ่าย ข้างกายมีไทน์ที่มาส่งพี่สาวเช่นทุกครั้ง เสียงรองเท้าหนังของชายคนหนึ่ง ดังสะท้อนในทางเดินก่อนที่เงาร่างสูงในสูทสีเข้ม จะปรากฏตรงหน้าห้องพักอาจารย์ คนิน — ยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมแฟ้มเอกสารในมือและรอยยิ้มเรียบ ๆ ที่เหมือนตั้งใจซ่อนบางอย่างไว้ เมื่อสายตาทั้งคู่สบกัน บรรยากาศรอบข้างพลันนิ่งราวหยุดหายใจ พายชะงักไปเพียงครู่ ก่อนฝืนยิ้มเล็กน้อย >“อาจารย์คนิน... ..” คนินยกแฟ้มในมือขึ้น > “ผมเอาเอกสารการสอน.. มาฝากให้ช่วยตรวจครับ เห็นว่ามีบางหัวข้อที่อาจารย์พายถนัดกว่า” น้ำเสียงของเขาฟังดูสุภาพดังเช่นทุกครั้ง ทว่าแววตากลับอบอุ่นกว่าที่เคย — อบอุ่นจนพายรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเอง กำลังสั่นไหวอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะตอบ เสียงเข้มของไทน์ก็ดังแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง >“อาจารย์..มีธุระกับพี่ผมแค่นั้นใช่ไหมครับ” น้ำเสียงเย็นเฉียบจนคนินต้องหันไปสบตา — แววตาของไทน์ ไม่เหลือร่องรอยของความเป็นมิตรเลย พายรีบเอ่ยเสียงอ่อน >“ไทน์ พูดดี ๆ สิ” แต่คนินกลับยิ้มมุมปากนิด ๆ อย่างคนไม่คิดถือสา >“ครับ แค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่นานหรอก” เขาวางแฟ้มลงบนโต๊ะ แล้วสายตาก็เผลอหยุดที่ข้อมือของพาย — ที่ยังมีสร้อยข้อมือลายดอกซากุระเส้นเล็ก ๆ อยู่ เป็นของที่มาจากญี่ปุ่น รอยยิ้มในดวงตาคนินอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว >“สร้อยข้อมือฝากสวยดีนะครับ... ญี่ปุ่นคงอากาศดีสินะครับ” น้ำเสียงของเขาเรียบ แต่มีแววบางอย่างที่พายรับรู้ได้ — แววของ “คนที่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ” พายชะงักนิด ก่อนตอบเรียบ >“ค่ะ... ไปพักผ่อนกับน้องชายมา อากาศดีมาก” ไทน์ยืนกอดอกอยู่ข้างหลัง สายตาคมของเขาจ้องมองชายตรงหน้าไม่วาง แม้คำพูดของพายจะดูธรรมดา แต่สำหรับไทน์ มันเหมือนคำประกาศบางอย่าง — เขาอยากให้คนินรู้ว่า “พายมีเขาอยู่ข้าง ๆ เสมอ” บรรยากาศในห้องพักอาจารย์เริ่มแน่นขนัด ไปด้วยความเงียบอึดอัด เสียงนาฬิกาแขวนบนผนังดัง “ติ๊ก... ติ๊ก...” เป็นจังหวะเดียวที่ขยับ คนินกระแอมเล็กน้อย ก่อนพูดช้า ๆ >“เออ..ผม..ฝากเอกสารไว้กับอาจารย์พาย... แล้วเจอกันวันประชุมนะครับ” เขาหันไปสบตาพายอีกครั้ง — สายตานั้นนุ่มลึกจนพายต้องเบือนหน้า ก่อนคนินจะหมุนตัวเดินออกจากห้องอย่างสุขุม ประตูปิดลงเบา ๆ แต่ความรู้สึกบางอย่าง กลับยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ — ความรู้สึกที่พายเองก็ไม่อยากยอมรับ ไทน์หันมาทางพี่สาวทันที > “พี่พาย... ผมไม่ชอบสายตาแบบนั้นเลย เขามองพี่แบบ...” เสียงของเขาขาดห้วงไปในลำคอ พายวางเอกสารลง สูดลมหายใจลึก แล้วหันมายิ้มจาง ๆ >“ไทน์... เขาแค่มาคุยเรื่องงานเท่านั้น... อย่าคิดไปไกลเลยนะ” แต่แววตาของพายที่หลบเลี่ยง ทำให้ไทน์รู้... พี่สาวของเขากำลังเริ่มเปลี่ยนไปจริง ๆ ___ ตอนที่ 29- ห้องเรียนวิชาการคำนวณโครงสร้าง (Structural Analysis) / ช่วงบ่ายวันศุกร์ บ่ายนั้น อากาศข้างนอกอบอ้าวเล็กน้อย แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างกระทบผิวกระดานขาว สะท้อนกับแว่นตาใสของ อาจารย์คนิน ชายหนุ่มในเชิ้ตแขนพับขึ้นถึงศอก ยืนถือปากกาเมจิกสีดำ เขียนสมการยาวเหยียดบนกระดาน >“นี่คือตัวอย่างของ การคำนวณแรงเฉือนในคาน แบบยึดปลายเดียว — ใครช่วยผมอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง โมเมนต์ดัดกับแรงปฏิกิริยาที่ฐานหน่อยครับ?” เสียงพูดทุ้มลึกของคนินเต็มไปด้วยความมั่นใจ และเสน่ห์ในแบบของวิศวกรผู้จริงจัง เขาหันกลับมามองห้องเรียนที่เงียบงัน — แล้วสายตาก็หยุดอยู่ที่ “ไทน์” นักศึกษาชั้นปีสาม ที่ตอนนี้นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ มองอาจารย์หนุ่มด้วยสายตาแน่วแน่ ราวกับว่าทุกสมการบนกระดาน ไม่สำคัญเท่าการจับตาคนตรงหน้า คนินเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน >“งั้น… คุณไทน์ครับ ลองช่วยอธิบายดูสิ” เสียงเรียกชัดถ้อยชัดคำ ทำให้นักศึกษาหลายคนในห้องหันมามอง บรรยากาศเหมือนมีไฟบางอย่าง แผ่วขึ้นกลางอากาศ ไทน์ลุกขึ้นยืนช้า ๆ หยิบปากกาชี้กราฟแรงเฉือนที่กระดาน น้ำเสียงนิ่งและมั่นใจไม่แพ้อาจารย์ >“ถ้าคานรับแรงกระทำที่ปลายเดียว แรงเฉือนจะเริ่มสูงสุดที่จุดยึดครับ แล้วลดลงเป็นเส้นตรงจนถึงปลายอิสระ ส่วนโมเมนต์ดัดจะเป็นฟังก์ชันเชิงเส้นที่แปรผัน ตามระยะจากจุดยึด…” เขาพูดจบแล้วหันมามองคนินตรง ๆ >“…เหมือนกับความตึงเครียดระหว่างจุดค้ำยัน กับแรงภายนอกครับ — ยิ่งแรงภายนอกมาก จุดค้ำยันก็ยิ่งรับภาระหนักขึ้น จนบางครั้งอาจหักได้ ถ้าแรงไม่สมดุลกันดีพอ” ... ทั้งห้องเงียบไปชั่วขณะ คนินมองหน้าไทน์นิ่ง สายตาคมเรียบ แต่ในแววตานั้นมีแววแปลกใจผสมความประทับใจ เขาไม่รู้ว่าไทน์จงใจเปรียบเปรย หรือพูดเชิงสัญลักษณ์ แต่คำว่า “แรงภายนอกที่ทำให้จุดค้ำยันหัก” มันช่างฟังดูคล้ายกับ “ตัวเขา” และ “พาย” เหลือเกิน >“ตอบได้ดีมากครับ… สมกับที่มีพี่สาวเป็นอาจารย์จริง ๆ” เสียงคนินนิ่ง แต่ทุกถ้อยคำ มีแรงกดดันบางอย่างซ่อนอยู่ ไทน์ยิ้มมุมปาก >“ก็อาจเพราะผมเข้าใจดี… ว่าจุดค้ำยันต้องระวังแค่ไหน ... ไม่ให้แรงภายนอกเข้ามาทำลายสมดุล” ทั้งห้องเหมือนหยุดหายใจ วินเนอร์ที่นั่งอยู่แถวหลัง สบตากับเพื่อนอีกคนแล้วกระซิบเบา ๆ >“เอาแล้วไง… อันนี้ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ละ มันประกาศศึกกันชัด ๆ เลย” คนินเก็บปากกาลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต พลางหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มของเขาไม่เยาะเย้ย แต่เต็มไปด้วยความท้าทาย >“ดีครับ… เห็นทีผมคงต้องเตรียมแรงคำนวณ ไว้รับมือคุณบ้างแล้ว” เสียงหัวเราะเบา ๆ ของนักศึกษาดังขึ้นทั่วห้อง แต่ไทน์เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เฉียบ >“ระวังไว้ก็แล้วกันครับอาจารย์… แรงที่มากเกินไป มักทำให้คานหักก่อนเวลา” คนินหัวเราะอีกครั้ง — คราวนี้มีประกายบางอย่างในดวงตา >“ไว้เจอกันในชั่วโมงหน้า… คุณไทน์” ในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยสมการ แรง และโมเมนต์ดัด — ไม่มีใครรู้ว่า “แรงดึงดูด” ที่แท้จริงในตอนนี้ ไม่ใช่ในคานเหล็กหรือโครงสร้างใด ๆ แต่คือแรงระหว่าง “ชายสองคน” ที่ต่างกำลังคำนวณหาหนทาง “รักษาคนคนเดียวกันไว้” ___ ตอนที่ 30- หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ / หลังเลิกคลาสของอาจารย์คนิน เสียงเก้าอี้ถูกขยับเบา ๆ เมื่อนักศึกษาทยอยเก็บของออกจากห้องเรียน เสียงพูดคุยจอแจปนหัวเราะ ยังคงก้องอยู่ในโถงตึกเรียน ไทน์ เก็บสมุดจดกับกระเป๋าเป้ช้า ๆ สายตายังคงมองตามแผ่นหลังของ อาจารย์คนิน ที่กำลังเดินออกจากห้องไปพร้อมแฟ้มเอกสาร จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู >“มึงนี่… ชัดเจนไปไหมวะเมื่อกี้” วินเนอร์ พูดพลางดึงแขนเพื่อนให้ออกจากห้องเรียน สีหน้าเขาปนระหว่างขำกับเหนื่อยใจ ไทน์ปรายตาไปมองเพื่อน แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ >“กูพูดแค่ตามหลักการทางวิศวะ ไม่ได้พูดถึงใคร” วินเนอร์หัวเราะในลำคอ >“หลักการบ้านมึงสิ… คนทั้งห้องเขาดูออกหมดแล้วว่ามึงหมายถึง อาจารย์คนนั้น!” สองคนเดินออกมาที่ระเบียงตึก ด้านนอกลมบ่ายพัดแรงพอให้ชายเสื้อปลิว ไทน์หยุดเดิน หันไปมองลานจอดรถ ที่ตอนนี้มีรถยุโรปสีเทาของคนิน ขับผ่านหน้าตึกไปพอดี เงาแสงแดดสะท้อนกับตัวรถจนแทบแสบตา ไทน์พูดขึ้นเสียงเบา แต่ชัดทุกถ้อยคำ >“กูจะไม่ให้ใคร... เข้ามาทำให้พี่กูเสียสมดุลเด็ดขาด” วินเนอร์ชะงัก ยืนมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเคร่ง >“มึงจะพูดเหมือนมันเป็นสมการแรงดึงแรงต้าน ไม่ได้ทุกเรื่องนะเว้ย ชีวิตจริงมันซับซ้อนกว่านั้น” ไทน์หัวเราะแผ่ว ๆ แววตาเขายังไม่คลายความดื้อดึงที่ปกปิดไว้ ใต้ท่าทีเยือกเย็น >“ใช่… แต่วิศวกรต้องคำนวณทุกแรงให้สมดุล ก่อนโครงสร้างจะถล่มใช่ไหมล่ะ..? พี่กูคือโครงสร้างหลักของบ้านนี้ กูจะไม่ยอมให้แรงภายนอกไหน.. มาทำให้พังอีกแล้ว” คำพูดนั้นทำให้วินเนอร์เงียบไปพักหนึ่ง เขารู้ดีว่าความหวงพี่สาวของไทน์ มันไม่ใช่แค่ความดื้อแบบเด็ก ๆ แต่มันคือ “ความกลัวที่จะสูญเสีย” เหมือนตอนที่พ่อกับแม่ของพวกเขาแยกทางกัน วินเนอร์ถอนหายใจ > “ก็แค่ระวังอย่าให้สมดุลที่มึงพูดถึง.. มันกลายเป็นแรงที่ทำร้ายตัวมึงเองละกัน…” ไทน์ไม่ได้ตอบ เขาเพียงมองท้องฟ้าบ่ายนั้น ที่เริ่มมีเมฆครึ้มคล้ายฝนจะตก ในแววตาของเขามีทั้งความดื้อ ความเจ็บ และบางอย่างที่คล้ายคำถาม — “แล้วถ้าแรงที่ต้องต้าน... มันคือหัวใจของพี่เองล่ะ? ผมจะทำยังไงต่อ..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม