บทที่ 7 บัดดี้ของกันและกัน [1/2]

2219 คำ
ฉันสะดุ้งตื่นเมื่อรับรู้ถึงแรงสะกิดที่แขน ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าใบหน้าของตัวเองนาบติดอยู่กับกระจก นอนอะไรของฉันเนี่ย ภาพลักษณ์เสียหายหมด ตอนนี้คิมหันต์จะมองฉันเป็นคนยังไงเนี่ย!? ฉันเช็ดคราบน้ำลายที่มุมปากและลูบหน้าแบบลวกๆ ก่อนจะหันไปยิ้มแหยให้คิมหันต์ที่กำลังเอียงคอมองหน้าฉันแบบงงๆ อยู่ "นายปลุกฉันเหรอ?" "ถึงแล้ว" เขาพูดพลางพยักพเยิดหน้าให้ฉันดูคนที่พากันทยอยลงจากรถ นั่นเลยทำให้ฉันตื่นเต็มตา ลุกลี้ลุกลนตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองว่าลืมอะไรรึเปล่า เขาลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินถอยไปข้างหลังเล็กน้อย เหมือนหลีกทางให้ฉันเดินไปก่อน เมื่อเห็นเขาส่งสายตาเป็นเชิงให้ฉันลุกเดินออกมา ฉันก็รีบลุกขึ้นจากเบาะเดินออกมาที่ทางเดิน เหลียวมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเดินนำมาก่อน โดยที่เขาเดินตามมาติดๆ เป็นสุภาพบุรุษอะไรขนาดนี้นะพ่อแดดเมืองไทย เมื่อลงมาจากรถ ฉันก็ตรงมายังช่องเก็บสัมภาระใต้รถบัส มองหากระเป๋าของตัวเอง เมื่อเห็นมันอยู่ลึกก็เอื้อมมือไปลากมันออกมา ทว่าจังหวะที่กำลังจะออกแรงยกมันลงมาก็ต้องชะงักเมื่อมือของคิมหันต์ยื่นมาจับที่กระเป๋าของฉัน "ช่วย" เขาเอ่ยบอกก่อนจะยกกระเป๋าลงมาช่องเก็บสัมภาระให้ฉัน "ขอบคุณนะ" ฉันเอ่ยขอบคุณพร้อมยิ้มหวานให้เขาไปอย่างซึ้งใจ แม้ว่าเขาจะทำสีหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ก็ตาม เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ แม้เขาจะชอบทำแบบหน้าตาเรียบนิ่งไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกก็ตามเถอะ ฉันชอบคนไม่ผิดจริงๆ แหละ ฉันยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะเดินมารวมกับคนอื่นๆ เขาเองก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ฉัน ฉันจึงแอบเหล่ตามองเขาเล็กน้อย แล้วเบือนหน้าแอบยิ้มเล็กยิ้มน้อยคนเดียว เพราะออร่าความหล่อของเขาแผ่ซ่านออกมาทะลุหัวใจของฉันจนฉันไม่สามารถเก็บรอยยิ้มเอาไว้ได้ "พี่ชื่อพี่จุ๊บแจงนะคะ เป็นประธานสตาฟค่าย ก่อนอื่นพี่จะชี้แจงเรื่องที่พักก่อนนะคะ หลังจากน้องๆ เอากระเป๋าไปเก็บที่ที่พักแล้ว พี่จะมาชี้แจงรายละเอียดเรื่องอื่นอีกครั้งนะคะ" เสียงพูดโดยใช้โทรโข่งของพี่ประธานสตาฟค่ายดังขึ้นเมื่อทุกคนเดินลงมาจากรถและมารวมกันเรียบร้อยแล้ว ฉันเองก็ตั้งใจฟังพี่เขาอธิบายเรื่องที่พักเพราะกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิดพลาด "ที่พักของเราจะแบ่งเป็นสองแบบนะคะ คือ บ้านพักรวมแยกชายหญิงกับเต็นท์ เพราะที่พักรวมไม่น่าจะรองรับทุกคนเพียงพอ..เต็นท์จะนอนหลังละ 3 คนค่ะ มีใครอาสานอนในเต็นท์ไหมคะ?" การนอนในเต็นท์ก็เปิดประสบการณ์ดีนะ ฉันยังไม่เคยนอนในเต็นท์เลย อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ว่าจะได้นอนกับใครเนี่ยสิ แม้จะกังวลเรื่องคนที่ตัวเองต้องนอนด้วย แต่ฉันก็ตัดสินใจยกมือขึ้น และบังเอิญมีเพื่อนผู้หญิงสองคนที่ยืนข้างฉันยกขึ้นด้วยเหมือนกัน พวกเธอที่เห็นฉันยกมือด้วยก็หันมายิ้มให้ฉัน ฉันจึงยิ้มกลับ และไม่ใช่แค่ฉันที่ยกมือ เพราะคิมหันต์เองก็ยกมือด้วยเหมือนกัน ฉันจึงยิ้มบางๆ ให้เขา ไม่คิดว่าเขาจะอยากนอนเต็นท์เหมือนกัน "โอเค มีคนอาสาเยอะแยะเลย พี่ปลื้มปริ่มมาก คิดว่าจำนวนน่าจะพอแล้ว เดี๋ยวคนที่ยกมือไปรวมกันตรงนู้นนะคะ พี่สตาฟตรงนู้นจะจัดกลุ่มนอนเต็นท์ให้ค่ะ" ได้ยินดังนั้นฉันก็เดินมารวมกลุ่มกับคนที่ยกมืออาสาจะนอนเต็นท์ "เดี๋ยวพี่จะจับกลุ่มนอนเต็นท์ละ 3 คนให้นะ ถ้าใครมีกลุ่มแล้วบอกพี่นะครับ" พี่สตาฟเอ่ยบอกขึ้น ก่อนฉันจะรู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดหลังเรียกฉัน "นี่ๆ" "คะ?" ฉันหันไปเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เพราะคนที่สะกิดคือหนึ่งในสองคนที่ยกมือยืนข้างฉันเมื่อครู่นี้ "นอนด้วยกันไหม? มีเราสองคน รวมเธอเป็นสามคนพอดี" "ก็ได้นะ" ฉันตอบตกลงไปแบบไม่ต้องคิดมาก ดีซะอีกจะได้ไม่ต้องลุ้นว่าจะได้นอนกับใคร อีกอย่างสองคนนี้ก็ดูเข้าถึงง่ายและน่ารัก "โอเค..พี่คะ เราสามคนอยู่ด้วยกันค่ะ" "น้องสามคนมาทางนี้เลยครับ เดี๋ยวพี่คนสวยคนนี้จะพาน้องๆ ไปที่เต็นท์ก่อนเลย" เราสามคนพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินตามพี่สตาฟคนสวยชื่อ 'แพร' คนที่เขียนป้ายคล้องคอให้ฉันเนี่ยแหละ มาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงลานกางเต็นท์ที่มีเต็นท์หลายหลังถูกกางไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่ต้องกางเอง เพราะฉันกางเองไม่เป็นน่ะสิ เต็นท์ยังไม่เคยนอน จะกางเป็นได้ยังไงล่ะ แล้วฉันก็คิดว่าสองคนนี้ก็น่าจะกางไม่เป็นด้วยเช่นกัน ฉันไม่ได้อยากสบประมาทนะ แต่ความรู้สึกมันบอก "เดี๋ยวน้องๆ เก็บกระเป๋าและพักผ่อนหย่อนใจหรือยืดเส้นยืดสายกันไปก่อน ถ้าได้ยินเสียงนกหวีดแล้วไปรวมกันที่เดิมนะจ๊ะ" พี่แพรส่งพวกเราที่เต็นท์เสร็จก็เดินกลับไปที่รวมคนก่อนหน้านี้ เราสามคนจึงเอนกายนั่งลงที่เต็นท์ด้วยความเมื่อยล้าจากการนั่งรถนานหลายชั่วโมง "เธอชื่ออะไรอ่ะ?" หนึ่งในสองคนเอ่ยถามฉันขึ้นขณะเรายืดเส้นยืดสายในเต็นท์ด้วยกัน ฉันจึงยิ้มตอบแบบเป็นกันเอง "ชื่อแครอท พวกเธอล่ะ?" "เราชื่อผึ้ง ส่วนนี่น้ำขิง เราสองคนพึ่งรู้จักกันบนรถ" ผึ้งเป็นสาวผิวคล้ำเล็กน้อย หุ่นสมส่วน ผมสั้นประบ่า ส่วนน้ำขิงเป็นคนผิวขาว ตัวเล็กน่ารัก ไว้ผมยาวตัดหน้าม้าปัดข้าง "อ้อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" "จะว่าไปชื่อพวกเราสามคนก็น่ารักตะมุตะมิเหมือนกันเนอะ..ว่าแต่แครอทอยู่ม.4 ป่ะ?" "อืม" ฉันพยักหน้างึกงักตอบ หวังว่าสองคนนี้จะอยู่ Grade 10 (ม.4) เหมือนกันนะ "เราสองคนก็ ม.4 เหมือนกัน แปลว่าพวกเราอายุเท่ากัน เป็นเพื่อนกันๆ ว่าแต่มาจากโรงเรียนอะไรอ่ะ?" "เรามาจาก X HYPE SCHOOL" "โรงเรียนเอกชนนี่นา เรามาจาก PENLERT โรงเรียนรัฐบาลธรรมดาๆ" ผึ้งตอบ "ส่วนเรามาจากโรงเรียน THAVEE" น้ำขิง "แลกคอนแทกต์กันป่ะ..ไอจี" ผึ้งเสนอ "ได้สิ" ฉันหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดอินสตาแกรมของตัวเองแล้วยื่นให้ผึ้งกับน้ำขิงเสิร์ชหา เราสามคนแลกคอนแทกต์ติดต่อกันและนั่งคุยกันได้สักพักใหญ่ เสียงนกหวีดเรียกรวมก็ดังขึ้น ฉันจึงเดินออกมาใส่รองเท้าผ้าใบก่อนผึ้งและน้ำขิงที่กำลังรีบร้อนทาครีมกันแดดกันอยู่ เมื่อใส่รองเท้าเสร็จก็ยืนรอสองคนนั้นพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ไปเรื่อย ก่อนจะเลิกคิ้วสูงเมื่อสายตาเหลือบเห็นใครบางคน "คิมหันต์" เมื่อเห็นคนที่ชอบออกมาจากเต็นท์ข้างๆ ก็ทำให้ฉันเผลอหลุดเรียกชื่อเขาออกมาอย่างลืมตัว เพราะไม่คิดว่าเขาจะอยู่เต็นท์ข้างฉันนี่เอง "รู้จักชื่อฉัน?" เขาที่ได้ยินเสียงฉันเรียกก็หันมาเอียงคอทำหน้างุนงง "ใครๆ ก็รู้จักนาย" ฉันเอ่ยตอบไปแบบกันตาย "งั้นเหรอ..?" เขาทำเสียงเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีฉันก็ยิ้มแหยให้เขาแล้วรีบวิ่งหนีมาทางลานรวมคน และพอมาถึงลานฉันก็นึกขึ้นได้ว่าลืมรอผึ้งกับน้ำขิง หวังว่าสองคนนั้นจะไม่หยุมหัวฉันนะ แน่นอนว่าพอผึ้งและน้ำขิงตามมาเข้าแถวรวม ต่างก็บ่นอุบให้ฉันที่ไม่ยอมรอ ฉันจึงต้องอธิบายให้ฟังว่าเป็นเหตุสุดวิสัย สองคนนั้นจึงยอมเข้าใจ "สวัสดีจ้ะน้องๆ ที่น่ารักทุกคน" 'พี่จุ๊บแจง' ประธานค่ายกล่าวพูดทักทายขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันครบหมดแล้ว "ยินดีต้อนรับน้องๆ เยาวชนทั้ง 80 คน อย่างเป็นทางการนะคะ ค่ายของเราคือค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำหรับเยาวชน สถานที่ที่เรากำลังอยู่ตอนนี้คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า XXX ที่ได้ชื่อว่าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่มีทั้งสัตว์ป่าหลายชนิด ป่าไม้เขียวขจี ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปี และระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีพืชพรรณนานาชนิดให้น้องๆ ได้เรียนรู้และร่วมกันอนุรักษ์..โดยน้องๆ จะได้ทำกิจกรรมสนุกมากมายที่พี่สตาฟกับพี่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจัดเตรียมไว้ตลอดระยะเวลา 5 วัน 4 คืน..." พี่จุ๊บแจงพูดยาวเหยียดจนฉันเริ่มหาว แม้มันจะน่าสนใจ แต่พอฟังอะไรที่ยาวๆ ก็อดที่จะรู้สึกง่วงนอนไม่ได้ "ก่อนอื่นพี่ขอเรียนเชิญพี่ก้อง พี่หัวหน้าเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า XXX ขึ้นมากล่าวเปิดค่ายในครั้งนี้ก่อนนะคะ ขอเสียงปรบมือให้พี่ก้องหน่อยค่ะ" แป๊ะๆๆๆๆๆๆ ทุกคนพากันปรบมือเสียงดัง รวมถึงฉันด้วยที่ถ่างตาปรบมือไปพร้อมคนอื่น สายตามองตรงไปเวทีข้างหน้าเห็นพี่เจ้าหน้าที่ฯ ใส่ชุดยูนิฟอร์มแบบจัดเต็มขึ้นมายืนถือโทรโข่งพูดแทนพี่จุ๊บแจงที่เดินหลบไป "พี่เจ้าหน้าที่ทุกคนยินดีต้อนรับน้องๆ เยาวชนทุกคน หวังว่าน้องๆ จะได้ความสนุกและความรู้กลับไป...บลาๆๆๆ และสุดท้ายนี้ สิ่งที่พี่อยากเน้นย้ำและกำชับให้น้องๆ ตลอดการเข้าค่ายก็คือ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว หากจะไปไหนต้องมีเพื่อนไปด้วยเสมอ และที่สำคัญอย่าเดินเข้าไปในป่าโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ไปด้วยเด็ดขาด! เพราะน้องๆ อาจโดนสัตว์ป่าทำร้าย หรือสิ่งที่น้องๆ ไม่อยากเจอได้..ขอบคุณครับ" พูดเสร็จพี่หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฯ ก็เดินลงเวทีไป และพวกเราที่ได้ยินพี่หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฯ พูดแบบนี้ก็ทำเอาพากันหันมองหน้ากันแบบเลิ่กลั่ก สีหน้าแต่ละคนดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ "ได้ฟังพี่เจ้าหน้าที่พูดไปแล้ว น้องๆ หลายคนอาจจะรู้สึกหวั่นกลัว แต่น้องๆ ไม่ต้องกังวลนะ เพราะถ้าหากน้องๆ ทำตามกฎและทำตามที่พี่เจ้าหน้าที่บอก ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน" พี่จุ๊บแจงที่น่าจะเห็นท่าไม่ดีก็รีบขึ้นมาพูดเพื่อให้พวกเรารู้สึกสบายใจ แม้มันจะไม่ค่อยช่วยได้เท่าไหร่ก็เถอะสำหรับฉัน "เอาล่ะ เดี๋ยวพี่จะชี้แจงเรื่องค่ายต่อนะคะ..ระยะเวลา 5 วัน 4 คืน ที่พวกเราอยู่ที่นี่ ก็จะมีกิจกรรมสนุกมากมาย อาทิเช่น กิจกรรมกระชับมิตรเป็นกลุ่ม เดินป่าสำรวจธรรมชาติ ดูนก ชมไม้ เล่นน้ำตก รอบกองไฟ ทำอาหารแบบก่อกองไฟด้วยกัน และที่ห้ามพลาดในการเข้าค่ายคือกิจกรรมการปลูกป่าค่ะ" ฟังไปฉันก็คิดจินตนาการในหัวไปด้วยว่ากิจกรรมมันจะเป็นยังไงบ้าง รวมทั้งคิดว่าตลอดหลายวันที่อยู่ที่นี่ ฉันกับคิมหันต์จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอีกไหม "..และที่สำคัญ เราจะมีการเลือกดาวเดือนค่ายด้วยน้าา ตอนทำกิจกรรมน้องๆ ก็แอบเล็งเพื่อนที่ถูกใจไว้ได้เลย คืนที่ 3 ที่เรามีกิจกรรมรอบกองไฟ พี่จะให้น้องๆ โหวตก่อนรอบกองไฟและประกาศผลตอนรอบกองไฟน้าา" ได้ยินดังนั้นทุกคนก็พากันแสดงอาการตื่นเต้น รวมถึงผึ้งและน้ำขิงที่ดูจะตื่นเต้นออกหน้าออกตา ตัดมาที่ฉันที่รู้สึกไม่ได้ตื่นเต้นมาก เพราะฉันไม่ได้สวยและไม่คาดหวังให้ตัวเองถูกโหวต แต่ฉันอยากโหวตให้คิมหันต์ได้เป็นเดือนค่ายมากกว่า เพราะเขาคือผู้ชายที่โดดเด่นที่สุดในค่ายแล้ว "เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาเริ่มกิจกรรมกันเลยดีกว่า...ก่อนหน้านี้พี่ๆ ได้แจกป้ายชื่อคล้องคอให้น้องๆ ไปเป็นสีต่างๆ พี่จะแบ่งน้องๆ เป็น 5 กลุ่มตามสีป้ายคล้องคอนะ ซึ่งได้แก่ สีเขียว สีชมพู สีแดง สีส้ม และสีฟ้า สีเดียวกันจะอยู่กลุ่มเดียวกันนะจ๊ะ" ฉันรีบก้มมองดูป้ายคล้องคอตัวเองและเห็นว่ามันคือสีชมพู และบังเอิญที่ผึ้งและน้ำขิงก็ได้สีชมพูเหมือนกัน แล้วถ้าฉันจำไม่ผิดป้ายคล้องคอของคิมหันต์ก็เป็นสีชมพู อะไรมันจะบังเอิญและเป็นใจขนาดนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม