ร่างบางเอ่ยอย่างน้อยใจ แต่พยายามควบคุมสีหน้าและแววตา ก่อนจะเงยหน้ามองเขาอย่างเฉยชา ต่อหน้าทุกคนเราทั้งคู่ต่างก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พอเหลือบตามองสีหน้าของเขาก็ยังคงปกติ ราบเฉยเย็นชาไม่ได้ใส่ใจใคร อีกทั้งสายตายังไม่ได้จับจ้องมาที่เดวาเลยแม้แต่น้อย
เย็นชาชะมัด!
ลูแปงยืนมองอยู่วงนอก จากตอนแรกที่ไม่สนใจแต่เมื่อลอบพิจารณารูปร่างหน้าตาของหญิงสาวแล้ว เขาก็รู้สึกคุ้น ๆ ขึ้นมา จึงลองเพ่งสายตาอีกครั้ง พยายามเค้นความทรงจำว่าเคยเห็นที่ไหนกันแน่ เพราะลูแปงเป็นถึงอดีตเดือนมหาลัย หน้าตาหล่อและมีตำแหน่งการันตีจึงมีสาว ๆ เข้าหาอยู่เสมอ แต่หญิงสาวตรงหน้า เขากลับคิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“เธอ…เราเคยเจอกันรึเปล่า?” สุดท้ายเพราะทนความสงสัยไม่ไหว ลูแปงจึงเอ่ยปากถามขึ้นมากลางปล่อง ทำให้ทุกคนต่างหันมามองอย่างพร้อมเพรียง
“อะไรกัน นี่เด็กมึงเหรอนึกว่าของไอ้รามซะอีก” แบร์เลิกคิ้วอย่างสงสัย แต่จุดประกายความสนใจของอาไก คงจะมีเพียงสองคนที่ไม่ชอบใจคือเดวาที่ตกเป็นเป้าสายตาแสนกรุ้มกริ่มของชายหนุ่มทั้งสองคนทันที ส่วนอีกคนที่ไม่แสดงปฏิกิริยาใดใด กลับยืดตัวขึ้น นัยน์ตาอำมหิตวาดผ่านไปชั่วขณะ
“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้รู้จักเพื่อนของพวกคุณเลย”
เดวารีบเอ่ยปากปฏิเสธทันควัน เพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาของพวกเขาอีกทั้ง เธอรู้สึกเย็นวาบราวกับกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตาไฟรอให้ถูกแผดเผาอย่างไรอย่างนั้น
“อย่างนั้นเหรอ แบบนี้ก็ดีเลยสินาน ๆ ทีจะเห็นคนน่ารัก ๆ ของคิงเวลล์หลุดรอดจากเงื้อมมือของไอ้สองตัวนี้” อาไกเอ่ยติดตลก แบร์จึงยกยิ้มมองเพื่อนทั้งสองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ต่างกับเดวาเมื่อได้ยินคำนั้น จึงเงยหน้าขึ้นมองรามิลตามสัญชาตญาณทันที แต่เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเขาแม้แต่หางตายังไม่เหลือบแล เธอจึงรู้สึกขมฝาดในลำคอ ก่อนจะกักเก็บสายตาที่กำลังตัดพ้อของตัวเองกลับคืนมา
“ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ” อาไกแซวเพื่อนอย่างไม่จริงจัง เพราะแค่เอ่ยให้ใครบางคนฟังเท่านั้นเป็นการตัดคู่แข่ง แล้วหันกลับมามองเดวาที่ยืนโดดเดี่ยวเป็นไข่แดงอยู่กลางวง หญิงสาวที่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดู ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นนักล่า
“เอ่อ…เดวาค่ะ” ร่างบางเงยหน้าตอบเสียแผ่ว เธออยากจะหายไปจากตรงนี้มาก ปกติก็ไม่ชอบเป็นจุดสนใจอยู่แล้ว ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของเขาเธอยิ่งอยากหายไป
“ชื่อน่ารักจังเลย คนก็น่ารัก”
เดวาหลุบตายู่ปากเล็กน้อย ไม่ได้มีอาการเขินอายหรืออะไรเลยสักนิด ในใจกำลังภาวนาว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะไปสักที ยิ่งอยู่นานยิ่งรู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้ โดยเฉพาะทิศทางที่เขายืนอยู่แม้ไม่หันไปมองก็รับรู้สายตาทิ่มแทงจากเขาได้เป็นอย่างดี
“เฮ้ย! น้องเขากลัวมึงน่ะอาไก สั่นเป็นลูกนกเลย” แบร์เอ่ยยิ้ม ๆ
“น้องเดวาครับ พี่ไม่กินหนูหรอก”
เดวาอยากจะกลอกตามองบน เมื่อไรพวกเขาจะไปสักที ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะของชายหนุ่มทั้งสองคนเธอยิ่งเครียด อีกฝั่งก็เหมือนโดนสำรวจ อีกฝั่งก็จ้องราวกับจะมองให้ทะลุปรุโปร่ง เดวารับรู้ได้ว่าผู้ชายที่ทักเธอเหมือนคนคุ้นตา กำลังมองมาอย่างใช้ความคิด ส่วนอีกฝั่งที่ทำให้เย็นเยียบไปทั้งร่างคงหนีไม่พ้นเขา
“มึงน่ะตัวดี ทำท่าอย่างกับจะงับหัวน้องเขา”
“หุบปากไปเลยน้องเขาจะคิดว่ากูคิดไม่ซื่อ” ได้ยินเสียงชายหนุ่มสองคนพูดถึงเธอไม่หยุด เดวาจึงคิดว่าควรเอาตัวออกมาจากบทสนทนาของพวกเขาได้แล้ว แม้จะไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าแต่เธอก็มีมารยามมากพอเลยไม่ขัด แต่ยิ่งนิ่งเฉยยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหมือนตกอยู่ในผืนน้ำอันเวิ่งว้าง และประโยคสองแง่สองง่ามจึงทำให้เธอรีบปฏิเสธพัลวัน
“เปล่านะคะ เดวาไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” ร่างบางโพล่งขึ้นมาหน้าตาตื่น ทำให้พวกเขาอดอมยิ้มไม่ได้
“แหม พวกพี่คุยตั้งนานพึ่งเห็นน้องรีบปฏิเสธขนาดนี้รังเกียจพี่เหรอครับ” อาไกเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจแต่สายตาคมปราบ
“เอ่อ ไม่ใช่นะคะ”
“เอางี้ ถ้าน้องไม่ได้คิดแบบนั้นก็แสดงความจริงใจออกมา” แค่ตอบไปก็ไม่พอเหรอ ทำไมต้องให้เธอแสดงความจริงใจด้วยล่ะ
“ย..ยังไงเหรอคะ” หญิงสาวเงยหน้ามองอย่างใสซื่อ
“น้องก็แค่แสดงความจริงใจด้วยการ เอาเบอร์มาให้พี่” ร่างบางเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่ตรงหน้าเอ่ย แม้เขาจะมีใบหน้าที่หล่อเหลาแย้มยิ้มแต่ก็ดูอันตราย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมไปจากเธอสักที ฮือ
“อะไรกันแค่นี้ก็รังเกียจกันแล้วเหรอ” อาไกยังคงไล่ต้อนต่อหน้าเพื่อนทั้งสามคนที่มองเหตุการณ์ เดวานิ่งอึ้งไปหลายนาที มือไม้ที่กำสายกระเป๋าไว้ชื้นเหงื่อพยายามควบคุมจิตใจที่ตื่นตระหนกให้เข้าที่เข้าทาง แต่เหมือนรุ่นพี่อย่างอาไก จะไม่ปล่อยเวลาให้เธอได้ตั้งตัวทัน เขาขยับเข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ แม้เดวาอยากจะถอยหนีแต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะด้านหลังของเธอคือชั้นที่วางแอลกอฮอล์ อาไกรุกคืบเข้าหาหญิงสาวราวกับหมาป่าที่พร้อมจะเขมือบกระต่ายตัวน้อย ๆ นั่นยิ่งทำให้เธอตกตะลึงพรึงเพริด และยังรู้สึกหวาดกลัวเพราะถูกคุกคาม ในใจภาวนาให้คนคนนั้นเอ่ยปากช่วยเหลือเธอสักนิด แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังคงเงียบ นั่นยิ่งเพิ่มความกดดันให้เธอเป็นอย่างมาก
“เงยหน้าขึ้นสิคนสวย แสดงความจริงใจหน่อยว่าเธอไม่ได้รังเกียจพี่” แบร์ยกยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้า เรื่องเล่นกับจิตใจคนนี่ต้องยกให้อาไกเลย โดยเฉพาะกับสาว ๆ สวย ๆ แต่คนอื่นต่างเล่นกับมัน คงมีแต่คนนี้ที่เอาแต่ก้มหน้าดูน่าสงสารจึงแทรกขึ้นมา
“ไอ้ห่า เอาแต่พอดี”
“หึ น้องเดวาครับเงยหน้าบอกพี่สิว่าเบอร์เราเบอร์อะไร” ลูแปงจ้องท่าทางของเพื่อนและหญิงสาวนิ่ง เขายังคงติดใจกับเดวาอยู่เพราะรู้สึกคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออก หรือเป็นเพราะเห็นระยะไกลจนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าใบหนึ่งข้างในถึงสีใสที่เธอถืออยู่ในมือ นัยน์ตาของลูแปงจึงสว่างวาบ
“ยัยประหลาด!”
“เอ๋…”
เสียงชายหนุ่มด้านหลังอาไกเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก พลางชี้มาทางหญิงสาวหนึ่งเดียว เดวาจึงเงยหน้าเอียงศีรษะอย่างไม่เข้าใจ แต่ชั่วขณะนั้นลูแปงที่จำหญิงสาวได้ก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาสาวเท้าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวทันที แต่โดนอาไกที่กำลังเล่นสงครามประสาทอยู่ขวางไว้
“เฮ้ย! อะไรวะคนนี้กูยังเล่นอยู่นะ”
“เรื่องของมึงสิวะ แต่ตอนนี้กูต้องจัดการยัยคนนี้ก่อนคิดว่าโยนรองเท้าใส่หัวกูแล้วจะจบเหรอวะ!” ลูแปงตวาดอาไกเสียงกระโชกโฮกฮากสลัดเพื่อนออกห่าง ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าร่างเดวาที่กำลังตื่นตะลึง และอกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์ เธอไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองก้าวเท้าไหนออกจากบ้าน ทำไมถึงซวยได้ขนาดนี้ ระหว่างที่คนตัวเล็กยื่นเบิกตากว้างก้อนเนื้อในอกเต้นกระหน่ำยิ่งเห็นมือใหญ่ของลูแปงพุ่งเข้ามาจะกระชากร่าง เดวายิ่งตกใจริมฝีปากเม้มหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว
“เธอตายแน่ยัยลูกหมา!”
“อ๊ะ!”
ก่อนที่มือหนาของลูแปงจะมาถึงตัวของหญิงสาว อาไกและแบร์ต่างก็ตื่นตะลึงเพราะคว้าตัวเดวาไว้ไม่ทัน แต่ใครจะคิดว่าคนที่สูงชะลูดมีกล้ามเนื้อการทรงตัวดีเยี่ยมอย่างลูแปงจะสะดุดล้มร่างจึงพุ่งเข้าหาชั้นวางแอลกอฮอล์และชนโครมจนทุกสิ่งทุกอย่างร่วงตกลงมาเป็นแถบราวโดมิโน
เพล้ง!
“เหี้ยเอ๊ย!”