ตอนที่.15 จำใจจาก

2004 คำ
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.15 จำใจจาก โดย: srikarin2489 “มาลาพี่ ...ฟางจะไปไหน” “คุณพ่อกับแม่ของฟางท่านหย่ากันแล้ว แม่จะพาฟางไปอยู่อเมริกา พี่อินต่อไปเราจะไม่ได้เจอกันอีก” เสียงแหบเครือน้ำตารินหยดลงแก้มเป็นสาย ทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง “จริงหรือฟาง” เสียงแหบเบาถามขึ้นหลังจากนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ปาลิดาพยักหน้าพยายามกลั้นสะอื้น ความทุกข์เจ็บปวดถาโถมอยู่ในใจ ทั้งจากเรื่องที่พ่อแม่หย่าร้างกัน และยังต้องมาเอ่ยลาคนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วย “ลุงปอชวนแม่กับฟางไปอยู่ด้วย แม่ไปลาออกจากโรงเรียนให้ฟางแล้ว พี่อินฟางไม่อยากไปแต่ฟางรักแม่ ฟางปล่อยให้แม่ไปคนเดียวไม่ได้ ที่ผ่านมาเราอยู่กันสองคนตลอด ฟางต้องไปกับแม่” คนฟังนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก เรื่องจู่โจมเข้ามาจนไม่ทันตั้งตัว ความสัมพันธ์ดี ๆ เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน เต็มไปด้วยความสุขสดใส แล้วจู่ ๆ กลับมีเรื่องแบบนี้เข้ามาโดยที่ไม่เคยมีวี่แววมาก่อน ทำให้เจ้าตัวทั้งตกใจทั้งมึนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น “ฟางจะไปเมื่อไหร่” ถามเสียงเบาโหวงแทบไม่ได้ยิน “พรุ่งนี้ค่ะ” คนฟังถึงกับเบิกตาตกใจ “เร็วขนาดนั้นเลยหรือฟาง ทำไมฟางไม่บอกพี่ล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ มาจู่โจมบอกแบบนี้พี่จะทำยังไง” “ฟางไม่กล้าบอกพี่อิน ไม่กล้าบอกว่าเราต้องจากกัน ฟางไม่อยากให้ พี่อินไม่สบายใจ เพราะพี่อินกำลังยุ่งกับเรื่องเรียนต่อ” “ฟางจะไปนานแค่ไหน” ถามเสียงแหบเบา หลังจากนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นครู่ “ฟางไม่รู้” ปาลิดาปลดสร้อยออกจากคอตัวเอง ดึงมือขวาของคนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ มาวางสร้อยเส้นนั้นลงในมือ กำมือขาวสะอาดนั้นไว้แน่น ก้อนสะอื้นแล่นมาจุกที่คอ น้ำตาพรั่งพรูลงมาเป็นสาย เมื่อมองสบดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เริ่มมีหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอ เจ้าตัวพยายามกะพริบตาไล่น้ำตาแต่กลั้นไม่อยู่เมื่อสบตาคนมาลา “สร้อยเส้นนี้ คุณย่าให้ฟางตอนวันเกิดอายุสิบสี่ คุณย่าสั่งทำเป็นพิเศษเป็นจี้รูปเกือกม้า เพราะท่านรู้ว่าฟางชอบม้ามาก ฟางรักสร้อยเส้นนี้มาก พี่อินเก็บไว้เป็นของที่ระลึกจากฟาง” อินทิรากำทั้งสร้อยและมือขาวบางไว้ไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันน้ำตาเริ่มรินหยด เมื่อมองสบตาคนมาลาที่มีสภาพน้ำตารินแก้มเช่นกัน “ทำไมต้องเป็นแบบนี้ พี่ไม่เคยเตรียมใจไว้ว่าเราต้องจากกัน” “ฟางไม่รู้” ทั้งสองมองหน้ากันแล้วได้แต่ร้องไห้ “พี่ทำใจไม่ได้” อินทิราก้มหน้าสะอื้นเบา น้ำตารินหยดไม่ขาดสาย “พี่อินดูแลตัวเองด้วยนะ ฟางยังไม่ได้แสดงความยินดี ที่พี่อินสอบเข้าแพทย์ได้ ฟางไม่ได้อยู่ร่วมฉลองความยินดีด้วย ฟางดีใจยินดีกับว่าที่คุณหมอในอนาคต เราคงได้เจอกันอีก แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ไปถึงที่โน่นแล้วฟางจะโทรมาบอก” ปาลิดาค่อย ๆ ดึงมือตัวเอง ออกจากมือของคนที่ยังก้มหน้าสะอื้นเบาอยู่ ตอนแรกอินทิราจะไม่ยอมปล่อยแต่แล้วก็ยอมปล่อย เมื่อสบสายตาเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตาคู่นั้น แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจไม่ต่างกัน “ฟางต้องไปแล้ว” คนมาลาค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นยืน มองร่างสูงที่ยังสะอื้น ด้วยแววตาปวดร้าวเสียใจ ดวงตาคู่นั้นเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแล้วรินลงบนแก้มก่อนตัดใจผละไป “ฟาง” ร่างผอมบางหยุดเดินแต่ไม่หันกลับไป เพราะน้ำตากำลังทะลักล้นเต็มสองแก้ม ต้องทำใจแข็งไม่หันไปหา “พี่จะรอฟางกลับมา ไม่ว่าจะนานแค่ไหนพี่ก็จะรอ ขอให้ฟางรู้ไว้ว่า พี่อินคนนี้จะรอฟางเสมอ อย่าไปเลยไปลับต้องกลับมาหาพี่อีกนะฟาง ไม่ว่าฟางจะไปอยู่ที่ไหนไกลแสนไกล พี่จะคิดถึงและรอฟางกลับมา” ปาลิดาเดินจากมาทั้งน้ำตาอาบแก้ม ไม่ต่างกับคนที่ยืนมองตาม มือกำสร้อยแน่น น้ำตารินอาบแก้มมีเสียงสะอื้นเบาเมื่อมองตามร่างผอมบาง เจ็บปวดเหมือนใจจะขาดแต่ไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่ปล่อยให้ร่างนั้นเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ “กลับมาหาพี่นะฟาง” เสียงร้องบอกยังไล่หลังมา แต่ปาลิดาไม่กล้าหันกลับไปดู ทำได้เพียงสะอื้นไห้ ภาพที่เห็นพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตา จนต้องรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น กลัวตัวเองจะใจอ่อน จนวิ่งกลับไปหาคนที่ร้องบอกตามหลัง ไม่เห็นว่าคนที่ร้องบอกสะอื้นไห้จนร่างไหวสะท้าน ลูกสาวเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถด้วยสภาพตาแดงก่ำ ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เห็นอาการกลั้นสะอื้นน้ำตายังรินไม่ขาดสาย ทำให้ลดาเวทนาจับใจ “ฟาง” ลดาเอี้ยวตัวไปวางมือลูบศีรษะลูกเรียกเสียงอ่อนโยน เธอเข้าใจดีถึงความรู้สึก ที่ต้องจากลาคนรักว่ามันเจ็บปวดเพียงใด แม้จะเวทนาลูกแต่ไม่อาจทำอะไรได้ในเมื่อโชคชะตามันเป็นแบบนี้ “เข้มแข็งไว้นะลูก วันเวลาจะเยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้น ความเจ็บปวดมันจะทำให้ลูกเข้มแข็งขึ้น” ลดาได้ยินเสียงสะอื้นเบา ที่ลูกสาวพยายามอดกลั้นไว้ นั่งก้มหน้านิ่งน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม “รีบไปเถ่อะค่ะแม่” เสียงสั่นเครือเจือสะอื้นเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก น้ำตาของปาลิดาทะลักล้นออกมาอีก เมื่อมองกระจกมองข้างเห็นอินทิราวิ่งตามหลังมา แต่ความเร็วของรถทำให้ร่างสูงนั้นค่อย ๆ ถูกทิ้งห่างออกไปและลับหายไปจากสายตา ภาพที่ลูกซบหน้าลงกับกระจกรถ สะอื้นไห้จนไหล่ไหวสะท้าน ทำให้ลดาพลอยน้ำตาคลอด้วยความเวทนาสงสาร ไม่อยากให้เรื่องลงเอยแบบนี้ แต่ในเมื่อชะตาชีวิตถูกขีดมาแบบนี้ ต้องเดินหน้าต่อไปได้แต่หวังว่า วันเวลาและความเจ็บปวดในครั้งนี้จะทำให้ลูกเข้มแข็งขึ้นในวันข้างหน้า “ฟาง...พี่รักฟางนะ” ร่างสูงโปร่งตะโกนบอกตามหลังรถ ที่กำลังวิ่งห่างออกไปทุกขณะจนลับตา มีเพียงเสียงสะอื้นไห้น้ำตาเปียกชุ่มสองแก้ม ประโยคที่ไม่มีโอกาสบอกปาลิดา แต่กลับต้องจากลากัน โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก เสียงรถวิ่งมาจอดหน้าบ้านทำให้ อโรชากับนายแพทย์อารักษ์ที่นั่งพักผ่อนอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านหันไปดู สักครู่เห็นลูกสาวเดินเร็วเข้ามาในบ้าน “อิน...กลับมาแล้วหรือลูก” อโรชาร้องถามพลันชะงัก เมื่อเห็นลูกกลับมาในสภาพตาแดงเรื่อ แก้มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาจนเธอตกใจ ไม่เคยเห็นลูกเป็นแบบนี้มาก่อน “อิน...อิน...” อโรชาลุกขึ้นยืนแล้วร้องเรียกตามหลังลูก เห็นวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน “ลูกเป็นอะไรอุ้ม” นายแพทย์อารักษ์มองตามลูกอย่างเป็นห่วง “อุ้มไปดูลูกก่อนนะคะพี่โอม” อโรชารีบตามลูกไปชั้นบนด้วยความเป็นห่วง นายแพทย์อารักษ์ได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก ทำไมลูกถึงได้กลับมาในสภาพนี้ อโรชาเปิดประตูห้องนอนลูกเข้าไป เห็นลูกนั่งอยู่ริมเตียงหน้าก้มนิด น้ำตารินหยดลงพื้นแต่เจ้าตัวพยายามเอามือเช็ดออกจากแก้ม แต่น้ำตายังไหลลงมาเป็นสายจนมือพลอยเปียกชุ่มไปด้วย “อิน..เป็นอะไรลูก” อโรชาเข้าไปแตะไหล่ลูกถามเสียงอ่อนโยน ทั้งห่วงใยและตกใจกับสภาพของลูกที่ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มาก่อน “แม่...ฟางเขาจะไปแล้ว” เงยหน้าบอกปนสะอื้น “เขาจะไม่อยู่เมืองไทยแล้ว” อโรชาโอบร่างสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นของลูกไว้ แววตาครุ่นคิดพยายามนึกซื่อที่ลูกบอกว่าหมายถึงใคร “พ่อแม่เขาหย่ากัน แม่เขาจะพาเขาไปอยู่อเมริกา เขาจะไปพรุ่งนี้แล้ว” “อินหมายถึงน้องม.4คนนั้นใช่มั้ย” อินทิราพยักหน้าที่ซุกสะอื้นอยู่กับอกแม่ อโรชากอดลูกไว้ด้วยความรักเวทนาสงสาร เคยสงสัยว่าลูกจะมีความรู้สึกพิเศษให้น้องม.4คนนั้น แต่ไม่คิดว่าอินทิราจะมีความรู้สึกลึกซึ้งมากมายถึงเพียงนี้ “แม่...อินจะทำยังไง ฟางเขาจะไปอยู่อเมริกา ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอกันอีก” เงยหน้าบอกแม่ปนสะอื้น “โธ่เอ้ยลูก” อโรชาครางเบาด้วยความสงสาร “อินรักฟาง แค่คิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก อินยังรู้สึกเหมือนใจจะขาด” “อิน...ฟังแม่นะลูก” อโรชาบอกเสียงนุ่มนั่งลงข้างลูก วางนิ้วมือเช็ดน้ำตาออกให้อ่อนโยน เห็นตาของลูกแดงเรื่อยิ่งเวทนา เลี้ยงลูกมาด้วยความรักคอยดูแลใกล้ชิด นี่นับเป็นครั้งแรกที่เห็นลูกเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาแม้จะมีคนมาชอบเยอะทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่อินทิราไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษ “อิน...ตั้งสติก่อนลูก ฟางเขาบอกเลิกหรือเปล่า” “เขามาลาอิน บอกว่าแม่เขาจะพาไปอยู่อเมริกา” “เขาแค่มาลาไม่ได้บอกเลิก อเมริกาแม้จะไกลแต่ไม่ได้ไกลจนไปหากันไม่ได้ ต่อไปถ้าอินอยากไปหาเขาก็ไปได้ หรือเขาอยากกลับมาหาอินก็มาได้ ถ้าเรามีใจต่อกัน ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคหรอกลูก”คำพูดของแม่ทำให้อินทิราเริ่มได้สติ กะพริบตาถี่ไล่น้ำตา “อินไปอเมริกาบ่อย คิดถึงถ้ามีเวลาไปหาเขาได้ เขาจะไปอยู่รัฐไหนเมืองอะไร” “ฟางบอกว่า ไปถึงที่โน่นแล้วจะโทรมาบอก” “คิดถึงก็โทรคุยกันได้ เขาให้เบอร์ไว้หรือเปล่า” ลูกสาวที่กำลังใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาออกพยักหน้า “แสดงว่าเขาไม่ได้คิดเลิกกับอิน เพียงแต่เขามีความจำเป็นต้องไป” “ที่ผ่านมาเราเจอกันแทบทุกวัน แค่คิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก อินยังรู้สึกแย่แล้วค่ะแม่” “ต่อให้เขาไม่ได้ไปอยู่อเมริกา อินกับเขาก็เจอกันบ่อยเหมือนเดิมไม่ได้ อินจบม.6แล้วนะลูก คิดเสียว่านี่เป็นช่วงเวลาทดสอบใจกัน เราต้องให้โอกาสตัวเองกับเขาได้แสวงหาเรียนรู้ชีวิต มีโอกาสได้มาเจอรู้จักกันถือว่าเป็นบุญวาสนา มีโอกาสคบหาถือว่าโชคชะตาฟ้าลิขิต” อินทิรานิ่งคิดคำพูดของแม่ทำให้ได้สติ จริงอย่างที่แม่พูดปาลิดาแค่มาลาไม่ได้มาบอกเลิก “ถ้ารักกันจริงมั่นคงต่อกัน สักวันต้องได้กลับมาหากันอีก ขอเพียงให้เราเชื่อมั่นและไม่ยอมถอดใจ ชัยชนะจะเป็นของคนที่ไม่ยอมแพ้” อโรชาวางมือลูบผมลูกอ่อนโยนเมื่อเห็นลูกสงบลงแล้ว “ถ้าเรากับเขาคือคนที่ใช่ของกันและกัน ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สุดท้ายต้องได้กลับมาเจอกันอีก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม