บทที่3
มีเรื่องไม่สบายใจ
หนึ่งเดือนผ่านไป
เสียงพูดคุยของกลุ่มเพื่อนบ้านและแม่ค้าหน้าร้านดังแว่วเข้ามาในร้านขายของชำของคุณแม่ของรมิดาเป็นเรื่องปกติที่พวกป้าๆ จะรวมตัวกันในช่วงสายๆ แบบนี้เพื่อพูดคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบหรือบางครั้งก็พูดเรื่องของคนอื่น
"พวกแกเห็นแฟนพ่ออชิระไหมล่ะ? แต่งตัวสวยทุกวันออกจากบ้านตลอดไม่รู้ไปไหนไปทำอะไร" ป้าชลเอ่ยขึ้นก่อนจะหยิบน้ำและขนมมาวางบนเคาท์เตอร์ให้คุณแม่ของรมิดาคิดเงิน
"นั่นสิ ฉันเห็นพ่ออชิระเขาขยันทำงานแทบจะไม่ได้พักแต่แม่หนูแฟนสาวของเขานี่สิเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยบางวันฉันก็เห็นพ่ออชิระกลับมาถึงบ้านก็ต้องมากวาดบ้านทำงานเองแต่เมียอยู่บ้านกลับไม่ทำอะไรเลย" เพื่อนบ้านเสริมด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ
"ก็นั่นแหละ! ฉันล่ะเสียดายคุณอชิระคนอะไรทั้งสุภาพ ขยันทำงาน หน้าตาก็ดีนิสัยก็ยังน่ารักอีก"
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นหลังคำพูดนั้นดังขึ้นมารมิดาที่นั่งอยู่ในร้านกลับไม่ได้ยิ้มหรือรู้สึกสนุกปากไปกับพวกเขา เธอก้มหน้าอ่านหนังสือของเธอไปพยายามทำตัวเหมือนไม่ได้ยินเรื่องพวกนั้น
"รมิดาลูกล่ะว่าไง?" คุณแม่ของเธอหันมาถามลูกสาวที่เอาแต่ก้มหน้าอ่านหนังสือนิยาย
"คะ?" เธอเงยหน้ามองด้วยความงุนงง
"ก็แฟนพ่ออชิระไงแม่ดูแล้วเหมือนไม่ค่อยเหมาะสมกันเลยคนหนึ่งขยันทำงานอีกคนเอาแต่แต่งตัวออกจากบ้านลูกคิดว่ายังไง" รมิดานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"หนูก็ไม่รู้ค่ะ ไม่ได้สนใจเรื่องของคนอื่นเท่าไหร่"
คำตอบของเธอนั้นทำให้พวกป้าๆ พากันหัวเราะชอบใจเพราะเธอเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจากับใครแต่ก็ขยันรู้จักทำมาหากินหาช่องทางรายได้ของตนเอง
"โอ๊ยเด็กคนนี้ช่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวอะไรเลย"
รมิดาไม่ได้ตอบอะไรต่อเธอแค่ก้มหน้ากลับไปสนใจหนังสือแต่ลึกๆ ในใจเธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่เรื่องนี้กลายเป็นหัวข้อพูดคุยในหมูชาวบ้าน
ในช่วงเย็นขอวันนี้ผู้คนเริ่มซาเพราะต่างแยกย้ายกลับบ้านของตนเองหลังจากที่กลุ่มลูกค้าชุดสุดท้ายเข้ามาซื้อของก่อนกลับบ้านพัก รมิดาก็เตรียมเก็บกวาดหน้าร้านแต่ในจังหวะนั้นเองเธอเหลือบตามองเห็นอชิระเดินถือถุงขยะออกมาทิ้งที่ถังขยะฝั่งตรงข้ามร้านของเธอใบหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบเหมือนเดิมแต่ท่าทางและแววตาดูเหนื่อยล้ากว่าปกติ รมิดาหันกลับมาหยิบสายยางรดน้ำต้นไม้เพราะไม่อยากใส่ใจอะไรมากนักแต่เธอกลับได้ยินเสียงของคุณแม่เอยทักทายจนเขาหยุดชะงัก
"เหนื่อยไหมพ่อคุณ"
รมิดาเงยหน้ามองด้วยความตกใจเพราะว่าเขาอยู่ตรงหน้าเธอเลย ที่สำคัญแม่ของเธอก็ชวนเขาคุยสัพเพเหระไม่เลิก
"ก็พอได้เลยครับป้าช่วงนี้งานจะเยอะหน่อย" อชิระตอบพลางยิ้มให้อย่างสุภาพ
"ทำงานหนักแบบนี้ดูแลสุขภาพด้วยนะลูก เป็นอะไรขึ้นมาพวกป้าๆ คงเสียใจแย่แค่นี้ก็เสียดายที่เกิดก่อนไปหลายปีฮ่าๆๆ"
อชิระหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือไหว้แล้วเดินกลับเข้าบ้านของตนไปส่วนรมิดาได้แต่มองแผ่นหลังของเขาเงียบๆ ในใจไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เธอกลับรู้สึกหนักใจกับเรื่องราวรอบตัวเขามากขึ้นทุกทีแม้จะพยายามบอกตัวเองว่า.... มันไม่ใช่เรื่องของเธอก็ตาม
คืนนี้อากาศเย็นสบายสายลมอ่อนๆ พัดโชยเข้ามาในบ้านของเธอเสียงจิ้งหรีดและกบร้องดังประสานกัน รมิดาเดินออกมานั่งที่ม้านั่งตัวเดิมใต้ต้นมะม่วงเธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระหว่างที่เธอนั่งอยู่เธอเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ บริเวณบ้านข้างๆ ซึ่งเป็นบ้านของอชิระเขากำลังยืนอยู่ข้างรถของตัวเอง มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงส่วนอีกมือถือบุหรี่ที่มีไฟสีแดงวูบวาบทุกครั้งที่เขายกขึ้นมาสูบ
เธอไม่เคยเห็นหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้สังเกตมาก่อนว่าเขาสูบบุหรี่ด้วยตอนกลางวันเขาดูเป็นคนเงียบขรึม สุภาพและมีความรับผิดชอบแต่ตอนนี้เขาดูแตกต่างไปจากเดิม สีหน้าของเขาดูหนักอึ้งดวงตาที่เคยดูมั่นใจกลับเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวล รมิดาพยายามไม่สนใจเธอหันกลับมามองท้องฟ้าต่อแต่ก็รู้สึกถึงสายตาที่มองมา
ทำให้เธอหันไปมองสบตากับเขาโดยไม่ตั้งใจ....
เขามองเธอด้วยแววตาที่มีคำถามซ่อนอยู่มากมายแต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วหันกลับไปดับบุหรี่ที่พื้นแล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับความขุ่นมัวไม่สบายใจ รมิดานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งหัวใจเธอเต้นแผ่วๆ ด้วยความประหลาดใจเธอไม่รู้เลยว่าทำไมสายตาของเขาถึงทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างเงียบๆ
แต่ลึกๆ ในใจเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
"เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจของรมิดาดังออกมาอย่างสุดเสียงเธอจำใจเดินกลับเข้าบ้านเพราะไม่อยากเก็บเรื่องราวอะไรมาคิดให้ปวดหัวอีกแล้วแค่งานในแต่ละวันเธอก็หนักพอแรงจะต้องให้มาช่วยเรื่องนี้เธอคงได้กลายเป็นปุ๋ยอยู่ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้านพอดี
----------------------------
อชิระมีเรื่องไม่สบายใจอะไรทำไมถึงเครียดแบบนั้น
กดหัวใจ คอมเมนต์ เพิ่มเข้าคลัง
เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์คนนี้ด้วยค่ะ