เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค1
ตอนที่16. จำใจจาก(2)
โดย:srikarin2489
“พี่ยอร์ช...มีคนมาหา” ยงยศกำลังตรวจเช็คสภาพรถอยู่กับลูกน้อง เป็นช่างประจำร้านสองคน อยู่ตรงโซนหลังร้านเงยหน้าจากเครื่องรถบิ๊กไบค์ เมื่อลูกน้องที่คอยดูแลอยู่หน้าร้านเข้ามาบอก
“ใคร”
“แฟนของอิน” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แปลกใจที่รู้ว่าปาลิดามาหา จึงวางเครื่องมือในมือ หยิบเศษผ้าวางอยู่แถวนั้นมาเช็ดมือ ก่อนจะเดินออกไปทางหน้าร้าน มองเห็นปาลิดายืนรออยู่
“ฟาง” ทักด้วยสีหน้าแปลกใจขณะเดินเข้าไปหา เมื่อเห็นปาลิดายืนรออยู่ตามลำพัง
“อินล่ะ” ถามพร้อมมองหา
“ฟางมาคนเดียวค่ะพี่ยอร์ช” บอกด้วยสีหน้าหม่นเศร้า ตาแดงเรื่อยังหลงเหลือร่องรอยผ่านการร้องไห้มา
“ฟางมีเรื่องสำคัญ อยากมาขอร้องพี่ยอร์ชค่ะ”
ด้วยสีหน้าท่าทางของเด็กสาวตรงหน้า ทำให้ยงยศคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ จึงพาปาลิดาเข้าไปคุยกันในห้องทำงาน เอามูลี่ตรงแผ่นกระจกลงให้ลับจากสายตาคนข้างนอก
“ฟางไม่สบายเหรอ ตาแดงเชียว” คนถูกถามยังไม่ตอบ ใบหน้าก้มนิดน้ำตาเริ่มพรั่งพรูลงมาอีก
“ฟางเป็นอะไร” เสียงผู้อาวุโสกว่าอ่อนลง ตกใจเห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานร้องไห้สะอื้นเบา
“ฟางจะไปอเมริกาคืนนี้ค่ะพี่ยอร์ช” เงยหน้าบอกเสียงเครือ ที่พยายามกลั้นสะอื้นไว้
“มันปิดเทอมแล้วนี่นา จะไปเที่ยวใช่มั้ย ชวนอินไปด้วยหรือเปล่า อินมันไปอเมริกาบ่อย มันชอบไปดูบาสเอ็นบีเอ”
“แม่จะพาฟางไปอยู่อเมริกา ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก ก่อนไปฟางมีเรื่องอยากมาขอร้องพี่ยอร์ช”
“เดี๋ยว ๆ ๆ...อินมันรู้เรื่องหรือยัง” ยงยศยกมือห้ามก่อนอีกฝ่ายจะพูดต่อ ปาลิดาพยักหน้าน้ำตายังรินไม่ขาดสาย
“ฟางไปลาพี่อินแล้วค่ะ” ยงยศถึงกับถอนใจสีหน้าขรึมขึ้น ไม่อยากนึกถึงสภาพอินทิราเลยว่าจะเป็นยังไง
“อินมันว่ายังไง” เด็กสาวตรงหน้ายังไม่ตอบแต่ก้มหน้าสะอื้นอีก ยงยศจึงเลื่อนกล่องกระดาษทิชชู่ให้ มองดูปาลิดาอย่างเวทนาดูก็รู้ว่าทั้งสองมีความรู้สึกพิเศษต่อกันแล้ว และท่าทางจะลึกซึ้งมากด้วย อินทิราไม่เคยมีแฟนทั้งที่มีคนมาชอบเยอะ อย่าว่าแต่แฟนเลยแค่คนพิเศษก็ไม่เคยมี และคาดเดาไม่ออกด้วยว่าจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง ที่ผ่านมาดูเฉยๆกับทุกเพศที่เข้ามาชอบ
“ฟาง...พี่ขอถามเรื่องหนึ่งนะ พี่รู้ว่าฟางเป็นคนพิเศษของอิน แล้วฟางล่ะชอบมันมั้ย” ปาลิดาพยักหน้าทั้งยังสะอื้น
“เอาล่ะ...อย่าพึ่งร้องไห้ มีอะไรอยากให้พี่ช่วยบอกมาเลย ถ้าพี่ช่วยได้พี่ยินดีช่วยเต็มที่”
“พี่อินเคยบอกฟาง ถ้าเขาสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ เขาจะขอให้คุณพ่อซื้อรถบิ๊กไบค์ให้ เขาชอบคันยักษ์ดำของพี่ยอร์ชมาก ที่ฟางจะขอร้องคืออยากให้พี่ยอร์ชหารถ คันที่ดูใกล้เคียงกับยักษ์ดำที่สุด พี่ยอร์ชคงรู้ดีว่าพี่อินชอบรถแบบไหน เขาชอบรถบิ๊กไบค์มาก ฟางอยากให้รถคันแรกของเขาดูพิเศษที่สุด”
“เอาล่ะ...พี่เข้าใจแล้ว” ยงยศพยักหน้าบอก แม้ท่าทางจะดูเคร่งขรึม แต่แววตาที่มองเด็กสาวตรงหน้า เต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดู
“ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น รับรองว่าอินจะได้รถคันแรกที่พิเศษที่สุด”
“ฟางมีเรื่องมาขอร้องพี่ยอร์ชแค่นี้ ฟางต้องกลับแล้ว” ปาลิดาบอกแล้วขยับลุกขึ้นยืน
“อินจะไปส่งฟางที่สนามบินมั้ย”
“ฟางไม่อยากให้พี่อินไปส่ง ไม่อยากเห็นเขาร้องไห้อีก เลยบอกเขาว่าจะเดินทางพรุ่งนี้ค่ะ”
เสียงสั่นเครือแววตาหม่นเศร้าจนน่าเวทนา น้ำตาเก่ายังเปียกชื้นเต็มแก้มน้ำตาใหม่เริ่มรินลงมาอีก
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”ยงยศบอกเสียงอ่อนโยนเป็นพิเศษ พร้อมลุกจากเก้าอี้ตัวหนานุ่มหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แม่จอดรถรอฟางอยู่ข้างนอก”
“ฟาง” เสียงเรียกนั้นทำให้มือขาวบาง ที่เอื้อมไปจับลูกบิดประตูมีอาการชะงัก แล้วหันกลับไปทางยงยศ
“ฟางต้องกลับมาหาอินมันนะ มันรักฟางมากรู้มั้ย มันไม่เคยรักใคร ฟางเป็นคนแรกที่มันรัก ฟางต้องกลับมาหาอิน ถือว่าเป็นคำขอร้องจากพี่ยอร์ชนะฟาง” ปาลิดามองสบตาคนขอร้อง ริมฝีปากเม้มแน่นน้ำตาเอ่อล้นออกมาอีกอาบสองแก้มจนเปียกชุ่ม แล้วหันกลับมาเปิดประตูออกไปจากห้องโดยไม่ได้รับปากแต่อย่างใด
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทำสัญญาแพทย์ศาสตร์บัญฑิต เพื่อก้าวไปเป็นนักศึกษาแพทย์เต็มตัว นักเรียนที่สอบเข้าแพทย์ได้แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องมา
ทำสัญญาพร้อมผู้ปกครอง อินทิรา บุษกร และตุลยา อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนชั้น
มัธยมปลาย นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายจะได้แต่งเครื่องแบบนี้ ทั้งสามยืนรอพ่อแม่กำลัง
พูดคุยทักทายกัน ตรงลานจอดรถของมหาวิทยาลัย
พ่อแม่ของทั้งสามคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เจอกันบ่อยที่โรงเรียนของลูก
ลูกเป็นเพื่อนสนิทกันพลอยทำให้พ่อแม่สนิทกันไปด้วย พ่อแม่ของตุลยาเดินทางมา
จากชุมพร ทั้งสองยิ้มกว้างแก้มแทบปริภูมิใจในตัวลูกสาว ที่สอบเข้าเรียนแพทย์ได้
พ่อของตุลยาเป็นคนใต้ร่างสูงใหญ่ ผิวเข้มแต่ไม่ถึงกับดำ หน้าตาดีคมเข้มหน้าตา
ละม้ายคล้ายกับลูกสาวมาก สูงพอ ๆ กับลูกยิ้มเก่งอารมณ์ดีท่าทางเป็นคนอัธยาศรัยดีและเสียงดัง
ส่วนแม่เป็นผู้หญิงร่างเล็กสูงเพียง 155 ซม.แม้จะอายุเริ่มมากแล้วแต่ยังดูสดใสตอนสาว ๆ คงสวยไม่น้อย ผิวขาวจัดเรียกว่าสองสามีภรรยาผิวต่างกันชัดเจน ตุลยาได้ผิวขาวจากแม่ถึงจะไม่ขาวจัดเท่าแม่ก็ตาม ส่วนเรื่องความสูงได้จากพ่อมาเต็มๆ ไม่เพียงความสูงหน้าตาบุคลิกท่าทางยังคล้ายพ่อด้วย
ส่วนพ่อแม่ของบุษกรเป็นคนไทยเชื้อสายจีนทั้งคู่ แต่เป็นจีนตาโตหน้าตาดี ดูมีอายุมากกว่าพ่อแม่ของอินทิรากับตุลยา บุษกรเป็นลูกสาวคนเล็กแทบจะเป็นลูกหลงของพ่อแม่อายุห่างจากพี่ ๆ มาก
“แกอย่าลืมสัญญานะบุษ” ตุลยาทวงสัญญากับเพื่อนขณะยืนรอพ่อแม่ที่กำลังคุยกันอยู่
“สัญญาอะไร” บุษกรตวัดสายตาไปถามเสียงแข็ง
“ทำเป็นลืม แต่ฉันไม่ลืมโว้ย แกบอกว่าถ้าฉันสอบเข้าแพทย์ได้ แกจะเต้นแบบศิลปินเกาหลีให้ฉันดู จริงมั้ยอินแกเป็นพยานได้” อินทิราพยักหน้าแล้ว
ยิ้ม ทำให้บุษกรได้แต่ทำปากขมุบขมิบเข่นเขี้ยว
“เห็นมั้ยอินยังจำได้ เป็นคนต้องรักษาสัญญานะหมวย” ฉันไม่ยอมให้
แกเบี้ยวฉันหรอก” ยื่นหน้าไปบอกใกล้
“เอ้อ” ตุลยาหันไปยิ้มยักคิ้วกับอินทิราเมื่อบุษกรรับคำเสียงกระแทก
“ฉันจะได้ดูหมวยบุษเต้นโชว์” บุษกรได้แต่แยกเขี้ยวให้ เมื่อเห็นเพื่อนทำท่ากระดี๋กระด๋าคึกคัก
“พ่อแม่พวกเขาจะกลับแล้ว พวกเราค่อยไปเจอกันที่บ้านพี่ยอร์ช” อินทิราบอกแล้วเดินไปหาพ่อแม่ของตัวเอง บุษกรกับตุลยาเดินไปหาพ่อแม่เช่นกัน
“วันเวลามันผ่านไปเร็วนะ” นายแพทย์อารักษ์พูดขึ้นระหว่างภรรยา
ขับรถออกจากที่จอด อโรชาขับรถเก่งขับไปรับส่งลูกที่โรงเรียนเองทุกวัน ตั้งแต่ อินทิราเข้าเรียนชั้นอนุบาลจนจบม.6 ยกเว้นวันที่มีธุระสำคัญจริง ๆ เวลาไปไหนมา
ไหนด้วยกันจะทำหน้าที่ขับรถ อโรชาชอบขับรถเองจึงไม่มีคนขับรถประจำตัวเหมือนสามี
“เผลอแป๊บเดียว อินจะเป็นนักศึกษาแพทย์แล้ว พี่รู้สึกว่าเมื่อไม่นานนี่เอง ที่เรากระเตงเอาเขาไปเลี้ยงที่โรงพยาบาล อยากเลี้ยงเองไม่มีพี่เลี้ยง อินเลยโตที่โรงพยาบาล อินจำได้มั้ยลูก” นายแพทย์อารักษ์หันไปถามลูกสาวที่นั่งเบาะหลัง
“จำได้ค่ะคุณพ่อ”
“คุณพ่อเขากลัวอินไม่มีเพื่อนเล่นจะเหงา เลยจัดทำแผนกเนอสเซอรี่ขึ้น
ให้เจ้าหน้าที่ที่มีลูกวัยไล่เลี่ยกัน เอาลูกมาเลี้ยงที่โรงพยาบาลได้ เวลาคุณพ่อเขาพอมีเวลาจะแวบมาเล่นกับอิน” นายแพทย์อารักษ์ยิ้มรับกับเรื่องเล่าของภรรยา
“ตอนมีพี่อาร์มพ่อไม่มีโอกาสได้อยู่ดูแลเขาเลย เขาเกิดได้ไม่กี่เดือนก็ถูกพากลับเมืองไทย มีคุณปู่คุณย่าช่วยกันดูแล กว่าพ่อจะเรียนจบกลับเมืองไทย พี่อาร์มเขาโตจนเข้าโรงเรียนแล้ว พอมีอินพ่อไม่อยากพลาดอีก” อินทิราฟังเรื่องราวในวัยเด็กของตัวเอง พ่อแม่ผลัดกันเล่าหน้าตาแจ่มใสทั้งคนเล่าคนฟัง
“วันเวลาผ่านไปเร็วอย่างพี่โอมว่า” อโรชาละสายตาจากถนนเบื้องหน้า มองหน้าลูกสาวผ่านทางกระจกมองหลัง จากลูกสาวตัวน้อยเลี้ยงดูฟูมฟักมา
ด้วยความรัก ได้เห็นพัฒนาการเติบโตของลูก จนตอนนี้ลูกเติบโตขึ้นกำลังจะเป็น
นักศึกษาแพทย์ตามรอยพ่อกับแม่
“พ่อกับแม่เตรียมของขวัญพิเศษ ไว้ให้อินตามสัญญา”
“ให้อะไรอินคะคุณพ่อ” ลูกสาวชะโงกหน้ามาถามใกล้ด้วยแววตาอยากรู้ ท่าทางอย่างนั้นทำให้พ่อกับแม่ยิ้มเอื้อเอ็นดู
“บอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพส์สิ” อินทิราทำหน้าเซ็งเมื่อพ่อไม่ยอมบอก ทำ
ให้พ่อกับแม่มองหน้ากันแล้วยิ้ม