CHAPTER 02-01
บอดี้การ์ดขี้เมา
กูขอสั่งพักงานมึงจนกว่ามึงจะทำใจได้ อยากพักกี่เดือนกูไม่ห้าม
เลิกฟุ้งซ่านแล้วค่อยกลับมาทำงานในฐานะลูกน้องกูเหมือนเดิม เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
เพราะหัวใจมันเรียกร้องที่จะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำกับมาเฟียหนุ่ม หรือ
ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายของเขา การที่ยั้งใจตัวเองไม่ได้แล้วเข้าไปจูบทำให้
เขาต้องโดนพักงาน แต่มันคือความปรารถนาที่เฉินมีต่อภภีมมาเนิ่นนาน ทว่าคนไม่ใช่ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ไม่มีวันได้เป็นคนที่ใช่สำหรับภภีม
“ให้พักงานแค่ไหนก็ได้งั้นเหรอ! เหอะ”
ร่างสูงสบถขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงประโยคที่ภภีมบอกกับเขาเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้เรื่องพักงาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาตัวติดกันตลอด ไปไหน
ไปกัน แต่นี่อะไร พอภภีมมีคนที่ดูแลหัวใจแล้ว เขาก็กลายเป็นหมาอย่างที่เคยคิดไว้จริงๆ
ภายในห้องนอนขนาดพอดี มีร่างกำยำของเฉินเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น ได้แต่คิดเปรียบเทียบตัวเองกับหมอเมฆหรือคนรู้ใจของภภีมว่า
ตัวเขาเองไม่ดีตรงไหน ทำพลาดตรงไหนไป ทำไมภภีมถึงไม่เคยมองเขามากกว่าลูกน้องเลย แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งหัวเสีย เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวไปเสียหมดจนเขาจับจุดไม่ถูก
ทางออกเดียวของเขาคือการได้สังสรรค์เฮฮาที่ไหนสักแห่งที่มันสามารถพรากความเศร้าออกไปจากจิตใจได้
แล้วหนุ่มโสดอย่างเขาจะมีที่ไปที่ไหนถ้าไม่ใช่บาร์โฮสต์...
เฉินไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัว เพราะเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง
ที่ปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง จนกระทั่งมาเจอกับภภีมผู้ซึ่งเป็น
ทุกอย่างของเขา ภภีมชุบเลี้ยงเขาจากเด็กเหลือขอให้มีเงินมีทอง มีทุกอย่างเป็นของตัวเองโดยการทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้ภภีม เขาจึงรักภภีมมาก...
สายตาจ้องมองตัวเองผ่านกระจกเงาที่สะท้อนตัวตนของเขาชัดเจน บาดแผลที่ริมฝีปากจากการชกต่อยกับคนรักของภภีมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมายังคงเด่นชัดบนใบหน้า
เฉินจึงตัดใจที่จะไม่ไปบาร์โฮสต์ แต่จะซื้อเหล้าเข้ามากินที่บ้านแทน เพราะรู้ว่าวันนี้ต้องเมามากแน่ๆ จึงเลือกที่จะเมาหัวทิ่มหัวตำที่บ้านตัวเองดีกว่า
ร่างสูงจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดสูทสุภาพสีดำให้อยู่ในชุดสบาย
เสื้อโปโลและกางเกงขาสามส่วนเป็นสิ่งที่เขาเลือกสวมใส่ในตอนนี้เพื่อออกไปซื้อน้ำเมามาตุนไว้ฉลองความเศร้าโศกยามค่ำคืน โดยที่ตัวเขาเองยังคงคิด
ไม่ตกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มันทั้งเจ็บและเสียใจอย่างบอกไม่ถูก การโดนปฏิเสธจากคนที่แอบรักไม่คิดว่าจะเจ็บปวดขนาดนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนเข้มแข็งอย่างเขาจะรับมือกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้
เฉินเดินออกมาจากบ้านพักขนาดพอดีแล้วขึ้นรถก่อนจะขับออกไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเหล้ามาตุนเอาไว้อย่างที่ตนเองได้คาดการณ์เอาไว้
กะว่าคืนนี้ต้องเมาจนหลับไป ไม่งั้นเขาคงข่มตาหลับไม่ลง
______________________________
“เล็ก น้ำตก พิเศษหนึ่ง”
“รอแป๊บฮะ”
ร่างบางที่อยู่ในชุดนักศึกษากำลังลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นเล็กๆข้างถนนที่ลูกค้าหมุนเวียนไปมาตลอด
ทั้งวันจนตอนนี้แทบจะขายหมดแล้ว หลังจากเลิกเรียนที่วันนี้มีเรียนครึ่งวัน เดลก็มาช่วยป้าขายก๋วยเตี๋ยวเป็นกิจวัตรประจำวัน หากเขามีเวลา เขามักจะมาช่วยป้าของเขาอยู่เสมอโดยไม่เกี่ยงงอน แม้ตนเองจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม เพราะทั้งชีวิตเขาเหลือเพียงป้าแท้ๆเพียงคนเดียว
พ่อและแม่ของเขาหย่ากันตั้งแต่เดลยังเล็ก โดยเดลใช้ชีวิตอยู่กับแม่และป้ามาโดยตลอด จนเมื่อสองปีก่อนแม่เขาเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน เขาเลยเหลือแต่ป้าเท่านั้น แม้ว่าป้าของเขาจะไม่ปกติเหมือนกับคนอื่นก็ตาม...
“น้องๆ เก็บตังค์หน่อย”
“คร้าบบบบ”
ร่างเล็กยกชามก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟเจ้าของออเดอร์เมื่อครู่ ก่อนจะหันมาคิดเงินอีกโต๊ะหนึ่งอย่างขะมักเขม้น
“กลับบ้านไปพักไป เดี๋ยวป้าทำเอง”
“วันนี้ไม่เกินสองทุ่มก็น่าจะหมดนะป้า ของเหลือไม่เยอะ”
หญิงวัยห้าสิบปลายๆพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่หลานชายพูด หลังจากที่ตนเองปล่อยหลานชายให้ขายของตามลำพังแล้วเดินไปซื้อถุงร้อนและถุงหิ้วมาเพิ่มนั้น กลับมาอีกทีจึงเห็นว่าของลดลงไปพอสมควร
“เกาเหลาเนื้อสองร้อยครับ”
“ห้ะ”
เสียงห้าวใหญ่ดังขึ้นจากด้านหลังของเดลที่ตอนนี้เขากำลังเช็ดโต๊ะอยู่ แต่ไม่ทันได้หันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียง ร่างกำยำของใครบางคนก็นั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะที่เขากำลังเช็ดซะแล้ว
“อ้าว เดล”
“...”
เจ้าของร่างกำยำเอ่ยทักทายเดลอย่างตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าจะเจอเดลที่นี่ ตัวเดลเองก็เช่นกัน ไม่คิดว่าจะเจอเฉินที่นี่... เจ้าของทิปสี่สิบบาทถ้วนที่เดลเองจะไม่มีวันลืมความอัปยศในค่ำคืนนั้นเป็นอันขาด
“ไม่ไปทำงานที่บาร์ อุ๊บ”
เดลรีบยกมือขึ้นปิดปากเฉินทันที เมื่อเขากำลังจะหลุดพูดในสิ่งที่ป้ายังไม่รู้
“ทำงานอะไร?”
แต่ช้าไปเพราะป้าได้ยินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ทำงานที่หอเพื่อนอ่ะป้า พี่เขาเป็น...ครูสอนพิเศษของเพื่อนเดลไง”
ร่างเล็กส่งสายตาดุใส่เฉินเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้หยุดพูดเรื่อง
บาร์โฮสต์ ซึ่งเฉินเองก็พยักหน้าเข้าใจความหมายดี
“เกาเหลาเนื้อสองร้อย”
เขาเอ่ยสิ่งที่ต้องการออกไปอีกครั้งด้วยท่าทางสุขุม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มประดับบนใบหน้า นัยน์ตาฉายแววเศร้าสร้อยเล็กน้อย
“เป็นห้าสิบบาทสี่ถุงนะคะคุณ”
ป้าจัดการทำออเดอร์ของเฉินเอง เดลเลยนั่งลงตรงข้ามเฉิน ก่อนจะถามไถ่ด้วยความสงสัย
“พี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่นี่? ร้านก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพมีเป็นร้อยเป็นพัน”
“มาซื้อบุหรี่ที่เซเว่น เลยเดินมาซื้อเกาเหลาไปแกล้มเหล้า”
เหตุผลที่ได้มาก็พอจะมีน้ำหนักอยู่บ้าง เพราะร้านก๋วยเตี๋ยวของป้าเดลไม่ได้ห่างจากเซเว่นมากนัก
“แล้วบ้านพี่อยู่แถวนี้เหรอ?”
“เปล่า”
แหม...ทีตอนไม่เมาล่ะทำเป็นไม่อยากพูด ทีตอนเมานะมึง
เดลใช่ว่าอยากจะมานั่งคุยกับเฉินซะเมื่อไหร่ แต่ไม่อยากให้ป้าสงสัยก็เท่านั้น ร่างบางเห็นว่าไม่มีอะไรจะคุยแล้วจึงจะลุกไปช่วยป้าทำเกาเหลาของเฉินให้มันเสร็จๆ เขาจะได้รีบไปจากที่นี่เสียที ทว่ามือใหญ่ของเฉินกลับคว้าข้อมือเขาไว้ซะก่อน
“มีอะไรพี่”
“ทิปคืนนั้น”
เฉินเปิดกระเป๋าตังค์ก่อนจะหยิบแบงค์พันออกมาให้เดลสองใบสำหรับทิปคืนนั้น กับแบงค์ร้อยอีกสองใบเป็นค่าเกาเหลาวันนี้
“ผมก็นึกว่าจะให้สี่สิบบาท”
แอบประชดถึงเรื่องเงินทิปครั้งก่อนที่เจอกันที่โฮสต์ ยังอุตส่าห์รู้ตัวว่า
ให้สี่สิบบาท เจอกันอีกทีเลยให้เงินเพิ่ม นี่ถ้าไม่บังเอิญเจอกันเดลคงได้เงิน
สี่สิบบาทนั่นเป็นค่าตัว
เมื่อเห็นเงินจำนวนหนึ่งที่เฉินยื่นให้ แววตาใสของเดลเป็นประกายทันที มือเล็กรีบคว้าเงินมาเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะโค้งให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ สิ่งที่เขาคิดไม่ดีกับเฉินมันเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าเฉินไม่ได้งกอย่างที่เขาคิด แต่เงินถึงอย่างที่คนอื่นว่าไว้จริงๆ
“จะให้อีกสองพัน ถ้าไปกินเหล้ากับพี่”
“ได้สิพี่ ที่ไหนล่ะ?”
เงินคือแรงจูงใจทั้งหมดของเดล ไม่ว่าจะให้ทำอะไรที่ได้เงินมากพอเขาก็พร้อมจะทำทั้งนั้น
“บ้าน”
“อ๋อ ได้ฮะๆ ค่าจ้างสองพันนะพี่ แล้วอยู่ถึงกี่โมง?”
“ไม่ดึกหรอก”
เขาจะไปทำงานที่บาร์แค่บางวันเพราะช่วงนี้ใกล้สอบจำเป็นต้องอ่านหนังสือ ซึ่งทางร้านก็เข้าใจและอนุญาตให้หยุดได้หากมีเหตุจำเป็น หรือเรียกได้อีกแบบว่าทางบาร์เองก็ไม่ได้ง้ออะไรนักหรอก คนของเขามีเยอะอยู่แล้ว
แล้วเนี่ย การที่รับงานนอกรอบแบบนี้ก็ถือซะว่าเป็นผลพลอยได้ เงิน
วันหนึ่งได้ไม่ต่ำกว่าพันบาท ใครจะไม่อยากได้ เดลเองต้องใช้เงินอีกเยอะเพื่อใช้ในการต่างๆ ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องอื่นๆอีก
“ป้า เดลไปติวหนังสือกับพี่เขานะ อาจกลับดึกหน่อยไม่ต้องห่วง
ป้าเก็บร้านคนเดียวได้ใช่ไหม?”
“ได้ ไปเถอะ ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ”
เขาคว้ากระเป๋าเป้ที่สะพายไปเรียนวันนี้ก่อนจะเดินถือถุงเกาเหลาไปให้เฉิน
“ไปฮะพี่ นี่เกาเหลาได้แล้ว พี่ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ? ซื้อไปเยอะจังที่บ้านอยู่กันกี่คนอ่ะ?”
“ยุ่ง”
“อ้าว...”
แหม..แหมมึงแหม ทำเป็นนิ่ง ทำเป็นดุ โถ่!
เดลแอบเบ้ปากใส่ชายหนุ่มที่เดินนำอยู่เบื้องหน้าด้วยความหมั่นไส้
เต็มที ยิ่งเฉินวางมาดแบบนี้ยิ่งทำให้เขาครุ่นคิดว่าตัวเขาเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมไปกินเหล้าเป็นเพื่อนร่างสูงในค่ำคืนนี้ แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้สองขาเดินตามไปไม่หยุดคือเงิน
พวกเขาทั้งสองคนเดินไปตามทางฟุตบาทและเข้าไปในซอยเล็กๆข้างเซเว่น ก่อนที่เฉินจะกดรีโมตปลดล็อกรถของตนเองแล้วเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ
“บ้านพี่ไกลไหมฮะ?”
“ก็...ไกลอยู่”
เมื่อทั้งคู่ขึ้นมาอยู่บนรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดลจึงสำรวจบนรถคร่าวๆ พบว่ามีถุงจากห้างสรรพสินค้าจำนวนหนึ่งที่มีของอยู่ในนั้นเต็มไปหมด บนรถสะอาดเอี่ยมอ่อง ด้านหลังมีชุดสูทและเสื้อเชิ้ตแขวนอยู่ และกลิ่นน้ำหอมบนรถที่ออกแนวเฟรชๆทำให้บรรยากาศภายในรถสดชื่นขึ้นมาได้มาก
เอาวะ ได้กินเหล้าฟรี แถมได้เงินอีกสองพัน ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย ถึงเวลาก็แค่กลับบ้าน มันก็ไม่ต่างจากทำงานที่บาร์หรอกแค่เปลี่ยนจากบาร์เป็นบ้านเขาเท่านั้นเอง...
เดลสูดหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมทั้งสรรหาคำมาปลอบใจตัวเอง ก่อนที่หางตาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากชายหนุ่มข้างๆ
“พี่เฉิน! พี่ลืมรูดซิปกางเกงอ่ะ”
ร่างสูงรู้สึกเสียเซลฟ์เล็กน้อยจึงใช้มือซ้ายรูดซิปกางเกงของตัวเองและทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงนั่งหลังตรงตามบุคลิกที่ตนเอง
เคยชิน
“หยิบเหล้าข้างหลังให้พี่ขวดดิ่”
เสียงห้าวออกคำสั่ง ทว่าเดลพูดปรามไว้ซะก่อน
“ไม่ดีมั้งพี่ ขับรถอยู่นะฮะมันอันตราย”
“ให้ตายๆไปเลยยิ่งดี”
“งั้นพี่จอดตรงนี้แหละ ตายไปคนเดียวเลยนะ ผมไม่ตายด้วยหรอก
ให้ผมทายนะ ที่พี่ดูเครียดๆแบบนี้คงเป็นเพราะเรื่องคนๆนั้นใช่ไหม ที่เป็นเจ้านายพี่น่ะ”
“...” เฉินใช้ความเงียบเป็นคำตอบ และเมื่อร่างเล็กจับทางได้แล้วว่าอะไรทำให้เขาดูเครียดขนาดนี้จึงค่อยๆพูดกล่อมอีกครั้ง
“ใจเย็นๆนะฮะ ไว้เราค่อยคุยกันที่บ้านเนอะ วันนี้ผมจะทำหน้าที่โฮสต์นอกสถานที่ให้พี่เอง”
มือเล็กเอื้อมไปแตะที่หัวไหล่เบาๆเป็นการปลอบ ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อเฉินพยักหน้าตอบรับและตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป โดยที่ต้องคิดเรื่องฟุ้งซ่านเหล่านั้นไว้ในหัว
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกัน และเดลรู้ว่าควรจะมอมเหล้าเฉินให้หลับไปซะแล้วตัวเองจะได้กลับบ้าน งานแค่นี้ง่ายๆ อย่างน้อยก็มั่นใจว่าเขาจะได้ค่าตอบแทนกลับบ้านไปเป็นหลักพันแน่นอน เพราะเฉินเป็นคนพูดเรื่องเงินค่าจ้างขึ้นมาตอนที่มีสติ
__________________________
AT HOME
บ้านปูนสองชั้นขนาดพอดีสำหรับหนุ่มโสดที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวคือจุดหมายปลายทางของพวกเขาในวันนี้ เดลถือถุงเกาเหลาตามร่างสูงที่ถือถุงเหล้าหลายยี่ห้อเดินนำเข้าบ้านไป
“บ้านรกหน่อยนะ”
“ไม่หน่อยนะพี่ จ้างผมจัดบ้านไหมฮะ”
“ร้อนเงินเหรอ?”
“ก็...”
“เอาสิ พี่ไว้ใจนายได้ใช่ไหม? ถ้าของพี่หายไปแม้แต่ชิ้นเดียวนายตาย”
“ผลงานขึ้นอยู่กับค่าจ้างนะฮะ ว่าแต่พี่กินข้าวบ้างรึยัง กินข้าว
ก่อนไหม? กินเหล้าตอนท้องว่างได้เมาหัวทิ่มแน่”
ทันทีที่เฉินทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา เขาก็จัดการแกะกล่องเหล้ายี่ห้อดังออกมายลโฉมทันที ก่อนจะเปิดมันแล้วยกขวดกรอกเข้าปากไปโดยไม่ง้อน้ำแข็ง ชนิดที่ว่าไม่ห่วงท้องห่วงไส้ตัวเองเลย เดลยืนมองด้วยความอึ้งเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเฮิร์ต
อ้าว ไม่ฟังกูเลยสินะไอ้บ้านี่!
ร่างบางถดตัวไปยังห้องครัวแล้วจัดการอุ่นเกาเหลาก่อนหนึ่งถุง ซึ่งค่อนข้างจะใช้เวลาพอสมควรในการเข้าครัวครั้งนี้เพราะเขาเองไม่ชินกับสถานที่รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆอีก ที่สำคัญครัวรกและสกปรกมากจนเขาต้องทำความสะอาดให้ เป็นการรอเกาเหลาที่อยู่ในหม้อเดือดไปพลางๆ
“กับแกล้มร้อนๆมาแล้วครับ”
“ฮึก คุณหนู..”
“เห้ยพี่!! จิ๊!!”
เดลตกใจที่เห็นเฉินซดเหล้าขวดใหญ่เพียวๆไปครึ่งขวดแล้ว หน้าตาเริ่มแดงก่ำบ่งบอกว่ากำลังเมาได้ที่ ใบหน้าหล่อเหยเกร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมทั้งเสียงบ่นอ้อแอ้บ่งบอกให้รู้ว่าเฉินกำลังเสียใจมากแค่ไหน แต่...ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลออกมาจากดวงตาคมนั่น
ตอแหลร้องไห้ทำไมอ่ะ งง ร้องไห้แห้งๆแบบนี้ก็ได้เหรอ?
ร่างบางก่นด่าในใจก่อนจะรีบเดินมาที่ห้องครัวอีกครั้ง เขาหาแก้วและน้ำแข็งก้อนในตู้เย็นก่อนจะนำถุงน้ำแข็งไปทุบและใส่กะละมัง และถือออกไปให้ชายหนุ่มผู้ที่ยังนั่งสะอื้นไม่หยุด
น้ำเมาถูกรินลงแก้วที่มีน้ำแข็งทั้งสองแก้วอย่างที่มันควรจะเป็นตั้งแต่แรก แต่จะว่าไปตัวบอดี้การ์ดหนุ่มเองค่อนข้างคออ่อนพอสมควร เขาเป็นคนที่คออ่อนแต่ก็ยังขี้เมาอีก งงไหม?
“ร้อน”
ไม่ทันที่จะยกเหล้าขึ้นดื่ม เฉินเองก็บ่นว่าร้อนแล้วลุกขึ้นยืน มือใหญ่จัดการถอดเสื้อโปโลของตัวเองออกก่อนจะปาไปบนพื้น
“มันก็ไม่ได้ร้อนเท่าไรนะฮะ ว่าแต่พี่มีอะไรจะเล่าให้ผมฟังไหม?
ผมพร้อมฟังแล้ว”
ตุ่บ
“โอ้ย ไอ้เหี้ยพี่เฉิน มึง!!”
ผู้ชายร่างกำยำคนนี้มักจะชอบทำอะไรเหนือความคาดหมายในยามที่ตนเองเมาเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
จู่ๆเขาก็กระโจนใส่เดลจนทำให้คนตัวเล็กหงายท้องลงกับโซฟานุ่ม โดยที่มีตัวเฉินนอนทับอยู่ด้านบน ใบหน้าหล่อซุกอยู่ที่หน้าอกบางแล้วทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อ ทว่าชุดนักศึกษาบริเวณนั้นมันไม่เปียกเลยสักนิด
“คุณหนูรักกับคนอื่นแล้วอ่ะเดล ฮึก เขาทิ้งพี่ไปแล้ว..”
“พี่เฉิน ลุกขึ้นนั่งดีๆ ผมจุกท้อง!!”
นิ่ง... ทำเหมือนหูทวนลม จนเดลต้องดันให้ลุกขึ้นนั่งกันอีกครั้ง นี่แค่เริ่มต้นเองทำไมดูเหนื่อยขนาดนี้ ร่างบางจึงขยันชงเหล้าแล้วยื่นให้หวังเพียงว่าเฉินจะเมามายให้หนักกว่านี้แล้วหลับไปเสียที ทว่าเขาก็ยังคงนั่งฟังเฉินเล่าเรื่องภภีมวนไปวนมาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น