“ว่าไงครับแม่”
“อีกสองเดือนตาวาน้องเราจะแต่งงานแล้วนะ ทำตัวให้ว่างมางานแต่งน้องล่ะ”
“ครับแม่…กับเกี๊ยวเหรอ”
คนปลายสายถามด้วยหัวใจที่สั่นไหว หากแต่ไม่ใช่เพราะความดีใจแต่เป็นหัวใจที่หล่นวูบเสียมากกว่า ปากกาลูกลื่นชั้นดีในมือถูกวางลง เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยใจมองใบไม้ที่หลุดร่วงผ่านหน้าต่าง
…ฤดูใบไม้ผลิของประเทศออสเตรเลีย
“ใช่สิ ยัยเกี๊ยวลูกคุณกษิณกับคุณทักษอรบ้านข้างๆ เราเนี่ยแหละ…วินจำน้องได้ใช่ไหม”
เกือบสิบปีที่ลูกชายคนโตไปเรียนต่อและทำงานที่ต่างประเทศ
“ครับ ผมยินดีกับเจ้าวาด้วยนะครับที่ได้แต่งงานกับคนที่มันรักสักที”
“แล้ววินล่ะ มีแฟนก็พามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างสิ”
“คงไม่ทันแล้วล่ะครับ”
ฉัตรชวินเหลือบมองใบหน้าคนรักที่กำลังจะกลายเป็นอดีต สาวไทยผมสีน้ำตาลบลอนด์แต่งตัวแซ่บด้วยเสื้อหนังสีดำพอดีตัวกับกระโปรงสั้นแค่คืบ รองเท้าส้นสูงแหลมเล็กจนกลัวว่าจะหัก ก้าวเท้าฉับมายืนตรงหน้า
“ไปก่อนนะวิน”
ลูกหยีกรอกมองอย่างไม่เป็นมิตรด้วยหางตา เบื่อที่จะต้องทนกับคนไร้หัวใจนิ่งเป็นขอนไม้ ผู้ชายที่เอาแต่บ้างานจนไม่มีเวลาให้แม้กระทั่งทานข้าวด้วยกันสักมื้อ แรกๆ ก็พอทนได้เพราะเขาหล่อ หน้าดี หน้าที่การงานดีเป็นคนไทยที่ทำงานด้านสถาปัตย์และการออกแบบหนึ่งในไม่กี่คนของเมืองที่อาศัยอยู่
“แป๊บนะครับแม่…ลูกหยีจะไปไหน”
“ลูกหยีจะกลับไทย วินเอาแต่ทำงานน่าเบื่อ”
“เบื่อก็ตามใจอยากไปก็ไป”
“งั้นก็บายค่ะ นี่นามบัตรโมเดลลิ่งวางไว้บนโต๊ะนะคะ”
สาวผมสีน้ำตาลบลอนด์คนเดิมเชิดหน้า แสยะยิ้มก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางใบโตก้าวออกจากห้อง…ปิดประตูใส่ดังปึง
“ขอโทษนะครับแม่ มีปัญหานิดหน่อย”
คนถูกทิ้งเพราะเอาแต่ทำงานแนบสมาร์ตโฟนกลับที่เดิม
“แฟนเหรอลูก…ไม่เป็นไรนะ”
“ชินแล้วล่ะครับแม่ ผมเอาแต่ทำงานใครจะมาทนได้”
“ให้แม่บินไปหาไหม ที่นู่นอากาศหนาวพอดีเลยแม่กับพ่ออยากไปเที่ยวด้วย”
“อย่าเลยครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ ลำบากเสียเปล่า”
คนสูงวัยต้องนั่งเครื่องบินติดกันหลายชั่วโมงไม่ใช่เรื่องดีนัก อีกแค่สองเดือนเขาก็ต้องบินกลับไปประเทศไทยอยู่แล้ว
“พ่อกับแม่อยากไปดูวินด้วย มีลูกชายสองคนก็อยากดูแลให้เท่ากัน”
“ผมมากกว่าที่ต้องดูแลพ่อกับแม่ เอาไวกลับไปจะกอดให้ฉ่ำใจเลย…อีกอย่างวามันคงเหงาถ้าแม่ไม่อยู่ช่วยมันช่วยมันจัดงานแต่ง”
“รายนั้นน่ะติดหรูจ้างออแกไนซ์ทุกอย่างแม่ไม่ต้องทำอะไรเลย อยากเอาใจว่าที่เจ้าสาวนั่นแหละ”
“ว่าที่เจ้าสาวของวามันติดหรูเหรอครับ…”
“ไม่เลย ออกจะเจียมตัวเสียมากกว่าเพราะบ้านเป็นหนิ…ไม่มีอะไรหรอก”
เกือบหลุดพูดไปแล้ว ฉัตรชวาขอไว้เรื่องของที่บ้านของกณิสราไม่ให้คนเป็นแม่พูดออกไป เงินทุกบาทฉัตรชวาจะรับผิดชอบด้วยเงินปันผลจากบริษัทในส่วนของตัวเอง
“งานแต่งแค่ครั้งเดียวก็แบบนี้แหละครับ อีกสองเดือนผมก็กลับไทยแล้วแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“เอ้า เอางั้นก็เอา…หนาวแล้วก็ห่มผ้าดูแลตัวเองด้วยนะวิน หรือจะให้แม่จ้างแม่บ้านไว้ดูแลสักคน”
“อย่าดีกว่าครับ ตัวคนเดียวสะดวกกว่า…ผมขอทำงานก่อนนะครับ”
“จ้ะๆ”
แล้วบุพการีก็วางสาย ฉัตรวินผุดยิ้มเศร้าที่มุมปากให้กับตัวเองก่อนจรดปลายปากกาลงนามในแบบบ้านหลังล่าสุดเพื่อรับรองความถูกต้องก่อนจะกอดอกมองบรรยากาศด้านนอกอย่างปล่อยใจ
ครืด ครืด…เสียงโทรศัพท์เข้า
“ว่าไงลูกหยี”
เมื่อเห็นว่าใครโทรมาเขาก็ไม่อยากรับสายให้เสียเวลา พูดจากันไม่รู้เรื่อง
“วินจะไม่สนใจลูกหยีจริงๆ ใช่ไหม ถ้ากลับไทยลูกหยีจะไม่กลับมาอีกแล้วนะ”
“เราตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่ล้ำเส้น แต่ผมก็ยอมให้ลูกหยีมาอยู่ด้วยแล้วจะเอาอะไรอีก”
ดีที่ว่าห้องสูทของเขามีสองห้องนอนไว้สำหรับรับแขก จึงยกห้องนั้นให้ยงวรีหรือลูกหยีไป
“มาส่งลูกหยีที่สนามบินค่ะ”
“ผมไม่ว่าง”
“วิน นี่คุณจะไม่สนใจลูกหยีจนวินาทีสุดท้ายเลยใช่ไหมคะ ถ้าลูกหยีได้เป็นดาราดังอย่ามาง้อทีหลังนะคะ”
“ดาราดัง? นี่คือเหตุผลของลูกหยีที่กลับไทยเหรอ”
“ใช่ค่ะ วินเคยสนใจซะที่ไหนล่ะว่าลูกหยีจะทำอะไรหรือคุยกับใคร แต่ก็เอาเหอะลูกหยีวางนามบัตรโมเดลลิ่งไว้ให้บนโต๊ะแล้วนะคะ เผื่อวินเปลี่ยนใจตามมาง้อ”
“ไร้สาระ ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราเลิกกัน”
แล้วฉัตรชวินก็วางสาย เขาเจอกับยงวรีที่ผับแห่งหนึ่งในค่ำคืนอันแสนน่าเบื่อเมื่อสามปีก่อน จากที่ไม่เคยย่างกายเข้ามาในสถานที่อโคจรก็หิ้วหญิงสาวที่เมาพอกันมานั่งดื่มชาริมถนนด้วย หลังจากนั้นก็เจอกันโดยบังเอิญอยู่บ่อยครั้งจนความสัมพันธ์พัฒนามาเป็นคนรักที่เขาไม่ค่อยได้ใส่ใจมากนัก แรกๆ ก็ดูเหมือนยงวรีจะไม่แคร์และตกลงกันไว้แต่แรกแล้วว่างานสำหรับเขามาเป็นอันดับหนึ่ง ในตอนนั้นเธอก็เหมือนจะเข้าใจได้แต่ยิ่งคบกันก็มีแต่ความเหนื่อยหน่าย น่ารำคาญ เรียกร้องให้เขาอยู่ด้วยตลอดเวลา ทั้งที่งานออกแบบต้องใช้สมาธิอย่างหนัก
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่เขาเอาแต่ก้มหน้าทำงานจนเพิ่งมีเวลาได้พัก เพื่อเร่งให้มีเวลาเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง…หรือบางทีก็อาจจะไม่กลับมาที่นี่อีก ไร่องุ่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่อยากกลับไปดูแล ส่วนเรื่องการค้าขาย ส่งออกยกให้เป็นหน้าที่ของฉัตรชวาไป
“What would you like to drink?”
“Can I have Americano, please.”
ระหว่างนั่งรอกาแฟเขามีโอกาสได้คุยกับรุ่นน้องคนไทยที่ทำงานด้วยกัน
“สุดยอดไปเลยพี่วิน ปิดโปรเจคสักที”
“เออนั่นสิ ว่าจะพักยาวๆ จนกลับไทยเลยว่ะ”
“แล้วพี่วินจะกลับตอนไหน จองตั๋วหรือยัง”
“ยังเลย คืนนี้ว่าจะกลับไปจอง”
“ให้แฟนพี่จองให้สิช่วงนี้ใกล้ปีใหม่ตั๋วเต็มตลอด เมืองไทยเมืองฮอตอะเนอะ…ฮอตที่แปลว่าร้อนนะพี่”
“หึ เลิกกันไปแล้วว่ะ”
“ทำไมอะ แฟนพี่วินออกจะสวยหุ่นสะบึม”
“พอเลยอย่ามาลามปาม”
“ผมพูดจริงนะ ทำไมถึงเลิกอะ”
“เข้ากันไม่ได้ว่ะ”
“เข้ากันไม่ได้หรือไม่ค่อยได้เข้า”
“ไอ้นี่ วอนซะแล้ว”
“ผมล้อเล่นพี่ ฮ่าๆ ขอตัวก่อนนะ”
“ไม่ดื่มกาแฟด้วยกันก่อนเหรอ”
“ไม่ดีกว่าครับ คนไม่หล่อนัดสาวไว้ถ้าไปช้าเดี๋ยวโดนเท”
“เออๆ โชคดี”
แล้วฉัตรชวินก็ถือแก้วกาแฟกลับห้อง อันที่จริงเอากลับไปแช่ตู้เย็นเสียมากกว่าบางทีก็ทำงานหนักจนลืมทานข้าวก็มี กาแฟจึงเป็นตัวช่วยสำคัญ
“Which floor?”
“Eight please.”
เมื่อถึงห้องร่างหนาทิ้งตัวนั่งบนโซฟา มองขวดวิสกี้และแก้วเหล้าที่ยงวรีชอบดื่มวางทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู…สมองสั่งให้หาเรื่องเจ็บปวดหัวใจ
IG : Chatchawa
“เฮ้อ…ดีใจด้วยนะวา”
เหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมออกไปเมานอกห้องให้ตัวเองเจอปัญหาอีก วิสกี้ชั้นดีถูกรินใส่แก้วส่ายวนไปวนมาก่อนจะยกดื่ม…ภาพว่าที่เจ้าสาวใส่ชุดไทยสีชมพูหวานที่มีว่าที่เจ้าบ่าวใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงเขาโอบกอดไว้ข้างกาย
“ถ้าเป็นพี่ก็คงดี เกี๊ยว”
มือหนาเลื่อนผ่านอีกหลายรูปที่ฉัตรชวาน้องชายฝาแฝดของเขาลงไว้ แหวนแต่งงาน ช่อดอกลิลลี่สีขาว หรืออะไรก็ช่างที่แสดงถึงความรักช่างน่าอิจฉายิ่งนัก ถ้าหากวันนั้นเขากล้ากว่านี้ ถ้าหากวันนั้นเขายอมบอกเธอไป ถ้าหากวันนั้นเขาไม่ยอมถอยออกมา ชื่อของฉัตรชวินคงอยู่บนการ์ดเชิญร่วมงานแต่งคู่กับกณิสรา…ไม่ใช่ฉัตรชวา
Chatchawin การ์ดเชยชะมัด ฉันออกแบบให้ใหม่ไหม
Chatchawa @Chatchawin ไว้รองานแต่งตัวเอง
“เกี๊ยวโตเป็นสาวแล้ว สวยจนพี่จำไม่ได้”
ฉัตรชวาได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเองก่อนจะลูบใบหน้าหวาน ดวงตากลมโต มีลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้างผ่านหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะกระดกวิสกี้เข้าปากจนหมดขวด ตาปรือราวกับจะผล็อยหลับไป
“ขอให้เกี๊ยวมีความสุขนะ ลืมๆ พี่ไปซะ…เพราะพี่ก็จะลืมเกี๊ยวเหมือนกัน”
แล้วโลกของฉัตรชวินก็ดับลง