CHAPTER 02-02
บอดี้การ์ดขี้เมา
จนมาถึงเกาเหลาถ้วยที่สาม...
“ใครปิดแอร์วะ!!”
“ไม่ได้ปิดนี่ฮะ”
ร่างกำยำลุกขึ้นยืนโวยวายอีกครั้งแล้วถอดกางเกงสามส่วนของตัวเองออกเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวบางเท่านั้น เดลเองก็เห็นเป็นเรื่องปกติเพราะผู้ชายด้วยกันไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว
“น้องเดลคนดี ไปหยิบน้ำแข็งมาเติมให้ป๋าหน่อย”
สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไปตามความเมา ทว่าตอนนี้ตัวเดลเองก็เริ่มเมาแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังคงควบคุมสติตัวเองไว้ ต่างจากอีกคนที่สติหลุดลอยหายไปตั้งแต่กรอกเหล้าเข้าปากไปไม่กี่อึกแรก
“รอแป๊บนะฮะ”
เขาเดินเข้าไปยังห้องครัวอีกครั้งอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะเริ่มจะสนุกกับการได้สังสรรค์ เขาสามารถเบี่ยงประเด็นความเศร้าของเฉินได้จนตอนนี้เรื่องราวที่พวกเขาคุยกันมีแต่เรื่องเฮฮาสนุกสนาน เดลเดินมาเปิดตู้เย็นโดยไม่รู้เลยว่ามีอีกคนเดินตามเขามาติดๆ
จึ๊กๆ
“โอ้ยพี่อย่ากวนตีนดิ่”
ขณะที่เดลโก่งโค้งลำตัวเพื่อก้มหาน้ำแข็งและกับแกล้มในตู้เย็นนั้น บอดี้การ์ดหนุ่มจึงอดใจไม่ไหวที่จะเดินมาแนบชิดจากทางด้านหลัง แล้วใช้สะโพกตัวเองดันเข้าหาบั้นท้ายของเดลในท่าที่วาบหวาม
“พูดกับป๋าเพราะๆสิครับ”
ไม่ว่าเปล่า เฉินโถมตัวลงไปกอดเดลแน่น ใบหน้าแนบกับแผ่นหลังของเดล ก่อนที่เขาจะใช้ไรฟันกัดผ่านชุดนักศึกษาอย่างหมั่นไส้และไร้เหตุผลที่สุด
“พี่ ปล่อยผม!!”
“อย่าขัดใจป๋านะครับ”
มือใหญ่รุกรานไปยังหน้าอกแบนของเดลอย่างอุกอาจ แม้จะเป็นการสัมผัสผ่านร่มผ้าของเสื้อนักศึกษา ทว่ามันกลับทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกสยิวขึ้นมาได้ชอบกล
“หยุดเลยนะ!!”
เดลเอี้ยวตัวหลบจากพันธนาการหวามได้สำเร็จแล้วหนีมายืนอยู่ที่ซิงค์ล้างจาน บอกตรงๆว่าเดลเองก็โมโหที่เฉินเป็นแบบนี้ เขาไม่ได้ชอบให้ใครมารุกล้ำความเป็นส่วนตัว แต่เพราะความเมาของเฉินมันเป็นสิ่งที่เขาเองก็ต้านทานไม่อยู่ เมาขนาดนี้จะทำยังไงก็ไม่สร่างเมาอยู่ดี ทำได้เพียงปกป้องตัวเองเท่าที่ทำได้ ทั้งที่เดลเองสู้แรงเฉินไม่ได้หรอก จากขนาดตัวของคนทั้งคู่ก็บ่งบอกความบ้าพลังได้อยู่แล้ว
“โอ้โหน้องเดล ดูนี่สิครับ” อีกหนึ่งความไม่คาดฝันของบอดี้การ์ดขี้เมาครั้งนี้เล่นเอาเดลยืนช็อกตาตั้งแบบทำอะไรไม่ถูกเลยก็ว่าได้ เมื่อสิ่งที่เฉินเรียกให้เดลดูมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรอวดสักเท่าไร
นิ้วเรียวชี้ไปที่เป้ากางเกงของตัวเองที่ตอนนี้มันเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง
จากเมื่อครู่ ความนูนเด่นของเป้ากางเกงมันดูคับแน่นจนแทบจะปริแตก ไม่อยากจะคิดว่าภายในนั้นมันจะชูชันแค่ไหน ทำให้เดลรู้ได้เลยว่าหลังจากที่เฉินเล่นสัปดนกับบั้นท้ายและหน้าอกเขาเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาตัวเฉินเองคิดจริงแน่นอน แถมยังคิดเรื่องลามกเรื่องอื่นมาปะปนด้วยเป็นแน่ อะไรๆมันถึงได้ตื่นตัวขนาดนี้ ผู้ชายด้วยกันรู้ดี
“อย่ามองผมแบบนั้นนะพี่เฉิน”
สายตาเป็นประกายที่ส่งมายังร่างบางสลับกับก้มมองเป้ากางเกงนูนเด่นของตัวเอง เหมือนภาคภูมิใจมากที่มันยังใช้งานได้ เป็นครั้งแรกที่เดลเริ่ม
รู้สึกกลัวเฉินขึ้นมาจริงๆเพียงแค่สบตาเป็นประกายนั่นก็พาให้ใจเขากระตุกวูบ
“อึก อึก อ้วกกกกกกกกกกกกก”
“แม่โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เหี้ยพี่เฉิน!!!!!”
ความซวยซ้ำซ้อนได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อจู่ๆเฉินก็มีอาการอยากจะอาเจียนตีตื้นขึ้นมา สองเท้ากำลังเดินดิ่งไปที่ซิงค์ล้างจาน ทว่าเป็นเดลเองที่ยืนขวางตรงนั้นอยู่และเฉินเองก็ดึงร่างบางออกมาไม่ทัน ทำให้ปล่อยทุกสิ่ง
ทุกอย่างออกมาใส่เสื้อเดลจนเลอะเทอะไปหมด
เมื่อระลอกแรกมันเปื้อนเสื้อนักศึกษาของเดลจนไม่เหลือชิ้นดี เขาจึงเบี่ยงตัวหลบระลอกที่สองเพื่อให้มันพุ่งลงซิงค์ล้างจานแทน เดลโกรธจนอยากจะชกหน้าเฉินให้สร่างเมาเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเฉินแรงเยอะกว่า ถ้าหมัดหนักๆของเฉินต่อยสวนกลับมาคงไม่ดีแน่ ยิ่งเมาแล้วลูกบ้าเยอะซะด้วย
เสื้อนักศึกษาถูกถอดออกและโยนลงถังขยะเล็กในครัว เดลตัดสินใจที่จะอาบน้ำเพราะทนไม่ไหวกับความสกปรกที่เฉินยัดเยียดมาให้ ตาคู่สวยเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่เกาะซิงค์ล้างจานอ้วกอย่างเอือมระอาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
เฉินเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิมอย่างคนหมดแรง ทว่าก็ยังคงซดเกาเหลาเนื้อของโปรดต่อ และยังคงตามด้วยเหล้าเพียวๆลงท้องไปได้อีก หลังจากที่พากันเข้าครัวแล้วไม่ได้น้ำแข็งออกมา
“ไอ้เมฆมึง!!”
อยู่ดีๆก็นึกถึงหมอเมฆหรือคนรักของภภีมขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เพียงแค่ในหัวมันมีภาพเหตุการณ์ต่างๆฉายวาบขึ้นมา และหนึ่งในภาพเหล่านั้นคือใบหน้าของหมอเมฆที่กำลังมองภภีมด้วยสายตาความรักใคร่ ยิ่งเห็น
ภาพเหล่านั้นก็ยิ่งอยากดื่มเหล้าให้เมากว่าเดิม เพื่อที่จะลืมๆเรื่องราวเหล่านั้น
ไปเสียที
แต่...เรื่องที่ฝังใจทำยังไงมันก็ไม่ลืม ยิ่งสมองสั่งให้ลืมแต่หัวใจมันสั่ง
ให้จำ เมื่อเขาต้องนั่งดื่มเหล้าเงียบๆคนเดียวจึงคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ยังมีเดลคอยปลอบและเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่นได้อย่างชำนาญ แต่เพราะเดลเป็นคนที่ใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนานจนเฉินลืมไปว่าในบ้านของเขายังมีเดลอยู่อีกคน
สติของเฉินกึ่งหลับกึ่งตื่น สายตาพร่ามัวใกล้จะหลับเต็มที
“เกาเหลาถ้วยสุดท้ายละนะ กินแล้วนอนได้แล้ว ดึกแล้ว”
“ไอ้เมฆ!!! มึงกล้ามาหากูถึงที่นี่เลยเหรอ!!”
ร่างบางที่เปลือยท่อนบนเพราะไม่มีเสื้อใส่เดินถือชามเกาเหลาเนื้อ
ชามใหม่มาให้ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเขาจึงเดินเข้าครัวมาทำความสะอาดและอุ่นเกาเหลาถุงสุดท้ายมาให้ คิดไว้ว่าหมดถ้วยนี้ก็จะกลับบ้านแล้ว พร้อมทั้งจะขอค่าจ้างเพิ่มด้วย
“เมฆอะไรล่ะ ผมเอง เดลไง”
แต่คนเมาก็คือคนเมา เขาเห็นเดลเป็นหมอเมฆ และความโมโหก็บังเกิดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึง สายตาเกรี้ยวกราดของเฉินสร้างความมึนงงให้เดลไม่น้อย แต่ด้วยความที่ไม่ถือสาคนเมาจึงกล้าที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อจะวางชามลงกับโต๊ะ ทว่ายิ่งเดลเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไร สายตาที่เฉินเห็นเดลเป็นหมอเมฆมันก็ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
พลั่ก เพล้ง ตุ่บ
แล้วทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นไวมากจนเดลตั้งตัวไม่ทัน ในขณะที่กำลังวางชามเกาเหลาลงบนโต๊ะนั้น เฉินก็ยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่กลางลำตัวของเดลจน
เสียหลัก ทำให้หัวฟาดพื้นแล้วสลบไป ชามเกาเหลาที่มันกำลังจะวางบนโต๊ะก็กระเด็นติดมือของเดลไปด้วยจนร่วงหล่นแตกลงพื้นในที่สุด
ร่างใหญ่เห็นว่าศัตรูหัวใจนอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างแพ้ราบคาบ เขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดังเพื่อเสพสมกับชัยชนะที่ตัวเองคิดไปเองและมันผิดเพี้ยนกับความเป็นจริงไปมากโข
เขานั่งดื่มเหล้าต่อสลับกับมองคนที่นอนนิ่งบนพื้นอย่างมีความสุขเพราะยังคิดว่าเป็นหมอเมฆอยู่ และเขาก็ลืมเดลไปจนได้ จึงไม่เอะใจเลย
สักนิดว่าคนที่ตัวเองไปทำสัปดนที่หน้าตู้เย็นเมื่อชั่วโมงก่อนหายไปไหน
สุดท้ายเฉินเองก็เมาแล้วเอนตัวหลับอยู่บนโซฟา...
________________________
วันรุ่งขึ้น
11.20 น.
ร่างใหญ่ของเฉินสะดุ้งตื่นเมื่อนึกได้ว่าต้องไปทำงาน แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังเมื่อความทรงจำต่อมาคือคำพูดของภภีมที่สั่งให้เขาพักงานตั้งแต่
เมื่อวานนี้แล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นจิตใจก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที เฉินถอนหายใจพลางลุกขึ้นนั่งยืดเส้นยืดสายบนโซฟา
“เดล… นั่นเดลเหรอ?”
ผู้ชายสุขุมกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เมาแล้วเผยตัวตนอันมืดบอดของตัวเองออกไปแล้วนั้น เขาก็กลับมาเป็นหนุ่มบอดี้การ์ดเจ้าเสน่ห์อีกครั้งเมื่อมีสติครบ
เฉินหยัดตัวขึ้นยืนมองรอบบริเวณนี้ และคำถามต่อมาคือเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น? หลักฐานตรงหน้าที่เขาเห็นมันตอกย้ำว่าเมื่อคืนตัวเขาเมามากมายแค่ไหน มีไม่กี่ครั้งที่เขาจะเมาจัดแบบนี้ และข้อเสียของการเมามายขนาดนี้คือเขามักจำเรื่องราวอะไรไม่ได้...
ร่างของเดลที่เปลือยท่อนบนนอนนิ่งอยู่บนพื้นกระเบื้องเย็น
น้ำสีน้ำตาลแห้งกรังบนพื้น
ชามกระเบื้องแตกเป็นเสี่ยง
เศษเนื้อและผักที่แห้งเลอะบนกางเกงนักศึกษาของเดล
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ?
เขาเดินเข้าไปนั่งยองๆข้างร่างบางก่อนจะใช้นิ้วชี้อังที่จมูกของเดลแล้วก็โล่งอกเมื่อรู้ว่าเดลยังหายใจอยู่
“เดล.. เดล.. ตื่นได้แล้ว”
มือใหญ่เอื้อมไปเขย่าร่างที่หลับใหลจนรู้สึกตัว ดวงตาสวยปรือมอง
ชายหนุ่มเบื้องหน้าก่อนจะรีบถดตัวหนีอย่างตกใจ แต่แล้วการขยับตัวรุนแรงทำให้รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอยจนต้องหลุดร้องออกมา
“โอ๊ย เจ็บฉิบ!”
“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน? นายหัวแตกนี่!!”
“ฝีมือพี่ทั้งนั้นแหละ จ่ายค่าเสียหายให้ผมด้วยนะ”
คนหนึ่งจำเรื่องราวทุกอย่างได้ดี อีกคนจำอะไรไม่ได้เลย ได้เพียงมองร่างเล็กสลับกับคราบเลือดที่แห้งเลอะบนพื้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย ว่าเขาทำอะไรรุนแรงขนาดที่เดลหัวแตกเลยหรือ?
“พี่ไม่ได้ทำอะไรนาย แล้วนายมาที่นี่ได้ยังไง?”
เพราะจำไม่ได้เลยขี้ตู่ว่าไม่ได้ทำซะเลย
“โห ก็พี่..”
แต่แล้วเดลก็ชะงักไป เขาหยุดคิดเล็กน้อยว่าจะพูดอะไรต่อไปดี ในเมื่อเฉินจำอะไรไม่ได้เลยล่ะก็... ก็ขอใส่ไฟไปสักหน่อยเพื่อแลกกับค่าเสียหายก้อนโตที่เขาอาจจะได้
“พี่ทำอะไร?”
“พี่จ้างผมให้มากินเหล้าเป็นเพื่อน ผมก็มา พอพี่เมาพี่ก็อาละวาดใหญ่เลย เรียกผมว่าไอ้เมฆไม่หยุด พี่อ้วกใส่ผม ไล่กระทืบผม ไม่หนำซ้ำยัง..”
“ยังอะไร??”
“ยังเอาชามกระเบื้องอันนี้มาฟาดหัวผมจนผมสลบไปตอนไหนก็ไม่รู้ ผมก็แค่...มารับจ้างกินเหล้าเป็นเพื่อนแล้วก็มาทำความสะอาดบ้านตามที่พี่ตกลงว่าจ้างผมก็เท่านั้น พี่จ้างผมสี่พันบาท แต่เนี่ย ผมเจ็บตัวขนาดนี้ไม่คุ้มเลยนะ”
เดลโกหกคำโตออกไปโดยไม่มีพิรุธเลยสักนิด เขาสบตาตอบโต้โดยไม่เกรงกลัว คำพูดทุกคำดูฉะฉานเสียจนเฉินเองเริ่มเชื่อเพราะทุกอย่างที่เดลพูดมามันสามารถเป็นไปได้ตามนั้นจริง ประกอบกับหลักฐานต่างๆที่มันตำตาอยู่ตอนนี้ด้วย
“แต่ถ้าพี่ได้กระทืบใคร ไม่น่าเจ็บแค่นี้นะ”
“อ่าว ผมจะยืนให้พี่กระทืบทำไมล่ะครับ ผมก็หลบสิพี่”
ไหวพริบถูกใช้อย่างเชี่ยวชาญ เฉินถอนหายใจแล้วประคองเดลให้ลุกขึ้นยืน
“งั้นพี่จ้างนายเก็บกวาดให้สะอาดต่อเลยแล้วกัน”
“พี่รวยมากเหรอ? บ้านพี่ก็ไม่ได้ดูรวยนะ ทำไมใช้เงินเปลืองจัง? ใช้เงินวันละหลายพันแบบนี้ พี่เป็นบอดี้การ์ดหรือค้ายากันแน่”
“เงินเดือนพี่เยอะ นายจนไม่ใช่เหรอ ทำแล้วได้เงินไม่เอารึไง ตามใจนายนะ”
เดลเองไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธงานนี้ซะเมื่อไหร่ เพียงแต่บางคำพูดมันกระทบจิตใจทำให้พูดไม่ออก กับคำว่าจนที่เฉินเพิ่งพูดใส่เขาทำไมมันเจ็บปวดขนาดนี้ เพราะเขาจนไงศักดิ์ศรีถึงได้ลดต่ำลงทุกวัน
แต่พอคิดไปคิดมา การที่เขาได้มาเจอเฉินก็ถือเป็นเรื่องดี
เฉินมีเงิน เฉินซัพพอร์ตเขาได้ ปัจจัยเดียวที่จะเยียวยาทุกอย่างสำหรับเดลคือเงินเท่านั้น
“ตกลง ผมรับงานนี้ แต่ตอนนี้พี่ช่วยพาผมไปซื้อชุดนักศึกษาใหม่ก่อนได้ไหม แล้วก็พาผมไปส่งที่มหาลัยที ผมมีเรียนตอนบ่ายโมงฮะ”
“มันธุระอะไรของพี่เหรอ? นายมาเองก็กลับเองสิ”
เฉินไม่เคยสุงสิงกับผู้ชายคนไหนนอกจากภภีมกับลูกน้อง เดลนี่ถือว่าบังเอิญและมันอาจจะไม่เป็นการดีสักเท่าไร เขาไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเดลเลยแม้แต่น้อย หากจะให้ไว้ใจในทันทีก็คงยาก
“พี่นั่นแหละพาผมมา”
“...”
กูพามันมาเหรอ? ตอนไหนวะ? เมื่อคืนเหรอ?
ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรขาดสติไปบ้าง แล้วไอ้เด็กนี่... โว้ยยยย ปวดหัวโว้ย!!
เดลเห็นเฉินนิ่งไปเลยใจเสีย เขากลัวว่าหากต้องนั่งรถเมล์ไปเองอาจไปไม่ทันเรียนตอนบ่ายโมงก็เป็นได้
หมับ
มือเล็กเอื้อมไปจับต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเฉินเมื่อเห็นว่า
ร่างสูงกำลังหันหลังเดินจากเขาไป โดยที่ยังไม่รับปากว่าจะไปส่งเขาหรือไม่ด้วยซ้ำ
“พี่จะไม่ไปส่งผมจริงๆเหรอ งั้นขอค่าจ้างเลยได้ไหม ผมจะได้รีบนั่งแท็กซี่ไป แต่ว่าคงต้องยืมเสื้อผ้าพี่ใส่ไปก่อนแล้วค่อยไปซื้อใหม่”
เสียงเล็กพูดออกไปอย่างน่าสงสาร...
“รออาบน้ำแป๊บนึงแล้วกัน”
เสียงทุ้มที่ติดหงุดหงิดตอบกลับมาก่อนจะเดินจากไป มันไม่ใช่คำตอบ
ว่าตกลง แต่ก็สามารถทำให้คนตัวเล็กหลุดยิ้มออกมาได้ บางทีเฉินอาจจะเป็นคนดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้
“พี่เองก็ไม่น่าใช่คนเลวอะไรนี่หว่า”
คนตัวเล็กพูดเบาๆกับตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นจับบริเวณศีรษะที่แตก เรื่องเมื่อคืนช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไร อุตส่าห์จะดูแลปรนนิบัติมานั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนเพื่อแลกกับค่าจ้างที่ตกลงกันไว้สองพันบาท แต่เหตุการณ์พลิกผันซะอย่างงั้น เขาโดนถีบหงายท้องจนหัวแตกไม่รู้ตัว
เจ็บเองก็ต้องหายเองสินะ